ไอน้ำค้างพร่างพรมกลางลมหนาว ทะเลดาวพราวกะพริบระยิบยับ ยามหมู่เมฆคล้อยเคลื่อนดาวเดือนดับ แสงวาววับลับมืดมัวสลัวลาง ยิ่งดึกดื่นคืนแรมแต้มใจเหงา กำสรดเศร้าขวัญว้าเหว่เร่เคว้งคว้าง หนาวน้ำตาบ่าคลอครองสองแก้มนาง ไอน้ำค้างก็ยากกลบลบร่องรอย.
2 กุมภาพันธ์ 2550 06:12 น. - comment id 651703
แม้น้ำค้างที่พร่างพรมบนยอดหญ้า หรือน้ำตาที่ลู่หล่นพร้อมหลั่งไหล เป็นดังรอยที่เห็นได้ปล่อยมันไป ลบรอยได้ด้วยเวลาเท่านั้นเอง
2 กุมภาพันธ์ 2550 07:18 น. - comment id 651734
น้ำตาไม่เคยแก้ปัญหาได้... เพียงแค่ระบายความกดดันเท่านั้นเอง..
2 กุมภาพันธ์ 2550 18:57 น. - comment id 652058
ไอน้ำค้างพร่างพรายพราววะวาวแสง วับวาวแข่งแสงดาวพราวเฉิดฉัน สายลมล้อโลมลูบไล้ไอแสงจันทร์ ใจหวิวหวั่นหวาดเสียงหวีดลมกรีดลวง เสียงจักจั่นขันกรีดหรีดคลอเคล้า ดั่งยั่วเย้าขวัญคว้างห่างแหนหวง หนาวสะท้านซ่านซาบซึมซึ้งสู่ทรวง ใจทั้งดวงถอดวางข้างกายเธอ.
4 กุมภาพันธ์ 2550 16:03 น. - comment id 652629
เจ้าจะลองริเริ่มหรือไร จึงประดิดประดอยรับไว้ เป็นท้ายตรี อ่านก็ว่ามิแย่มิดี วรรณยุกต์ประดิษฐ์เสียงตรี นั้นแปลกไป พาพิพักพิพ่วนในใจ ตอบประเด็นประดิษฐ์นั้นไว้ ว่าอย่าทำ เสียงมันแปร่ง ๆ น่าครับ (ท้ายรับ) ผมว่าถ้าใช้ลีลาอย่างนี้รั้นไม่สำเร็จ ต้องหาวิธี