จรดปากกาจารหมึกนึกวิตก ถึงหัวอกคนอ่านงานอักษร เขาจะมองไม่เห็นเป็นกาพย์กลอน ทบทวนย้อนหลายครั้งยิ่งลังเล สื่อภาษาอารมณ์ชมทิวทัศน์ ค่อนแคะหญิงสิ่งถนัดเริ่มหันเห หาเนื้อแท้คนนิยมสมคะเน ต้องไฉเฉออกแนวเศร้าเคล้าน้ำตา จะคิดเขียนอย่างไรไม่ยอมเศร้า เพราะสันดานตัวเราชอบหรรษา ให้ปรับเปลี่ยนสุดทนจนปัญญา เฝ้ามองหาจุดยืนฝืนเคยชิน ฤๅบ้านกลอนหลังนี้มิต้อนรับ เคยสดับรู้เห็นเป็นนิจสิน ว่าอารีย์มีธรรมดุจธารริน ได้ดื่มกินเรียนรู้ทุกผู้นาม ใครใคร่อ่านใคร่แต่งไม่แบ่งชั้น ไม่ปิดกั้นเด็กผู้ใหญ่ให้ลงสนาม ทั้งหัดใหม่เชี่ยวชาญงานงดงาม มิครั่นคร้ามลงประชันฝันเป็นจริง หากเปรียบงานหัดใหม่คล้ายอาจม ต้องขื่นขมฝันสลายไปทุกสิ่ง ไฟกวีโชติช่วงถูกท้วงติง เลยมอดดับล้มกลิ้งเกลือกอาจม....
7 พฤษภาคม 2550 15:22 น. - comment id 692075
ใครจะอ่านก็อ่านเนาะ อยากเขียนเก่งเหมือนกันนะคะ แต่ก็ได้แค่อยาก อิอิ
7 พฤษภาคม 2550 15:21 น. - comment id 692098
** หากเปรียบงานมือใหม่ให้เป็นเด็ก เมื่อยังเล็กหมั่นเรียนพร่ำเพียรสอน ครั้นเติบใหญ่มธุรสในบทกลอน ร่ายคำวอนอักษราภาษาไทย... ** บ้านกลอนไทยคือเวทีแห่งชีวิต ร่วมลิขิตความฝันอันสดใส ทุกถ้อยคำบอกถึงความซึ้งใจ ประทับในดวงจิตนิจนิรันดร์.....ฯ เวที..บ้านกลอนไทย..เปิดไว้ให้ทุกคน..สร้างสรรค์ผลงานกลอน..และความฝันของตนเอง..สิ่งสำคัญ..ทุกคนเชื่อมั่นว่า..เรารักในสิ่งเดียวกัน..นั่นคือ..บทกลอน..และจินตนาการที่จะสื่อสาร..ให้ผู้อื่นได้รับทราบ... ...สังคม..จะมีความสุขได้..ต้องอาศัยการเสียสละ..แบ่งปัน..และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน....ผิดนิดผิดหน่อย..ควรให้อภัยกัน...เมื่อเรามีเวทีร่วมกันแล้ว...ควรแบ่งปัน..และช่วยเหลือกัน...พี่ช่วยน้อง...น้องช่วยพี่...มือใหม่...ก็ต้องให้เวลาเขา..ในการพัฒนา...มือเก่า..ก็ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยง..คอยชี้แนะ..ให้กำลังใจ...เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...ตลอดไป.. ...อย่างคุณฤกษ์นี้...เป็นมือเก่าแล้วล่ะค่ะ...(..ราชิกา..ก็คงเป็นมือเก่า..เหมือนกันนะ.เพราะอยู่มาเกือบ 5-6 ปี )เราควรจะเป็น..กำลังใจ..ให้น้องๆ..ได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานต่อไป..ที่สำคัญ..น้องใหม่ๆ..ก็จะต้องเชื่อพี่เก่าบ้าง...การยอมรับซึ่งกันและกัน..นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนในสังคมบ้านกลอนไทยต้องการค่ะ...
7 พฤษภาคม 2550 15:03 น. - comment id 692107
ช่วงนี้ไม่กล้าลงกลอน กลัวคนจะอาเจียนอ่ะ อิอิ แป่วววว
7 พฤษภาคม 2550 15:08 น. - comment id 692114
มิบังอาจที่จะแนะนำ..เพราะเราเป็นเพียง...กวีซีอิ้ว...
7 พฤษภาคม 2550 15:37 น. - comment id 692136
7 พฤษภาคม 2550 15:56 น. - comment id 692158
ติหน่อย ทำไมไม่ค่อยเห็นลงกลอนเหมือน แต่ก่อน หายหน้าหายตาไปนาน ระดับการ ชงอักษรอาจลดลงนะ และคนอ่านก็รออยู่ โดยเฉพาะ หลานอัสสุเอง รออ่านกลอนเพราะๆ อยู่เหมือนเดิมครับ
7 พฤษภาคม 2550 16:21 น. - comment id 692181
เขียนในแบบที่อยากเขียนจิคะ
7 พฤษภาคม 2550 16:57 น. - comment id 692214
^J^ .............. * ไปน้อยใจ ใครมา โดนว่าหรือ อย่าไปถือ หาความ ตามอักษร เขียนบานพับ เขียนสายยู หรือเขียนกลอน อ่านแล้วนอน หลับสบาย เป็นได้กัน...ทั้งน้านนน..
7 พฤษภาคม 2550 17:42 น. - comment id 692224
บทกวีบางบทนั้นรำพันว่า เอาน้ำตาร่วงลงบรรจงเขียน เอาความฝันวันเก่าเฝ้าวนเวียน ค่อยพากเพียรจรดจารตำนานกลอน เขียนผิดผิดมั่วมั่วกลัวเขาบ่น เพราะไร้คนที่รู้เป็นครูสอน ขอผ้รู้เรื่องจริงอย่านิ่งนอน อย่าบั่นทอนกำลังใจมือใหม่เลย แวะมาแจมนิดนึง คุณ ฤกษ์ขอที่อยู่ได้ไหมครับ ส่งเข้าเมล์เลยนะ มีคาราโอเกะให้เอาไปหัดร้องเพลง อิอิอิอิ
7 พฤษภาคม 2550 19:44 น. - comment id 692248
อ่านอย่างไรก็ไม่เบื่อค่ะของพี่ฤกษ์น่ะ เห็นชื่อนี้ขึ้นบ้านกลอนไรเป็นหลงใหลไปอ่านทุกที....สบายดีน่ะค่ะไม่เจอกันนาน...กระต่ายยังจำพี่ได้เสมอ...
7 พฤษภาคม 2550 22:56 น. - comment id 692301
เราเขียนออกมาจากหัวใจค่ะ..ใครจะอ่านหรือไม่ ก็ไม่ บังอาจไปฝืนใจใครได้ค่ะ.. อย่าเพิ่งน้อยใจไปเลยค่ะ..
8 พฤษภาคม 2550 05:27 น. - comment id 692329
เข้ามาอ่านเสมอ...เพราะอ่านทีไรมักได้ยิ้มเสมอๆ ค่ะ ส่วนตัวไม่ถนัดเขียนกลอนแนวนี้ ก็เลยชอบอ่านเสียมากกว่า แลกเปลี่ยนกันเสพความสุนทรีในหัวใจ เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เราขาดหายไป ก็ทำให้ช่วงหนึ่งของอารมณ์เรา...อิ่มได้ และบางที...อักษรเพียงไม่กี่ตัวที่ปรากฏอยู่ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นความคิดของใครบางคนได้...อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เนอะคะ
8 พฤษภาคม 2550 07:58 น. - comment id 692361
ใครไม่อ่านก็อ่านเองสิ โด่เอ๊ย.. :) แอบงอนนอกเวปใครเขาจะไปรู้..
8 พฤษภาคม 2550 08:29 น. - comment id 692377
อย่าคิดมากกันเลยเนาะ...ทุกคนต่างหวังดี อยากให้มีสิ่งที่ดีๆไปนานๆ..ใช้เหตุผลกันดีกว่าครับ
8 พฤษภาคม 2550 11:38 น. - comment id 692393
จรดปากกาจารหมึกนึกหวั่นไหว กับหัวใจโอนอ่อนตามกลอนหวาน เขาบรรจงเขียนไว้ในตำนาน เฝ้าตรวจทานเพราะกลัวเขาทำเราเซ สื่อภาษาอารมณ์ชมน่ารัก เรายิ่งหนักหลงไหลใจหันเห แม้สักนิดยังไม่คิดจิตรวนเร ทุ่มถ่ายเทความห่วงหาเวลาไกล จะคิดเขียนอย่างไรให้เขารู้ ว่าหดหู่มากมายกายสั่นไหว ยามเขาเปลี่ยนมองหญิงอื่นชื่นหัวใจ ต้องร้องไห้เพราะเจ็บช้ำระกำทรวง จะมีไหมยามเขาเฝ้าต้อนรับ มาสดับรู้เห็นเช่นหึงหวง จับมือบ้างยามเดินเคียงเพียงแขนควง หรือเป็นห่วงใยสักนิดให้คิดมี หากรักฉันต่ำต้อยและด้อยค่า ไร้ราคาให้เขารักควรพลักหนี เด็กหัดรักอย่างฉันนั้นยินดี ยอมรับที่เขาเอ่ยมาไม่ว่าคืน ขอเพียงได้เรียงร้อยถ้อยคำรัก ด้วยแน่นหนักไม่เคยบ่นทนขมขื่น แม้ให้ไปสิ่งที่ได้คือใครอื่น ที่เธอชื่นฉันก็ยอมพร้อมทุกทาง เออ เขียนไปเขียนมาอ่านแล้วงง วุ้ย อิ อิ .... พี่ฤกษ์ ถ้าพี่เป็นมือหัดใหม่ เอมหน่ะ ยิ่งกว่าหัดใหม่ซะอีกพี่ ดูดิ แต่งไปแต่งมา ทำเอาคนแต่ง งง 5 5 5 5 5 หนูชอบมากเลยที่พี่ว่า ค่อนแคะหญิงสิ่งถนัดเริ่มหันเห หนูเชื่อค่ะ หนูเชื่อ ปล: ถึงพี่จะยังไม่ได้เป็นรัตนกวีของกรุงสยาม แต่พี่ก็เป็นรัตนกวีในใจเอมเสมอนะพี่ฤกษ์ ปล 2 : ท่านผู้อ่านและเจ้าของบ้านกรุณาอ่านเป็น ภาคไปนะคะ 1-2 ภาคหนึ่ง, 3 - 4 ภาคสอง, 5-6 ภาคสาม หรือที่เค้าเรียกว่าไตรภาคนั่นแหล่ะ หุ หุ หุ ( เห่อ รอดตัวไปเรา ) ปล 3 : ขอบคุณนะคะพี่ชาย
8 พฤษภาคม 2550 14:34 น. - comment id 692491
คิดแบบพี่เอมค่ะ (ไม่ว่านะพี่สาว คิคิ) แพรวใหม่มากๆๆ คิดอะไรค่อนข้างไร้สาระ ก้ยังรอคำแนะนำเสมอค่ะ แต่งถูกบ้างผิดบ้าง ตามน้ำค่ะ อาศัยว่าอ่านกลอนของพี่ๆในบ้านกลอน ก้เลยได้ภาษาใหม่ๆมาบ้าง อิอิ
8 พฤษภาคม 2550 14:51 น. - comment id 692512
การถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความรู้สึก....เขียนไปเถอะค่ะถ้ามีใจรัก คนอ่านเขามีสิทธิ์เลือกจะอ่านหรือไม่ จะกังวลไปใย อย่ากางกั้นความคิดของตนเองเลย การแบ่งปันอารมณ์...เป็นสิ่งที่ให้..โดยไม่การสิ่งใดใดมิใช่หรือ..
8 พฤษภาคม 2550 16:25 น. - comment id 692566
พิมพ์ข้อความจากใจใส่อักษร หวังเพื่อนพ้องผ่านมาอ่านทายทัก สื่อความหมายจริงใจไว้แน่นหนัก แบ่งปันภักดิ์คำไว้มิใช่กลอน แวะมาอ่านบ่อยๆอ่ะนะพี่ฤกษ์ เพราะบัวเขียนมะเก่งสักกะทีค่ะ
8 พฤษภาคม 2550 22:48 น. - comment id 692731
อ่านไปแล้วนึกในใจ เราก็แต่งเป็นแต่แบบนี้ซะด้วยซี เหงา ๆ เศร้า ๆ นาน ๆ เจ้าสาระจะมาสิงในกลอนสักครั้ง เหอ ๆๆ ขอเป็นกลอนร่อนอารมณ์ ดีกว่า ร่อนอาจม ได้ไหมคับ ชื่นชมคับ
9 พฤษภาคม 2550 00:37 น. - comment id 692764
เหมือนน้อยใจใครเขาคุณเจ้าขา จึงได้มาเขียนกลอนอ้อนคำฉันท์ แต่อย่างไรบอกกล่าวคราวพบกัน เราไม่กล้าแนะนำท่านนั้นแน่นอน แต่มีความฝากสักนิดคือคิดถึง มิตรที่ซึ่งห่างไกลไม่ถ่ายถอน แถมขอย้ำคำมั่นฉันอาทร ห่วงใยเธอเหมือนก่อนอย่าร้อนใจ เป็นห่วงนะ ดูแลสุขภาพด้วย
10 พฤษภาคม 2550 12:38 น. - comment id 693517
ขอโทษค่ะ ที่เข้ามาขัดจังหวะในงานเขียน อัลมิตราต้องการจะมาแจ้งข่าวคืบหน้าเท่านั้น ขณะนี้ ได้ขึ้นโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว ขอบคุณในสิ่งที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา แต่เมื่อมาเห็นกลอนของคุณ ซึ่งเหมือนว่า คุณเขียนตอบกลอนของอัลมิตรา .. หากมิใช่ ก็ขอโทษด้วย ที่เข้าใจผิดมหันต์ อัลมิตราเข้าใจว่า คุณยังเข้าใจในสิ่งที่อัลมิตราเขียน ไม่กระจ่างพอ.. บางคำ ที่ยกมา เช่น คำว่า อาจม โสมม .. จึงกลายเป็น คำที่คุณเลือกมาสื่อ โดยไม่อ่านบริบทรวมทั้งหมดว่า อัลมิตราขยายความทั้งหมดว่าอย่างไร ถือว่า ตรงนี้ อัลมิตราผิดพลาดเอง ที่ไม่รอบคอบในการใช้ภาษา และถ้ามีข้อความที่ทำให้สะเทือนใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ อ่านหนังสือไม่แตกแปลกจริงหนอ ไยชวนก่อสงครามทำหยามหยัน ยกวาทะบางประโยคโศกรำพัน ฤๅ อัดอั้นหัวใจแต่ไรมา มิใช่เขียนบทกลอนค่อนแคะท่าน ไยจึงพาลหลอกล้อส่อภาษา แปลความนัยโดยผิดไม่พิจารณา ช่างสรรหาโจทก์ให้มิไตร่ตรอง นัยยะของ "ละลานบนลานกลอน" เพียงสะท้อนความจริงสิ่งทั้งผอง ท่าน ฤๅ ทราบใจเราดั่งเข้าครอง เอาแต่จ้องจับจริตจนผิดประเด็น หากทุกคนมีใจไม่แบ่งปัน เวปเรานั้นคงเปื้อนเหมือนเคยเห็น ดั่งอาจมร่อนทั่วไปใครลำเค็ญ ท่านนิ่งเป็นหินได้..โอ้ใจคน