ละอองร้าวลมเหงาและเงาหมอก แผ่ระลอกห่มป่าเมื่อหน้าฝน สนรวยรื่นรักเคยกรุ่นอุ่นระคน กลับหนาวท้นทรวงกายอยู่ดายเดียว เคยระบัดกิ่งใบกลางไพรพฤกษ์ ในยามดึกร้างผู้ใดใคร่แลเหลียว ระเริงลมอาบแสงฝันพระจันทร์เคียว ใบดอกเดี่ยวผสานเพลงบรรเลงไพร เย็นลมหนาวร้าวอาบมาทาบป่า ณ ปลายฟ้าอรุณแอบแนบถิ่นไหน ปล่อยหมอกเหมยเลยล้ำเข้ากำใจ สนสั่นไกวใบร่วงร้างลงลานดิน นอนซบหน้าหลบหมอกด้วยชอกช้ำ น้ำค้างพรำเนื้อหนาวเหน็บเจ็บทั่วสิ้น จะเอ่ยอ้างคำใดให้ยลยิน เพื่อหลั่งรินไอรักมาปักใจ หวังเพียงแสงแห่งอรุณมาอุ่นอบ อยู่เคียงซบไล่ลมหนาวที่ร้าวไหว เรียกลมชู้มาลูบโลมโถมห้องใจ ร้อยหนาวไหนทวีย้ำไม่หวั่นตรม .................. ลมฝนลมหนาวในบทบาทหนึ่งคือย่างกรายเข้ามาทำร้ายจิตใจ ป่าฝน ป่าสนในสายลมหนาว ณ อุทยานแห่งชาติขุนขาน ดินแดนแห่งป่าสนสามใบ ที่ลำน้ำน่านไปฝากรักฝากฝันไว้เมื่อวันหยุดยาวเข้าพรรษาที่ผ่านมา ป่าสนกับม่านหมอกในความรู้สึก แม้นสวยงาม แต่ก็รานร้าวอยู่ในที...เพราะด้วยปรารถนา ลมรื่นให้ใบสนได้ต้องลมมากว่าความเหน็บหนาวแห่งม่านหมอกนั่นเอง... แค่ลีลาใบสนซึ้งเพียงหนึ่งใบ ยังตรึงใจหวามไหวได้เพียงนี้ แล้วหมื่นแสนพรรณผกานานามี จะหล่อหลอมชีวีได้กี่เปรม แค่ม่านหมอกหลอกลวงห้วงสำนึก ยังรู้สึกหนักหน่วงทรวงเกษม รสละอองเหมยนิ่มจึงอิ่มเอม ชุ่มชะเอมฤาเทียบทันวรรณกวี ขุนเขาขานรับสดับโสต เพลงโปรดร้อยอื่นหมื่นดิถี เสนาะใดหนอเก่งกว่าเพลงนี้ เพลงที่มีสนบรรเลงเพลงแห่งฝัน ยะเยือกเย็นเยียบกว่าเย็นอากาศ ขาวสะอาดกว่ามณีแห่งสีสัน ระยิบแข่งแสงทองของเพ็ญจันทร์ ราวดาราร้อยพันร่วมบรรเลง ลีลาร่วมเส้นลายคล้ายภาพวาด เจ้ากรีดกราดราวจิตรกรเก่ง สำเนียงดังเด่นไกลในวังเวง คือบทเพลงคือมนตราพนาสูง (ม้าก้านกล้วย)
24 กรกฎาคม 2546 11:17 น. - comment id 156247
อบอุ่นแม้น้ำค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยว แต่นิวไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกหลายๆ คนรออ่านรังสรรค์กวีที่นิวได้แต่งขึ้นมา เพราะมาก
24 กรกฎาคม 2546 12:40 น. - comment id 156285
บทนี้ดั่งต้องมนต์สะกดเลยค่ะ หลับตา... เห็นฉากจริงดั่งฉากฝันอันดายเดียว ในร่มเปลี่ยวของสายหมอก และสายเหมยดั่งสายไหมสายใยรัก ที่ถักทอทอดรอสอดประสานใจและร่าง ให้เป็นหนึ่งเดียวทางจิตวิญญาณกับนางใจในฝัน..หนึ่งเดียว.. ที่รอคอยมานานแสนนานข้ามภพข้ามชาติ ที่กำลังตามมาประหัตประหาร ราวให้บรรลุซึ้งถึงสัจจธรรม.. คำที่ว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ สุดแต่ใจจะเข้าถึงหรือไม่ในรักสวยงามนั้น..ที่ใจเพียงนั้นจะแปรผันแปรใจให้คิดเป็น.. หากจะรักจงลืมคำว่าเสียใจ..เป็นคำคมนานมาในหนังเรื่อง..เลิฟสะตอรี่ที่นางเอกพรากจากไปชัวนิจนิรันดรค่ะ ......... และ หยดฝนจากหลังคาจาก..ที่มีหยาดน้ำตาซึมของหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่หัวใจกำลังรับซึ้งละมุน.คงจะยากนักที่จะหักใจ.. กล่าวคำนี้นะคะจากเรื่องสั้นพี่พุด.. ไม่เป็นไร..ครับผม!.ไม่เป็นไร ! เพื่อปลอบใจตัว. และอย่าเสียใจเลย..กับรักนี้ที่เป็นทุกข์เวียนวนคู่คนคู่โลกเป็นธรรมดาใจธรรมดาคนธรรมดาโลกนี้ ที่แม้นแต่พระพุทธองค์ยังต้องทรงค้นหา..ทางหลุดพ้น.. ยาวเลยค่ะ เพราะ...ดีใจที่ได้หัวใจดวงเดิมดวงดีคืนกลับมาเคียงขวัญสร้างสรรงานประดับใจประดับโลก..ให้ละมุน... พี่พุด..ขอโทษนะคะเพราะคอมเมนท์งานใครสั้นๆไม่ค่อยเป็น ด้วยจริงใจห่วงใย
24 กรกฎาคม 2546 12:46 น. - comment id 156288
สยายผมนอนนับดาวชานเรือนกว้าง หอมสล้างดอกไม้ร่ายมนต์หอม พุดพัดชามอบดอกพุดหยุดดมดอม เพื่อจะหลอมดวงใจ(ไทยโพเอม)ละไมละมุน รักหยาดหวานจากจันทร์คืนวันนี้ อ้อนคนดีมาปลอบขวัญปันอ้อมอุ่น หลับตาฝันฝากใจไปกับเมฆลมละมุน รัดร้อยรึงด้วยสร้อยรักอักษรา อย่าหยุดรักฝันในวันนี้และวันไหน ทุกทิวาราตรีไปตราบโลกหล้า ฉันรักเธอเธอรักฉันยอดชีวา ฝากมนตราผ่านดอกไม้ร่ายมนต์รัก หากเหนื่อยนักพักหัวใจที่ตรงนี้ โอ้คนดีมอบโซ่ใจให้ประจักษ์ ยอดชีวาห่างแค่ไหนใจเรารัก จะขอพักอยู่ที่นี่ที่เรือนไทยใกล้บึงบัว! ................. ออกมาจากใจจริงๆในนาทีนี้ที่อยากกระซิบฝากฟ้ากว้างไปยังทุกดวงใจให้มองโลกใสงามและอย่าสิ้นหวังสิ้นฝัน..มาเติมใจให้กันนะคะ ด้วยซาบซึ้ง..จากใจที่สุดแล้ว
24 กรกฎาคม 2546 13:10 น. - comment id 156309
ฝากเสียงหัวเราะกับความสดใส ให้ทุกท่าน เปิดลำโพง เพื่อเสียงหัวเราะที่สดใสยิ่งขึ้น คลิกตรงนี้จ้า อย่าเครียดเลย มาหัวเราะกันเต๊อะ
24 กรกฎาคม 2546 17:12 น. - comment id 156381
เป็นบทกวีที่สวยงามมากค่ะ...
24 กรกฎาคม 2546 21:03 น. - comment id 156431
เคยหลับตาลงในฟ้าพราวกว้าง อินทนนส่องทางกลางความหนาว เชียงใหม่วันนี้ยังดีที่มีดาว ถึงต้องสาวขึ้นไปถึงยอดดอย ---------- คิดถึงเชียงใหม่จัง คิดถึงบนดอย คิดถึงอากาศเย็นๆ คิดถึงดาวเต็มฟ้า คิดถึงบรรยากาศที่ได้อยู่กับเพื่อน หัวเราะเฮฮา ดื่ม กิน คุยกัน มีความสุข นอนนับดาวจนเกือบเช้า หลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้ เป็นอย่างนี้ทุกที ที่ไปที่ที่มีดาวเยอะๆ เมื่อไรจะได้กลับไปอีกน้า
24 กรกฎาคม 2546 21:37 น. - comment id 156453
. เรน อิจฉา พี่นิว..แล้วดิค่ะ... สายลมเหนือ... อ่อนโยน... ...ป่าเขียว... ที่อบอุ่น... ท้องฟ้า... .. ..ลำธาร.. .ใส.. ...มากมาย... ที่บ้านเรน... แต่..... ไกล.. เกินไป.. ที่เรน..จะได้เห็น... สัมผัส...ความรู้สึก..ลึกๆ..ของเค้า.... อยากได้ยิน.... ใบไม้...พูดคุย.. ท้องฟ้า..ถามข่าว..ลำธาร... เรน..แค่แจม...แบบว่า หัดแต่ง..บ่ด๊ายยเน้อ.. ..แว๊ปป..
25 กรกฎาคม 2546 00:43 น. - comment id 156503
แค่ลีลาใบสนซึ้งเพียงหนึ่งใบ ยังตรึงใจหวามไหวได้เพียงนี้ แล้วหมื่นแสนพรรณผกานานามี จะหล่อหลอมชีวีได้กี่เปรม แค่ม่านหมอกหลอกลวงห้วงสำนึก ยังรู้สึกหนักหน่วงทรวงเกษม รสละอองเหมยนิ่มจึงอิ่มเอม ชุ่มชะเอมฤาเทียบทันวรรณกวี ขุนเขาขานรับสดับโสต เพลงโปรดร้อยอื่นหมื่นดิถี เสนาะใดหนอเก่งกว่าเพลงนี้ เพลงที่มีสนบรรเลงเพลงแห่งฝัน ยะเยือกเย็นเยียบกว่าเย็นอากาศ ขาวสะอาดกว่ามณีแห่งสีสัน ระยิบแข่งแสงทองของเพ็ญจันทร์ ราวดาราร้อยพันร่วมบรรเลง ลีลาร่วมเส้นลายคล้ายภาพวาด เจ้ากรีดกราดราวจิตรกรเก่ง สำเนียงดังเด่นไกลในวังเวง คือบทเพลงคือมนตราพนาสูง
31 กรกฎาคม 2546 10:23 น. - comment id 157618
ได้รับเกียรติอย่างมากจากลุงม้าแวะเข้ามาต่อกลอนใบสนในม่านหมอก อ่านแล้วราวกับอยู่ในป่าสนป่าสฝันนั้นจริงๆ ผมขออนุญาติลง นำขึ้นโชว์ด้วยนะครับลุง