นิธิรำพึง ภาค ๓
nidhi
ตื่นแต่เช้าทำธุระให้สำเร็จ
อย่าหมกเม็ดเก็บไว้ก่อปัญหา
หมั่นสำรวจตรวจที่ผิดคิดที่มา
จึงรักษาตัวรอดได้ปลอดภัย
****
When you’re feeling blue
Let the world goes through
Then you can do it true
And let the peace come along their ways.
Aug15,2005
เมื่อรู้สึกหม่นหมองจงร้องไห้
อย่าปล่อยไว้ให้ใจต้องกลัดหนอง
ร้องออกมาให้จงหมดทุกข์ที่กอง
ขอจงร้องให้น้ำตาพาทุกข์ไกล
๑๖สิงห์๒๕๔๘
จำเรียงถ้อยร้อยคำหวานวานบอกแม่
ฝากดวงแขแพร่ออกไปทุกถิ่นฐาน
ด้วยจิตปลื้มปีติสุดสำราญ
แม้จากบ้านไกลห่างแม่แต่คิดถึง
สิงห์๒๕๔๘
รำลึกอดีตที่ผ่านนานมาแล้ว
เคยกล้าแกล้วต่อสู้ริปูผอง
เคยปกป้องรักษ์อธิปไตยครอง
บัดนี้ต้องมัวหมองน้องพี่เอ๋ย
๑๗สิงห์๒๕๔๘
วันนี้พ่อยังอยู่ได้ดูโลก
นับเป็นโชคหรือเคราะห์ยังสงสัย
ถึงบัดนี้ไม่โทษเคราะห์เราะร้ายก็กระไร
แต่ไหนไหนใจมั่นอยู่สู้ต่อไป
๒๓สิงห์๔๘
ในโลกจริงวันนี้ผิดหรือถูก
คิดว่าลูกคงรู้ได้ไม่สับสน
ดีคือดีเลวคือเลวอย่ามาปน
ชื่อว่าคนปนกันอยู่รู้รู้กัน
๒๓สิงห์๔๘
เริ่มวันนี้ดีกว่ารอประเดี๋ยว
จะกี่เที่ยวกี่หนทนให้ถึง
รอพรุ่งนี้ยิ่งมากเรื่องรุมกันดึง
อย่างแร้งทึ้งดึงกินเหยื่อจะเหลืออะไร
๒๔สิงห์๔๘
แสงเหลืองทองส่องลงมาอย่างท้าโลก
วันนี้โศกพรุ่งนี้สุขยังลุกไหว
ทุกข์หม่นหมองครองสุขเห็นเป็นที่ใจ
ทุกข์แค่ไหนทำใจสุขทุกข์หยุดพลัน
๒๔สิงห์๔๘
ทุกวันนี้ที่ได้เห็นเป็นพ่อลูก
สัมพันธ์ผูกแน่นแฟ้นเหมือนแผ่นผา
เพราะบุญคุณเกื้อหนุนจุนเจือมา
ถึงชาติหน้าชาติไหนใช้ไม่หมด
๒๕สิงห์๒๕๔๘
ทุกทุกอย่างบนทางนี้ที่สร้างโลกย์
อย่าไปโศกเศร้าเสียใจอาลัยหา
ทุกทุกสิ่งทิ้งให้หมดหยดน้ำตา
อย่าห่วงหาพาหมองกรองทิ้งไป
๒๕สิงหาคม๒๕๔๘
โลกธรรมค้ำจุนอยู่ดูเอาเถิด
ย่อมมีเกิดแก่เจ็บตายตามวิถี
สังคมทรามเสื่อมลงบ้างมากน้อยมี
อยู่กับที่ใจคนกำหนดวัด
๕กันยายน๒๕๔๘
ฟังเสียงฝนตกลงมาหลังคารั่ว
หนูไม่กลัวบ้างหรือไรใคร่ขอถาม
ฟ้าฝนร้องกึกก้องดังคุกคาม
ตอนตีสามยามมืดมิดจิตใจสั่น
๑๔ กันย์ ๒๕๔๘
ฟ้าครึ้มฝนหม่นมัวน่ากลัวนัก
มองเสาหลักเมืองกรุงเทพน่าผิดหวัง
สรรพสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง
อย่าไปหวังสิ่งดีเลิศจะเกิดนัก
๑๕กันย์๒๕๔๘
มานั่งนึกตรึกตรองผองปัญหา
ได้พบว่าหวังที่คิดยังผิดหวัง
แต่ไม่ถอนความคิดวิจิตรอัน
จะสร้างสรรค์วันที่เหลือเพื่อมวลชน
๑๕กันย์๒๕๔๘
ฟ้าฉ่ำดาวค่ำวันนี้ยังมีอยู่
มืดมืดดูดวงดาวพร่างพราวสวย
ส่องระยิบประจำฟ้าน่างงงวย
พระจันทร์สวยเย็นลมพัดนัดชมดาว
๒๖กันย์๒๕๔๘
เช้าวันนี้มีเมฆบางกระจ่างแจ้ง
อาทิตย์แดงแสงเรืองเรื่อเจือเหลืองสวย
จันทร์เพิ่งดับลับเหลี่ยมฟ้ากลับถิ่นทวย
ฟ้าใสสวยช่วยกันรักษ์อยู่คู่โลก
๒๗กันย์๒๕๔๘
เที่ยวเกาะเกร็ดเตร็ดเตร่ไปเที่ยวชมสวน
ดอกไม้ล้วนงามตาช่างน่าฝัน
ชมชิมชอบขนมหวานตลอดทั้งวัน
แดนสวรรค์บนดินถิ่นชาวมอญ
๓๐กันย์๒๕๔๘
รวิแรงแสงฉายประกายส่อง
สีเหลืองทองรองเรืองเมืองในฝัน
จากวันนี้ที่เห็นเป็นนิรันดร์
โลกที่ฝันมันแตกต่างห่างที่จริง
๑๓ตุลย์๒๕๔๘
ที่เคยเห็นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเล่า
อย่ามัวเขลาเบาปัญญาถ้าสงสัย
ตรึกตรองคิดหาคำตอบที่ค้างใจ
จารนัยให้หมดสิ้นยินดีไหม
๑๓ตุลย์๒๕๔๘
ดินแดนนี้ที่ต่างไปในอดีต
บนจารีตติดฝังเวียงวังเขมร
บันทึกเรื่องกัมพุชจุดเบี่ยงเบน
เหลือกากเดนเขมรล่มจมธรณินทร์
๑๗ตุลย์๒๕๔๘
ฟ้าฉ่ำดาวคราวนี้มีให้เห็น
อย่างที่เป็นแหล่งดาวสกาวแสง
อาทิตย์ดับลับนานแล้วคลายร้อนแรง
จันทร์เหลืองแดงสีทรงกลดงดงามจริง
๑๗ตุลย์๒๕๔๘
จากวันนี้ที่เห็นที่เป็นอยู่
ยอกย้อนดูรอยอดีตยังติดฝัน
ที่เคยเพียรเวียนต่อสู้อยู่ทุกวัน
มันพลิกผันวันสุขสมล่มจมแล้ว
๑๗ตุลย์๒๕๔๘
ตะวันฉายสายวันนี้ยังสาดส่อง
ทุกวันมองตะวันฉายจากท้ายหนอง
เย็นลมพัดชายทุ่งใต้ยูงทอง
ช่วยคลายหมองน้องพี่ดีจริงจริง
๑๗ตุลย์๒๕๔๘
ออกพรรษาปีนี้ดีหลายอย่าง
บนหนทางก้าวไปไม่เพ้อฝัน
กำลังใจเปี่ยมล้นขึ้นทุกวัน
ตั้งใจมั่นหมั่นสืบค้นด้นพระธรรม
๒๐ตุลย์๒๕๔๘
สายสัมพันธ์มั่นคงนักหักได้หรือ
สร้างกับมือจวบสัมฤทธิ์วิจิตรสรรค์
ผ่านฟูมฟักถักทอฝันหมั่นจำนรรจ์
แม้จะสั้นมันก็สุขหยุดทุกข์ตรม
๒๘ตุลย์๔๘
แดดเรืองรองส่องหน้าท้องฟ้าใส
อดทนไปจนกว่าได้มรรคผล
เสียสละมานะก่อขอสู้จน
ได้หลุดพ้นสนตะพายหายจากทุกข์
๓พิจิก๔๘
เมื่อแรกรักน้ำผักขมชมว่าหวาน
อย่างอ้อยตาลหวานลิ้นสิ้นความขม
เมื่อรักนานผ่านอุปสรรคตรม
ความขื่นขมระทมทุกข์รุกเข้ามา
๔พิจิก๔๘
จากดินแดนที่ห่างไปในอดีต
ผ่านคมมีดคมหอกยังหลอกหลอน
ภาพการบุกรุกรานผ่านดงดอน
เมื่อเก่าก่อนสอนเราให้เข้าใจ
ผลประโยชน์โภชผลปนความโลภ
จึงเฉี่ยวโฉบทึ้งเหยื่อไม่เหลือโฉม
ซากหลงเหลือเจือด้วยความทรุดโทรม
ผ่านไฟโหมลมพัดพิบัตินั้น
๑๑พิจิก๔๘
แสงเรืองรองส่องลงมาอย่างท้าโลก
ทุกข์เศร้าโศกมอดมลายหายกับฝน
หมั่นทำดีสักวันพระเบื้องบน
ช่วยหลุดพ้นจนได้คลายห่างทุกข์
๑๑พิจิก๔๘
ลอยกระทงวันนี้ไม่มีพี่
ดวงฤดีเศร้าสร้อยนั่งคอยหาย
ป่านฉะนี้ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
สุขสบายเมื่อไหร่อยากจะรู้
๑๗พิจิก๔๘
สวัสดีพี่น้องผองชาวเน็ต
ทั่วประเทศเขตแดนแผ่นดินสยาม
กระผมชื่อว่าพลเรียกขานนาม
ตอบคำถามเรื่องที่ทุกข์โปรดปรึกษา
๒๐พิจิก๔๘
เย็นลมหนาวพัดโบกโบยโชยกลิ่นหอม
พวงพะยอมหอมเย็นเพ็ญส่องแสง
ดอกราตรีสีขาวตัดดาวแดง
พุดจีบแซงแทรกอยู่ด้วยลมช่วยพัด
๒๑พิจิก๔๘
เย็นลมพัดสะบัดโบกโยกไม้ไหว
ที่ห่างไกลทางโพ้นโน่นคงหนาว
ลมแรงพัดใบไม้ร่วงหล่นดังกราว
นี่ถึงคราวหน้าหนาวเริ่มมาแทนแล้ว
๒๒พิจิก๔๘
หนาวลมเย็นบนเขายังเศร้านัก
ที่เคยรักกลับแปรเปลี่ยนชังหนีหาย
จากวันนั้นถึงวันนี้พี่แทบตาย
ผลสุดท้ายที่ยังเหลือคือเยื่อบาง
๒๔พิจิก๔๘
ร้อนแดดแรงแสงกล้าเริ่มหน้าหนาว
เม็ดเหงื่อพราวหยาดหยดอุ่นรดไหล
พอแดดร่มสายลมพัดกิ่งไม้ไกว
เย็นชื่นใจหายเหนื่อยที่เมื่อยล้า
๒๙พิจิก๔๘
สายลมแรงแสงแดดอ่อนก่อนจะสาย
ความเหนื่อยหน่ายยังอยู่รู้และเห็น
อดีตช้ำผ่านมาอย่างยากเย็น
เก็บซ่อนเร้นเอาไว้ไม่ให้รู้
๒๙พิจิก๔๘
อดีตรุ่งเรืองรองหมองเสียแล้ว
อย่างดวงแก้วร้าวทั่วดูมัวหมอง
ผ่านมาแล้วภาพอดีตที่เรืองรอง
ไม่ต้องร้องเรียกสงสารรำคาญใคร
๒๙พิจิก๔๘
จากหัวใจคนขายขนมผมขอมอบ
เป็นการตอบแทนขอบคุณที่อุดหนุน
พรล้ำเลิศที่ประเสริฐแด่คุณคุณ
ดีเพิ่มพูนสิ่งดีหวังได้ดั่งใจ
๒๙พิจิก๔๘
ขอขอบคุณฯทุกท่านก่อนลาจาก
คนจนยากอย่างผมประณมขอ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลดลจงพอ
ให้ท่านขอสิ่งดีหวังได้อย่างใจ
๓๐พิจิก๔๘
Sweet and sour, sweet and sour
Like a non funny little clown
Sip a little drinking water
And let’s walking through the town
November2005
สี่ร้อยห้าสิบหกปีพอดีนับ
จึงยอมรับสดับทั่วบุรีศรี
สมญานามรู้ทั่ว นนทบุรี
ชื่อเมืองนี้เมืองคนดีศรีเมืองนนท์
๓๐พิจิก๔๘
ก่อนจะนอนคืนนี้ทำดีก่อน
แล้วจะนอนฝันดีฟังพี่สอน
ไม่ต้องห่วงเรื่องร้ายร้ายคลายอาทร
ทุกข์เร่าร้อนผ่องลงหมดปรากฏชัด
๓๐พิจิก๔๘
สีเหลืองทองส่องสว่างบนทางโค้ง
จุดเชื่อมโยงหนทางสว่างไสว
ลมเย็นพัดใบไม้ปลิวแกว่งไกว
หนทางไกลได้พิสูจน์จิตใจคน
๑ธนู๔๘
ฟ้ามืดมิดปิดแสงสีแดงอ่อน
ตะวันรอนลับแล้วหลังภูผา
มวลวิหคบินลับกลับท้องนา
นกบินหลาคาบเหยื่อเผื่อลูกน้อย
๑ธนู๔๘
ผ่านคืนวันเหนื่อยหนักทรงพักบ้าง
ทรงแผ้วถางทางเลือกไทยไว้ทุกหน
ประชาราษฎร์ปราศทุกข์สุขพอตน
ภูมิพลอดุลยเดชวิเศษกษัตริย์
๔ธันวาคม๒๕๔๘
สูงเสียดฟ้านภาสวยนี่หรือโลก
ที่เคยโศกเศร้าหมองร้องไห้ฝัน
คลื่นความสุขสดใสที่ต่างกัน
เพียงสั้นสั้นมันเพิ่มสุขทุกข์ห่างไกล
๑๔ธนู๔๘
เมฆหมอกมืดมัวหม่นบนท้องฟ้า
เหมือนชะตาผู้คนบนโลกสวย
มืดแค่ไหนอยู่ไม่นานเกิดแล้วม้วย
สว่างแล้วฉวยโอกาสแก้อย่าแชเชือน
ธนู๔๘
อรุณรุ่งแห่งความสุขปลุกให้ตื่น
ที่เคยขื่นขมเศร้าเป่าจางหาย
เย็นลมพัดไอกรุ่นอุ่นสบาย
พอตกสายหายเครียดนอนเบียดน้อง
ธนู๔๘
แดดเรืองรองส่องมาแล้ววับแววนั่น
ตื่นจากฝันหันสู้ศัตรูผอง
พายุพัดซัดคลื่นสาดหาดเนืองนอง
เสียงกู่ก้องร้องออกไปให้คนรู้
๑๖ธนู๔๘
ล่วงไปแล้วห้าสี่แปดเข้าสี่เก้า
อย่ามัวเขลาเศร้าซึมมืดครึ้มหมอง
ผ่านไปแล้วอดีตขมล้มลุกลอง
ด้วยมือสองของเราเข้าแก้ไข
จากวันนี้ต่อไปอย่าได้ผิด
อย่างใกล้ชิดพยายามตามแก้ไข
สิ่งผิดพลาดที่เกิดเพราะพลั้งไป
จงตั้งใจสานก่อสู้ต่อไป
๗มกร๒๕๔๙
ความหนาวเหน็บเจ็บปวดใจยังไม่หมด
แต่ก็ลดลงไปมากจากซากฝัง
ความสุขุมต้องมีเพิ่มเป็นพลัง
จึงจะหวังสำเร็จเกิดได้อย่างคิด
๑๙มกร๒๕๔๙
อย่าไหวหวั่นพรั่นใจไปมากนัก
เรื่องจะหนักแค่ไหนยังไม่ถึง
ปล่อยวางคิดจิตหมั่นปั้นเกลากลึง
ขุดให้ถึงจึงรักษาสติมั่น
๑๙มกร๒๕๔๙
สุดขอบฟ้ากว้างใหญ่ไปให้ทั่ว
อย่าไปกลัวความลำบากมากขวากหนาม
อุปสรรคจะหมดสิ้นถ้าพยายาม
หมั่นสอบถามตามแก้ไขไม่ผิดหวัง
๑๙มกร๒๕๔๙
ข้างนอกอากาศเย็นแต่ข้างในใจร้อนรุ่ม
ปัญหารุมรุกเร้าเศร้าเห็นเห็น
มันกลัดกลุ้มสุมอยู่อย่างกับเป็น
นรกเต้นเข็ญขุกทุกทุกวัน
๒๐มกร๒๕๔๙
ซุกเก็บไว้ในใจไม่ให้เห็น
อย่างที่เป็นเห็นอยู่ไม่รู้หรือ
ทุกวันนี้จากหน้าเป็นหลังมือ
ที่เคยถือคุณธรรมดิ่งต่ำลง
๒๐มกร๒๕๔๙
มีแต่เรื่องร้อนใจใครก็รู้
ที่เป็นอยู่อย่างนี้ตกยากเข็ญ
เคราะห์กรรมซัดพลัดพรากจากที่เป็น
หลบซ่อนเร้นความเป็นอยู่ใครรู้บ้าง
๒๓มกร๒๕๔๙
ให้ครองคู่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า
ให้คนเขาชื่นชมก้มสรรเสริญ
ให้เปี่ยมลาภเปี่ยมยศปรากฏเจริญ
ให้จำเริญตลอดไปนับแต่นี้
๒๓มกร๒๕๔๙
แต่ก่อนนี้ยังเคยรักสมัครมั่น
เดี๋ยวนี้ผันเปลี่ยนไปหน้าเป็นหลัง
ถึงวันนี้รู้หมดสิ้นดิ้นดับพัง
ภาพความหลังลบเลือนหมดสลดใจ
๒๓มกร๒๕๔๙
ด้วยปีกนี้ที่หวังไว้จะโรจน์รุ่ง
เพื่อให้วันพรุ่งนี้มีความหวัง
เติมวันนี้ให้เปี่ยมล้นด้วยพลัง
เพื่อสร้างหวังให้สำเร็จในพรุ่งนี้
๑๗กุมภ์๒๕๔๙
ให้รุ่งเรืองก้าวไกลในหน้าที่
ให้จงมีสุขสำเร็จอย่างที่หวัง
ให้เปี่ยมยศเปี่ยมลาภเปี่ยมพลัง
ให้พร้อมทั้งสุขสมบัตินิรันดร์เทอญ
๑๗กุมภ์๒๕๔๙
ประกาศก้องร้องให้รู้ยังสู้อยู่
ไม่ทนดูความพินาศชาติถูกผลาญ
รวมใจนิดคิดสู้คงไม่นาน
ชนะผ่านม่านหมอกมัวสลัวคลุม
๑๗กุมภ์๒๕๔๙