ภาระ
เทพระวี
รัติกาลโรยหม่นหล้า อาลัย
เย็นย่ำเยือนฟ้าบัง บดแก้ว
สนธยาห่มหัวใจ แห่งโลก
ตะวันผ่อนอ่อนล้าแล้ว ล่วงจร
แพรพันธุ์พฤกษ์โบกพริ้ว ลมพรม
ระบายระอุตะวันรอน รุ่มเร้า
เพียรภาวะที่สะสม สรรพสิ่ง
สรรพชีพทนเท้าก้าว เสาะแสวง
เทียวทางเปลี่ยวยิ่งร้าง รางเลือน
ละครหมอกมายาแสดง หยอกล้อ
วิญญาณถกปรัชญาเยือน ย้ำสติ
ยามทุกข์ทนแท้ท้อ ฟั่นเฟือน
พลันพายุสิคลุ้ม คลั่งคะนอง
ตวาดกวาดดาวและเดือน ดับด้าว
มืดกว่ามืดมั่นมอง ชีวิต
ปลอบจิตที่เร้าร้าว ลุกรน
ม่านมายาปิดฟ้า ลวงตา
แสงวิบวอมเวียนวน วาบท้า
เพียงตะเกียงแห่งปัญญา ปรากฎ
ส่องประกายให้ก้าวกล้า ดุ่มเดิน
แม้ตะวันรันทดแล้ว โรยลา
แสงแห่งตะเกียงเผชิญ รับใช้
เปลวประทีปแห่งศรัทธา มวลมนุษย์
ส่องจิตส่องสร้างไว้ ฝากตะวัน
***************************************
(ในราตรีที่ต้องมนต์ " นกเถื่อน " ของท่าน ระพินทรนาถ)