ทุกคนเคยเห็นความรักบ้างไหม หน้าตาความรักเป็นเช่นไร ถึงทำให้รุ่มร้อนจะเป็นจะตาย สุขฤามิวายโลกทั้งใบเป็นของตัวเอง ทุกคนไข่วคว้าหารักนี้มากมาย ทุรนทุรายกับมันไม่วายเว้น วันนี้จึงขอเอารักตั้งประเด็น รักให้เป็นเช่นใดกระไรมา มีรักก่อเกิดทุกข์แสนสาหัส น่าแปลกนักทุกข์เพราะรักยังเสาะหา กอบโกยรักเข้าตัวเต็มอัตรา ไม่เหนื่อยล้าที่จะสุขจะทุกข์ใจ พอเจอรักมักเป็นทุกข์ไม่สุขสรรค์ เมตตากันนั่นมันดีกว่ารักไหม รักเมตตามาด้วยกันพันผูกใจ รักกันไว้เมตตาด้วยช่วยค้ำชู @ข้อสรุปของรัก..คือเมตตา..เมตตาตัวเดียว จะลดความเกลียดเมื่อไม่สมหวัง...ลดเงามืดในการ เห้นแก่ตัวของตัวเราลงได้...@ เหนือกว่าคำว่ารักคือเมตตา ไม่อาจนำพาสิ่งใดแลกเปลี่ยนได้ ความเมตตาพาความรักมั่นคงในจิตใจ เมตตาไว้แล้วรักจะสุขไม่ทุกข์เอย
7 มิถุนายน 2550 10:28 น. - comment id 706425
ความรักเป็นดาบสองคม สุดแต่ใครจะใช้ไปทางด้านใด ด้านหนึ่งมีแต่สุขจนแทบหลงระเริง อีกด้าน..เอาไว้เชือดคอตัวเอง.. แวะมาทักทายครับ..
7 มิถุนายน 2550 10:48 น. - comment id 706595
สำหรับผมขอแนะว่า ใช้พรหมวิหาร 4 น่า จะดีนะครับ อันประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา จะทำให้มีความสุขได้ นะครับ ความรักควรมีการเสียสละได้ครับ
7 มิถุนายน 2550 11:04 น. - comment id 706603
มีนักกวีท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ความรักทำให้โลกหมุน..ความรักที่แท้จริง จะบริสุทธิ์....ไม่คาดหวัง...ไม่ถือสา..เย็น.. ยอม..อภัย .. คะคุณแมวคราว สาธุแม่ชีมาเอง..อิอิ
7 มิถุนายน 2550 11:07 น. - comment id 706606
ธรรมมะสวัสดีคะคุณเบรฟ... คะเห็นตรงกัน...แต่คงทำได้ไม่หมด..เอาแค่พื้นฐานได้มะคะ พรหมวิหาร 4 ความหมายของพรหมวิหาร 4 - พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่ เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี อุเบกขา การรู้จักวางเฉย คำอธิบายพรหมวิหาร 4 1. เมตตา : ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้ และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น 2. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ - ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และ ความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์ - ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์ 3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง 4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
7 มิถุนายน 2550 11:52 น. - comment id 706637
วันนี้ได้ฟังเทศนา
7 มิถุนายน 2550 11:58 น. - comment id 706641
ธรรมมะสวัสดีคะ..ลุงก่อกกิก.. มารับฟังบ้างก็ดีนะคะ..จะได้นิยามแนวเก่าที่ถูกลืมอะคะ.........มัวแต่ไปจำว่ารักคือของเรา
7 มิถุนายน 2550 14:05 น. - comment id 706688
ไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจค่ะ ให้อภัย เชื่อใจ และเข้าใจ ก็ช่วยคำจุนรักได้เช่นกันค่ะ
7 มิถุนายน 2550 14:26 น. - comment id 706701
รักมีพลังทั้งบวกและลบ ถ้าสมหวังก็มีพลังสร้างสรรค์แม้นหนักหนาเพียงใดก็ง่ายดาย.. แต่ถ้ารักไม่สมหวัง ก็มีพลังทำร้ายล้างเช่นกันอิจฉาริษยา...ได้.. รักให้เป็น.คงพ้นทุกข์ค่ะ
7 มิถุนายน 2550 14:54 น. - comment id 706716
ไม่รูว่าจะแสดงความคิดเห็นอย่างไร เพราะกำลังอยู่ในช่วงสูญญากาศของความรัก
7 มิถุนายน 2550 14:57 น. - comment id 706717
รักอย่างมีสติค่ะ...
7 มิถุนายน 2550 15:21 น. - comment id 706726
ธรรมมะสวัสดีคะ..เจ้าหญิง..มาอีกแล้ว ยังสดใสเหมือนเดิมน๊าาา...รักคำนี้ยากยิ่งนัก ที่จะเข้าใจ..เกิดได้ทุกวัย...
7 มิถุนายน 2550 15:23 น. - comment id 706728
ธรรมมะสวัสดีคะครูพิม รักในนิยามของครูพิมก็ดีคะ..ขอให้รักให้เป้น รักไม่เห้ฯแก่ตัวนะคะ...
7 มิถุนายน 2550 15:26 น. - comment id 706730
ธรรมมะสวัสดีเจ้าอ้ายอินสวน เป็นจะอั้นก่าอ้าย..น้องเห็นอ้ายกิ๊ดนักก็บ่สบายใจ๋..ตอนนี้ดีหรือยังเจ้า..ขอหื้อเจอฮักแต้ โว้ยๆๆเน้อเจ้า...
7 มิถุนายน 2550 15:28 น. - comment id 706733
ธรรมมะสวัสดคีคะคุณน้ำผึ้งเดือนห้า สั้นๆๆแต่มีความหมายรักอย่างมีสติ แต่พอรักไปแล้วลืมเลยอะคะ..ตัวพี่ก็เป็น เฮ้อ...กว่าจะรู้เรียกสติกลับคืน..ก็เป๋ไปพักหนึ่งนะคะ
7 มิถุนายน 2550 15:50 น. - comment id 706775
สถานการณ์ปัจจุบันนี้ต้องใช้ธรรมเข้าช่วย บำรุงใจเราเองค่ะ.....
7 มิถุนายน 2550 16:09 น. - comment id 706795
ธรรมมะสวัสดีคะwhitelily เป็นวิธีเดียวที่เรา..จะช่วยเหลือตัวเองพ้นทุกข์คือทำใจให้ดีและเย็นมีสตินะคะ
7 มิถุนายน 2550 19:38 น. - comment id 706875
เราว่าก็ช่าย แต่สำหรับเรารักคือการให้ ให้ด้วยใจที่แท้จริง คะ
7 มิถุนายน 2550 22:10 น. - comment id 706932
ธรรมสวัสดีคะน้องผู้หญิงมือสอง รักคือการให้..เราให้เขามาตลอด..แต่สิ่งที่เราได้รับจากการให้ของเขาเราก็อภัยจ้า...
11 มิถุนายน 2550 14:47 น. - comment id 708605
ทำได้แบบนั้น ก็ดีนักหนาสิ แต่ที่เป็นอยุ่มันไม่ใช่....ใจเรายังมีแต่เขาตลดเวลาไม่ใช่หรือ??... เทคแคร์..