ตะวันรอน อ่อนแรง ลดแสงจ้า แลทุ่งนา ขจี ด้วยสีเขียว สายลมแล้ง แกว่งไกว ข้าวใบเรียว เดินลัดเลี้ยว คันนา มาเพิงไพร ข้ามคันคลอง น้ำเย็น แลเป็นสาย เห็นปลาว่าย แหวกดำ เพราะน้ำใส ลำธารา นี่หรือ คือสายใย หล่อเลี้ยงให้ เราอยู่ คู่แดนดง มองกระท่อม ซอมซ่อ แค่พออยู่ ไม่เลิศหรู แต่ใน ใจประสงค์ หลังคาจาก ฟากใช้ ลำไผ่ตง ดูมั่นคง อยู่ย่าน วิมานดิน สงบเงียบ เรียบง่าย อยู่ชายทุ่ง มิเคยมุ่ง ลาไกล ไปจากถิ่น ธรรมชาติ บ้านป่า น่ายลยิน มิใช่ถิ่น ขาดแคลน แคว้นกันดาร เสร็จงานหนัก พักกาย พอหายเหนื่อย คลายจากเมื่อย เตรียมหา หุงอาหาร ลวกสะเดา เผากุ้ง มุ่งจัดการ น้ำปลาหวาน ต้มโคล้ง ซดโล่งดี แค่พออิ่ม เอียงหลัง ขอนั่งพัก มินานนัก ตะวัน นั้นก็หนี คืนเดือนแรม ดารา แต้มราตรี ตะเกียงหรี่ เรไรขับ ...ก็หลับไป คนกรุงศรี ฯ กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
30 เมษายน 2555 21:28 น. - comment id 1231704
อ้อมกอดของธรรมชาติ แลวิลาสวิไลฉาย หมอกบาง น้ำค้างพราย เกาะบนปลายหญ้าเขียวงาม บนผืนแผ่นดินแม่ เด็กจนแก่รักไถ่ถาม พึ่งพาใต้ฟ้าคราม คือนิยาม...ความสุขใจ ..................................... แวะมาแจมด้วยนิดหน่อยครับ
1 พฤษภาคม 2555 10:25 น. - comment id 1231736
เรารึร้อนแทบตาย คนกรุงศรีกับมีความสุข กินอิ่ม นอนหลับไปสะงั้น ไม่ยุติธรรม แต่ว่า กลอนน่ารักดีนะ ชอบครับ
2 พฤษภาคม 2555 11:26 น. - comment id 1231813
สุขใดจะเท่า คลอเคล้าธรรมชาติ...