ศาลาร้างสร้างไว้ทำไมเล่า เป็นของเก่าเอาใจใครกันหรือ คนเดินพ่านผ่านมาพากันลือ ศาลาชื่อชิมชาน่าแปลกจริง เมื่อก่อนนี้มีคนขนใบชา เอามาค้าศาลานี้แสนดียิ่ง ทั้งต้มน้ำใส่ถ้ำชาน่าชมจริง ใครจึงสิงสู่หาเพื่อมาชิม จึงพากันหมั่นเรียกเพรียกเช่นนี้ เพราะทุกทีที่มาอยากหาอิ่ม ด้วยมีใครให้น้ำชามานั่งชิม จนนั่งยิ้มอิ่มใจในศาลา ทุกวันนี้ไม่มีชาเอามาขาย แม้กระหายอยากคลายเหนื่อยด้วยเมื่อยล้า ต้องทนนั่งลำพังไปใต้ศาลา ไม่มีชามาให้ชิมอิ่มอย่างเคย
29 ตุลาคม 2546 22:45 น. - comment id 177228
ผ่านศาลาชิมชาเข้ามาจิบ แต่ใจซิบเจอชาเย็นเห็นเพื่อนหาย คนเย็นชาซดชาเย็นเป็นเพื่อนกาย คนใจร้ายจึงเย็นชาชอบชาเย็น อิอิ
29 ตุลาคม 2546 23:52 น. - comment id 177270
ศาลาชิมชา .. อืมม เขาเขียนชื่อด้วยภาษาไทยหรือภาษาพม่าคะ หรือไม่ได้เขียนแต่เรียกขานกันไป .. คะ
30 ตุลาคม 2546 00:23 น. - comment id 177294
ผ่านศาลาชิมชาพาใจเศร้า ไม่มีเขามาขายให้ฉันเห็น คงต้องอดแทนอิ่มพริ้มใจเย็น เมื่อไม่เป็นคนขายชาพาเศร้าใจ ***กลอนน่ารักจังเลยค่ะ มีคำถามคำถามเดียวกับคุณอัลมิตราเลยค่ะ แต่ถามอีกนิดถ้าเป็นภาษาพม่าแล้วคุณนกตะวันอ่านออกไหมค่ะ เพราะผู้หญิงไร้เงาเองก็อยู่ติดประเทศพม่า แต่อ่านภาษาพม่าไม่ค่อยออกเลยค่ะ***
30 ตุลาคม 2546 06:27 น. - comment id 177331
ไม่มีชื่อติดไว้ที่ศาลาหรอกครับคุณอัลมิตราและคุณผู้หญิงไร้เงา แต่นักดูนกที่ขึ้นไปดูนกบนดอยอ่างขางจะเรียกกันว่า ศาลาชิมชา เพราะเคยมีชาวเขาเอาใบชามาขาย และมีน้ำชาให้ชิมด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีใครเอาใบชามาขายแล้ว เข้าใจว่าทางการคงให้ไปขายในตลาดหน้าสถานีเกษตรอ่างขางแห่งเดียวเพื่อให้เป็นสัดส่วน แต่ศาลานี้ยังคงอยู่ให้ผู้คนที่เดินผ่านมาได้แวะพัก เพราะเป็นทางสี่แพร่ง ถ้าไปทางซ้ายจะไปถึงค่ายตำรวจตระเวณชายแดน ตรงพรมแดนไทย-พม่า ถ้าตรงไปหรือลงไปทางซ้าย เป็นเส้นทางที่นักดูนกชอบเดินไปดูนก เพราะเข้าไปในป่าสนเขาและป่าดิบเขา
8 พฤศจิกายน 2546 15:51 น. - comment id 179508
อ่านแล้วบอกตงๆๆไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ศาลาที่เคยมีคนนั่งบัดนี้กลายเป็นศาลาร้างเสียแล้ว แล้วหมายความว่าไรอะ อยากไปที่ศาลานั่นเหรอ