มนต์รักข้าวคอยเคียว (The Spell of Harvest)

ลำน้ำน่าน

พอสิ้นสายสร้อยฝนพรมทุ่งท่า
ลมเหมันต์หลั่นฟ้ามาอีกหน
ห่มท้องทุ่งสีทองของคนจน
เจิมตำบลข้าวนาก่อนลารวง
ป่าวเพลงเกี่ยวโห่ร้องจึงก้องไป
สู่ทิวตึกศิวิไลซ์ในเมืองหลวง
บอกข่าวนาไม้ดอกออกพุ่มพวง
ว่าตะแบกหม่นม่วงจะร่วงลา
เรียกหนุ่มสาวชาวทุ่งมุ่งกลับถิ่น
สู่แผ่นดินเถียงนาน้อยคล้อยพรรษา
คืนมาเกี่ยวรวงทองของท้องนา
คืนมาสู่วิญญาญ์ชาวป่าพฤกษ์
สู่วิมานฟางข้าวเมื่อหนาวเยือน
ฟังพ่อแม่สอนเตือนจนเดือนดึก
ตราบน้ำค้างหยดยวงในห้วงนึก
ร่วมรำลึกเพลงเกี้ยวเกี่ยวอุรา
แหล่ะเมื่อคลายวังเวงบทเพลงไพร
ครวญหรีดหริ่งเรไรใกล้อุษา
กล่อมอรุณเสียงโนรีสาลิกา
ยามฝั่งฟ้าแสงทองเรืองรองรับ
แม่ดอกกระถินริมรั้วทั่วท้องทุ่ง
บานจรุงอีกคราวเกล็ดหนาวจับ
ไกลออกไปโพ้นคุ้งรุ่งระยับ
ปวงไก่ป่าแซ่ศัพท์เสียงลับลอย
ข้าวอ่อนโยนโอนช่อพ้อหมอกหนาว
ระบัดโศกทิ้งเศร้าร้าวร่วงผล็อย
โน้มรวงรอคล้องเกี่ยวคมเคียวคอย
จากมือน้อยสาวบ้านนามิช้านาน
หน้าเกี่ยวข้าวอกหนุ่มก็รุ่มร้อน
เมื่อกระโดนแดงดอนซ้อนสีหวาน
บานสาดทุ่งหนุ่มคอยรอยกันดาร
กลัวโรยลาญลิ่วลับไปกับลม
ดอกโสนรอแย้มแต้มมนต์รัก
พยานภักดิ์สองใจได้สุขสม
เพลงสงฟางกลางนายังน่าชม
เคียวลับคมเหน็บฝาสัญญาไว้
ท้องทุ่งเหลืองอร่ามแล้วแก้วกานดา
เสียงนกร้องเตือนว่าอย่าหวั่นไหว
น้ำในคลองลงตลิ่งนิ่งรำไร
กลัวน้ำใจเหือดแห้งแล้งหน้านาง
ข้าวรอยุ้งของน้องก็อ้อนโหย
กลัวร่วงโรยไร้ใครเกี่ยวใส่ฉาง
จะเรี่ยรายหล่นดินสิ้นหนทาง
หากไร้คู่เคียงข้างช่วยงานนา
ช่อรวงทองเหลืองสุกทุกท้องทุ่ง
เถิดหมายมุ่งคืนถิ่นทิ้งยศฐา
พี่ลับเคียวรอรับกับน้ำตา
รอสาวนาคืนมาเกี้ยวเกี่ยวรวงโอนฯ

-----------------------------
มนต์เสน่ห์แห่งบ้านนานั้นงดงามเป็นอมตะ
ฤดูเก็บเกี่ยวก่อตำนานรักระหว่างสาวหนุ่มบ้านนา
เมื่อเพลงเกี่ยวข้าวดังขึ้น  บทเพลงแห่งท้องทุ่งก็เริ่มบรรเลง
หลังจากที่จากบ้านนาหลังฤดูปักดำเสร็จ ข้าวก็แตกกอรอรวง
จนกระทั่งบัดนี้ ข้าวในนาเหลืองสุกอร่ามทาบทาไปทั้งทุ่งแล้ว
หนุ่มสาวชาวนาที่ทิ้งถิ่นไปทำมาหากินในเมืองหลวง
ก็ได้เวลากลับมาจับเคียวเกี่ยวรวงโอน ความรักในฤดูนี้ก็งอกงาม
ด้วยหนุ่มสาวมีโอกาสใกล้ชิดกันในงานนา
ผู้คนมากมายที่กินข้าวเลี้ยงชีวิตอยุ่ทุกเมื่อเชื่อวันในโลกนี้
น่าเสียดายที่บางคนไม่มีโอกาสซาบซึ้งกับความงดงามเบื้องหลังเมล็ดข้าว
ตำนานความลำบาก การเสียสละ ตำนานแห่งกระดูกสันหลังของชาติ
และที่สำคัญตำนานแห่งความรักอมตะท่ามกลางความยากไร้
แต่ทว่างดงามงามและงอกเงยขึ้นด้วยความสามัญและความรักเที่ยงแท้
เฉกเช่นนวนิยายอมตะ อย่าง *ขวัญเรียม* หรือ *มนต์รักลูกทุ่ง*
ที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างไม่มีวันตายไปกับกระแสวัฒนา
หากกำลังท้อใจ ลองใช้เวลาว่างออกไปมองท้องทุ่ง มองวิถีชีวิตชนบท
ออกไปมองธรรมชาติรายรอบตัวที่หนีออกไปจากกรงกรุง
บางที่เราอาจจะพบทางออกและคำตอบบางอย่างให้กับชีวิต
พบความสุขในมิติใหม่ที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง
มิติที่เรียบง่าย สามัญ และงดงามตามธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง
แล้วโน้มความสุขที่ได้นั้นมาเป็นกำลังใจในยามที่ท้อแท้
ด้วยคิดว่า โลกนี้ยังมีธรรมชาติที่มีค่าคู่ควรแก่การดำรงอยู่
เยี่ยงผู้ให้และผู้รับ เป็นความรักที่บริสุทธิ์และยั่งยืนนิรันดร์
				
comments powered by Disqus
  • ลำน้ำน่าน

    14 พฤศจิกายน 2547 02:26 น. - comment id 369733

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=30
    
    ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง
    เห็นข้าวออกรวงน่ามอง
    ดุจแสงทองสีแห่งศรัทธา
    พี่มาได้ยล นฤมลนวลน้องบ้านนา
    ถึงจะสวยตามประสา
    ก็โสภาเหนือกว่านางใด
    ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง
    น้ำเปี่ยมอยู่ริมฝั่งคลอง
    เช่นพี่รัก น้องเปี่ยมฤทัย
    สะพานเชื่อมคลอง เหมือนพี่กับน้องเชื่อมใจ
    ถึงอยู่แสนไกลแค่ไหน เชื่อมหัวใจให้สมปอง
    พี่ เยือน ถึงถิ่น น้องเอยอย่าหมิ่น
    น้ำใจเพื่อนใหม่ จะหมอง
    ขออยู่ ขอตายจนวันสุดท้ายกับน้อง
    ให้ทุ่ง รวงทองนี้เป็นเจ้าของ เรือน ตาย
    ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง
    แม้นหากขาดพี่ ขาดน้อง
    ทุ่งรวงทองก็หมดความหมาย
    พี่มาจากกรุง หมายมุ่งมาหาเพื่อนตาย
    รับปากรักพี่ได้ไหม
    โอ้ขวัญใจ ทุ่งรวงทอง
    
    ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง
    แม้นหากขาดพี่ขาดน้อง
    ทุ่งรวงทองก็หมดความหมาย
    พี่มาจากกรุงหมายมุ่งมาหาเพื่อนตาย
    รับปากรักพี่ได้ไหม
    โอ้ขวัญใจทุ่งรวงทอง...
    
  • ..สีน้ำฟ้า..

    14 พฤศจิกายน 2547 02:58 น. - comment id 369734

    : )
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    14 พฤศจิกายน 2547 07:08 น. - comment id 369744

    บรรยากาศน่าอยู่มากนะครับ..สายลมกลิ่นของธรรมชาติงดงามเกินรำพัน.....
    
    
    
    สะบัดปีกหลีกล้อล่อลมเล่น
    หลบหลีกเร้นล้อหลอกหยอกลมหนาว
    อิงอุ่นไอน้ำค้างที่พร่างพราว
    หมอเมฆขาวขุนเขาบินข้ามมา
    
    ลมใต้ปีกหลีกเร้นลมเย็นไหว
    ลมพัดใจจดจำนำปักษา
    จำจากถิ่นบินโบกโยกย้ายมา
    บินถลาล่าฝันเพื่อวันชัย
    
    
    อย่างนี้ต้อง........มี
    
    นกบินร่อนเล่นลมชมพฤษา
    ท้องทุ่งนานำน่านทะยานไหล
    น่าจดจำเอาไว้ในจิตใจ
    สุขฤทัยส่องแสงสีสวยงาม
    
    มาทักทายกันยามเช้านะครับ.........
    
    
    
    
  • magic

    14 พฤศจิกายน 2547 08:12 น. - comment id 369756

    สวยงามค่ะ
    ชอบคุณเขียนมาก
    อยากตอบเป็นกลอนจัง 
    แต่..ไม่สามารถค่ะ แฮ่ะ ๆ ๆ ๆ
    .............................................
    ชอบงานแบบนี้ของคุณมาก ๆ
    .............................................
  • เสือยิ้มมุมปาก

    14 พฤศจิกายน 2547 08:36 น. - comment id 369759

    โห..สุดยอด
  • สาวนา

    14 พฤศจิกายน 2547 09:15 น. - comment id 369763

    
    กำลังฟังเพลงพงษ์สิทธิ คัมภีร์แกล้มค่ะ
    *ชุด15ปีคัมภีร์เพลงชีวิตชุดที่หนึ่ง*
    ซึ้งใจเพลงตลอดเวลา
    และถึงเพื่อน
    มาตามสัญญา
    สุดใจ(เพลงนี้ชอบเป็นพิเศษค่ะ)
    ***********
    
    สร้อยฝนสร้อยฝันสวรรค์ไพร
    สร้อยเกี่ยวใจเคียวเกี่ยวรวงห่วงหอมหา
    มนต์เพลงทุ่งรุ้งรวงเรียวเกี่ยวข้าวนา
    เพลงเหว่ว้ายามดายเดียวเคียวรอใคร
    
    อ้ายสัญญาคืนถิ่นทุ่งมุ่งกระท่อม
    จะมาหอมแก้มสาวนาเนียนแดดใส
    จนวันนี้ข้าวเหลือซังหวังซมซานรอเคียวใจ
    คมบาดใจไหวบาดซ้ำย้ำระทม
    
    ตะแบกแบกรักหนักรอกี่ปีแล้ว
    ดงดอกแก้วตระการหวานหอมห่ม
    หล่นเลือนลาพร่างพื้นหอมพร่างพรม
    เหมือนคำลมคำมั่นคำสัญญา..
    
    เพียงคิดถึงแค่นั้นใช่หันกลับ
    ลอมฟางรับรู้ใจใครห่วงหา
    สาวนาเอ๋ยนอนนิ่งเฉยมองเพียงฟ้า
    อ้ายลับลารวงระย้าย้อยเฝ้าน้อยใจ
    
    ไม่เป็นไรใจสาวนาชินชาเฉย
    อ้ายอย่าเอ่ยคำหวานให้หวามไหว
    ลั่นทมริมกระท่อมยังหวานเศร้าเฝ้าปลอบใจ
    เหมือนดวงใจสาวนาล้าแรมรัก
    
    สวดมนต์ทำบุญหมุนวงล้อ
    ข้าวกี่กอใจกี่เจ็บเหน็บหนาวหนัก
    ไม่เป็นไรใจสาวนายังแน่นหนัก
    ยังพลีภักดิ์ยังเฝ้ารอกับกอรวง
    
    หากรักจริงไยอ้ายไม่คืนกลับ
    กี่วันนับกี่เดือนรอพ้อห่วงหวง
    อ้ายมีเพียงลมลิ้นวิ่นวาดสวาทลวง
    ว่ารักรวงรักสาวนาน่าน้อยใจ
    
    สี่ในสี่ห้องหัวใจให้อ้ายหมด
    เป็นงามงดรักบริสุทธิ์ดุจน้ำใส
    เป็นน้ำค้างกลางป่าพงนะดวงใจ
    คือสาวไพรคือสาวนา..อย่าลืมเลือน!อย่าลารวง!.ให้ห่วงรอให้พ้อรัก!
    
  • สาวนารอทุย

    14 พฤศจิกายน 2547 09:31 น. - comment id 369767

    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=94
    ขวัญใจเจ้าทุย   
    รวงทอง ทองลั่นทม : : Key C  
    เจ้าทุยอยู่ไหน ได้ยินไหมใครมากู่ กู่
    เรียก หาเจ้าอยู่ อยู่ หนใดรีบมา
    เจ้าทุยเพื่อนฉัน ออกมาหากันดีกว่า อย่า 
    เฉยเลยอย่าอย่า มะมา เร็วไว
    เกิด มามีแต่ทุย เป็นเพื่อนกัน
    ค่ำเช้า ทำงาน ไม่ทิ้งกัน ไม่หายไป
    ข้า มีข้าวและน้ำ นำมาให้
    อีกทั้ง ฟางกองใหญ่ อย่าช้าไย อย่าช้าไย
    เจ้าทุยเพื่อนจ๋า ออกไปไถนาคงเหนื่อย อ่อน
    เหนื่อย นักพักผ่อนก่อน หนาวจนอ่อนใจ
    ข้าจะอาบน้ำ ป้อนฟางทั้งกำคำใหญ่ ใหญ่
    จะสุมไฟกองใหม่ ใหม่ ไว้กันยุงมา
    เจ้ามีคุณแก่เรามามาก มาย  
    ถึงแม้ เป็นควาย เจ้าเหนือกว่า ดีเสียกว่า
    ผู้ คน ที่เกียจคร้าน ไม่เข้าท่า
    ทุยเอ๋ยเจ้าดีกว่า ช่วยไถนา ได้ทุกวัน
    
    เจ้าทุยนี่เอ๋ย ข้าเคยเลี้ยงดูมาก่อน เก่า
    เมื่อ ครั้งยังเยาว์เยาว์ ทั้งทุยและฉัน
    ข้าเคยขี่หลัง นั่งไปไหนไป ไม่หวาด หวั่น
    จะสุขทุกข์เคยบุก บั่น รู้กันด้วยใจ
    เติบ โตมาด้วยกันในไร่ นา เคยหา กินมา 
    ข้าเห็นใจ ข้าเห็นใจ 
    เจ้า ทุย ยากจะหา ใครเทียมได้
    ข้ารักดัง ดวงใจ ไม่รักใคร ข้ารักทุย...
    
    
      
    
    
    
    
  • สาวนา

    14 พฤศจิกายน 2547 09:42 น. - comment id 369772

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4446
     
     
     
        ตลอดเวลา [ LIVE ]   
    พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ : : Key A  
    พักสายตา เถอะนะคนดี
    หลับลง ตรงนี้
    ที่ที่มี แต่เราสองคน
    ผ่านเรื่องราว
    ผ่านงาน ผ่านคน
    สับสน หลายความ
    บางเวลา ต้องการสักคน
    ไว้คอย ปลอบใจ
    เข้าใจ พูดคุย
      
    ความรักเอย
    งดงาม อย่างนี้
    จนชั่ว ชีวี
    โหยหาความ รักไม่เคย พอ
    อยาก ให้เธอ
    เคียงข้าง อย่างนี้
    บอกรัก อีกที
    อยู่ใกล้กัน ตลอดเวลา
    พัก กาย พัก ใจ
    หลับตา ฝัน ดี
    รัก เอย รัก ที่
    เข้าใจ ถึง กัน
    พัก กาย พัก ใจ
    หลับตา ฝัน ดี
    รัก เอย รัก ที่
    เข้าใจ ถึง กัน
      
    ความรักเอย
    งดงาม อย่างนี้
    จนชั่ว ชีวี
    โหยหาความ รักไม่เคย พอ
    จะอยู่ ที่ใด หนใด ก็ดี
    ขอให้ มี เธอ
    สุขเสมอ ไม่มีใด เทียม
    พัก กาย พัก ใจ
    หลับตา ฝัน ดี
    รัก เอย รัก ที่
    เข้าใจ ถึง กัน
    พัก กาย พัก ใจ
    หลับตา ฝัน ดี
    รัก เอย รัก ที่
    เข้าใจ ถึง กัน...
    
     
      
     
    
    
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    14 พฤศจิกายน 2547 12:05 น. - comment id 369818

    มนต์ทุ่งฟุ้งกระจาย  น่าเสียดายไร้วี่แวว
    ไปลับไม่กลับแล้ว  โอ้น้องแก้วลืมหนุ่มนา
    เสียงเครื่องยนต์เกี่ยวสี  ทุกท้องที่นายทุ่นล่า
    ขนข้าวที่ได้มา  ขึ้นสิบล้อห้อตะบึง
    เศษเงินเหลือน้อยนิด  ที่มีสิทธิ์มือจับถึง
    ใช้หนี้ไปกว่าครึ่ง  เป็นค่าปุ๋ยและเม็ดพันธุ์
    
    อิอิ เคียวไม่มีเหลือสักเล่มควายไม่มีเหลือสักตัว
    เช่าควายเหล็กมาไถคราด เชื่อพันธุ์ข้าว กับปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้าค่าหอย จากนายทุน พอข้าวสุกเขาก็เอารถมาเกี่ยวสี มาพักเดียวก็เป็นกระสอบข้าวเปลือก ชั่งด้วยตาชั่งที่โกงไว้หลายขีด คิดหักกลบน้ำหนักเผื่อข้าวเปียกอย่างหน้าด้าน บวกลบคุณหารออกมาเป็นเงินหักหนี้แล้วเหลือนิดเดียวเอง บางครั้งขาดทุน เพราะถึงหน้าเกี่ยวทีไรก็บอกว่าข้าวเปลือกลงราคา ฟ้างข้าว ก็ไม่มีจะกองเป็นกองฟางอย่างในรูปวาดเพราะเครื่องพ่นออกมาเป็นฝอย เพลงเกียวข้าวในฝันต้องเปิดวิทยุฟังเพลงลูกทุ่งเอาเอง อิอิ
  • rain..

    14 พฤศจิกายน 2547 12:05 น. - comment id 369819

    ..ขอเวลา ..  เรนไปเขียนกลอน..แจมพี่นิงนะคะ...
                เรน ..คิดถึง ..จัง
  • คนเมืองลิง อุลังอุตัง

    14 พฤศจิกายน 2547 12:19 น. - comment id 369825

    เพราะมากๆเลยค่ะ ทั้งกลอนทั้งเพลงซึ้งดีจัง
  • แก้วประเสริฐ

    14 พฤศจิกายน 2547 14:13 น. - comment id 369877

    มาอ่านงานของยอดกวีชาย  ได้ความรู้มากมายเสียจริงๆหนอ
    
                          แก้วประเสริฐ.
  • ราชิกา

    14 พฤศจิกายน 2547 15:25 น. - comment id 369911

    ให้ความรู้สึกที่ดีมาก...ชีวิตแห่งท้องไร่ท้องนา..เป็นชีวิตที่เงียบ..สงบ...และงดงามด้วยธรรมชาติ...ลำน้ำน่าน..ได้ถ่ายทอดให้เห็นอย่างชัดเจน...ชอบมากค่ะ
    
    
  • วิจิตร ภู่เงิน

    14 พฤศจิกายน 2547 15:32 น. - comment id 369923

    วิจิตรอยากให้ทุ่งนาเป็นเหมือนคำกวีพี่ลำน้ำน่านจังครับ..
    
    ........
    
    หน้าเกี่ยวแดดร้อนมากๆสาวๆก็ไม่ยอมเดินลงทุ่ง 
    
    วิจิตรหนีแม่ไปเล่นว่าวดีกว่า
    
    
  • เมกกะ

    14 พฤศจิกายน 2547 15:49 น. - comment id 369941

    บรรยายได้เห็นภาพเลยครับ
    
    ขอเก็บไว้ที่หน้าส่วนตัวด้วยนะครับ
    จะขอนำไปเป็นแบบในกลอนบทต่อไปของเมก
    จะลองเขียนแนวนี้ดูบ้างครับ 
    
    
    
    +-*-+  +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+  +-*-+
    
  • เจ้าสาวแห่งโลกวิญญาณ

    14 พฤศจิกายน 2547 17:33 น. - comment id 370055

    จะบอกว่าชอบนะคะ
    แวะมาอ่านเพราะชื่อเรื่องโดนใจ
  • ชัยชนะ

    14 พฤศจิกายน 2547 17:37 น. - comment id 370060

    ร่วมลงแขกคมเคียวเกี่ยวกอข้าว
    หนุ่มและสาวช่วยขนขมีขมัน
    หาบตามคูคันนากองรวมกัน
    พอพระจันทร์แจ่มฟ้ามานวดเคาะ
    
    คิดถึงภาพอดีตตอนเป็นเด็กครับ
    
  • ทิกิ_tiki 4895

    14 พฤศจิกายน 2547 19:09 น. - comment id 370125

    ขำที่วิจิตรตอบค่ะ ลำน้ำน่าน
  • เพียงพลิ้ว

    14 พฤศจิกายน 2547 23:13 น. - comment id 370306

    เห็นด้วยกับคุณฤกษ์ค่ะ
    หายไปหมดแล้ว
  • ผู้หญิงไร้เงา

    17 พฤศจิกายน 2547 23:00 น. - comment id 372440

    กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานเสมอ  อ่านแล้วคิดถึงเพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือนะค่ะ
  • ลอยไปในสายลม

    26 พฤศจิกายน 2547 14:59 น. - comment id 378649

    แวะมาอ่านงานค่ะ
    
    อิ อิ...

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน