กรุ่นไอดินกลิ่นทุ่งยามรุ่งสาง มิจืดจางจากใจไปซักหน่อย ด้วยกำหนดในใจว่าใครคอย ถึงอยู่ไกลจะย้อนรอยบินคืนรัง จากมาไกลกลิ่นโคลนสาบทุยทุ่ง ภาพฝุ่นฟุ้ง กองฟางข้าว คือมนต์ขลัง ยินเสียงขลุ่ย ขับเพลง แว่วแว่วดัง คือฉากหลังเลี้ยงมาเมื่อข้าเยาว์ ปี่ซังข้าวเป่าเพลินจนผลอยหลับ น้องก็จับยอดหญ้ามาหยอกเย้า ค่อยค่อยเขี่ยปลายจมูกจนจามเอา แล้วพวกเจ้าตัวน้อยน้อยพลอยฮาครืน ดอกจานสีแสดแดงประดับทุ่ง น้ำหวานเจ้ายิ่งจรุงนกดาษดื่น ให้มาชิมทิพยรสระรื่นกลืน ข้าเคยยื่นมือสอยอร่อยชิม ไอ้ทุยเคี้ยวเอื้องนอนอย่างเหนื่อยหน่าย ฝูงแมลงรอบรอบกายกวนจนอิ่ม ยามเล่นโคลนมันจึงคล้ายหลับตาพริ้ม แมงไม่กวนก็ยิ้มกริ่มโคลนก็เย็น นกกระยางขายาวค่อยย่องย่าง พรานก็วางบ่วงรอขอให้เห็น เจ้าได้กลายเป็นผัดเผ็ดในมื้อเย็น แล้วก็เป็นกับแกล้มสุราพราน ธรรมชาติกับวิถีชีวิตทุ่ง พอใกล้รุ่งก็รีบตื่นกันทุกบ้าน ควันหม้อข้าวก็ฟุ้งลอยทุกเรือนชาน เสียงเรียกขานลูกจากหลับก็ระงม สักประเดี๋ยวพระคุณเจ้าเราก็มา เป็นทิวแถวงามสง่าดูเหมาะสม แม่ก็บอกลูกน้อยนั่งประนม พ่อก็ก้มลงไหว้ใส่บาตรกัน แล้วค่อยไปเผชิญชีวิตทุ่ง ตั้งแต่รุ่งจนพลบค่ำย้ำขยัน ทำไปตามกำลังตนแต่ละวัน ชีวิตผันให้จากไกลให้อาวรณ์
16 กุมภาพันธ์ 2553 16:40 น. - comment id 1100669
ที่ 1
16 กุมภาพันธ์ 2553 16:43 น. - comment id 1100671
16 กุมภาพันธ์ 2553 17:23 น. - comment id 1100703
เขียนได้น่ารักจังเลย อ่านไปยิ้มไปนึกภาพไป มีความสุขค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2553 17:23 น. - comment id 1100705
กิ่งโศก ก้อบ้านนอ๊ก ...บ้านนอกกว่า จ้า อิอิ
16 กุมภาพันธ์ 2553 18:18 น. - comment id 1100769
ชีวิตบ้านนา ผู้นคนมีแต่ความจริงใจให้กัน น่าชื่นชมค่ะ... บทกลอนเพราะดีและน่ารักมาก
16 กุมภาพันธ์ 2553 21:53 น. - comment id 1100911
ได้อารมณ์ชีวิตชนบทลูกทุ่ง ๆ น่ารัก ๆ ทีเดียวค่ะ...เพราะจังนะคะ...
16 กุมภาพันธ์ 2553 23:38 น. - comment id 1100955
เฌอมาลย์ ขอบคุณดอกไม้กับรอยยิ้มนะครับ แกงฯ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมบ้านนอกนะคับ กระต่ายใต้เงาจันทร์ ขอบคุณพี่กระต่ายฯ ที่อ่านแล้วมีความสุข ตัวอักษรข้างบนไม่ไร้ค่าแล้วครับ ครูกระดาษทราย ขอบคุณภาพและเพลงนะครับ คุณครู อย่าถือสาเด็กบ้านนอกนะคับ กิ่งโศก งั้นก็ดีสิครับ จะได้ไม่ถือเด็กบ้านนอก เหมือนกัน น้ำตาพระอินทร์ ขอบคุณคับ วิถีชนบท อย่าถือสานะครับ คมดาบนารี โอมจงลง เอ้ย ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ (ผมมีผ้ายันต์นะ อย่านะ ) อย่าถือสาเด็กบ้านนอกก็แล้วกันคับ ขอบคุณคุณปรางทิพย์ที่เป็นต้นแบบสำหรับกลอนบทนี้นะครับ
18 กุมภาพันธ์ 2553 03:21 น. - comment id 1101535
คือวิถีชีวิตที่คิดหวน เสียงเรียกชวนทวนกลับมารับขวัญ ฝากคนไกลในกรุงยุ่งเหยิงกัน โปรดจงหันสรรสร้างอย่างบ้านนา แม้ไม่รวยด้วยเงินแต่เพลินฝัน หากขยันหมั่นกอบรอบคอบหนา อยู่พอเพียงเยี่ยงพ่อขออัตตา สุขอุราครานี้มิมีจน คุณหนิงคะ ปรางทิพย์ถือว่ายินดีด้วยนะคะ ที่บทกลอนของปราง เป็นประเด็นให้คุณ สามารถแจมได้เป็นเรื่องราวนะคะ ขอให้สุขใจกับธรรมชาติค่ะ
18 กุมภาพันธ์ 2553 06:59 น. - comment id 1101546
ดีครับ พี่นิค เพราะๆๆ มากๆๆ ครับ อยากบอกว่า เก่ง นะครับ อ่านกลอนพี่ปรางทิพย์แล้ว สามารถ ใส่เครื่องปรุง ให้ลงตัวได้ขนาดนี้ อ่านแล้วเพลิน และเห็นภาพธรรมชาติ จริงๆ ครับ
18 กุมภาพันธ์ 2553 12:06 น. - comment id 1101651
ปรางทิพย์ พี่ปรางครับ บางสิ่งที่เราเคยมีบางทีอาจจะมีคุณค่ากับจิตใจเรามากต่อเมื่อเราไม่อาจได้อยู่ใกล้แล้ว กลอนพี่ทำให้รู้สึกได้แบบนั้นจริง ๆ ครับ ขอบคุณอีกครั้งจริง ๆ กวีน้อยเจ้าสำราญครับ ขอบคุณครับ ความรู้สึกถวิลหา ในกลอนพี่ปรางทิพย์ ทำให้อยากเขียนแบบพี่เค้าบ้างอ่ะคับ ก็เลยเลียนทีละบท พอเขียนยาวมาก ก็เลยเอามาโพสต์เก็บไว้ ผมแค่เลียนคำจากพี่ปรางครับ ไม่ได้เก่งอะไรเลย ผมเองก็เป็นคนบ้านนอกคนนึง มีคนเขียนเกี่ยวกับวิถีชีวิตในท้องทุ่ง ทำให้อ่านแล้วรู้ว่าจริง ๆ เราก็รักบ้านเกิดเรามากมายเลย และคิดถึงเอามาก ๆ ด้วย อย่างน้อยได้เป็นคนหนึ่งที่ยังคิดถึงบ้านก็ยังดี คุณก็อย่าถือสานะคับ