รำพึงถึงท้องทุ่ง เคียวถูกเก็บเหน็บฝาคราก่อนนั้น เนิ่นนานวันจนเห็นเป็นสนิม ไร้รอยเกี่ยวเหนี่ยวคมมาชมชิม เหมือนถูกทิ่มแทงใจให้ร้าวราน ควายเคยเลาะเล็มหญ้าคันนานอก โคลนกระฉอกปลักดินกลิ่นผสาน ช่วยคลายร้อนผ่อนล้าทิวาวาร เหลือเพียงม่านหมอกเมืองชำเลืองแล ต้นข้าวครึ้มสดเขียวใบเรียวลู่ หอยปลาปูว่ายแหวกทำแถกแถ ผักปุ่มปลาผักแว่นเป็นแผ่นแพ มองชะแง้ไม่มีเหมือนที่เคย คันไถแขวนข้างเสาแทบเก่ากรอบ ไซดักลอบกุ้งปลาชาเมินเฉย ถูกทอดทิ้งเดียวดายคล้ายละเลย สุดเอื้อนเอ่ยออกไปให้ใครฟัง สิ้นสูญแล้วรวงทองเรืองรองรุ่ง ทั่วท้องทุ่งจรุงรินกลิ่นมนต์ขลัง ไร้ฟ่อนฟางเหลืองลออของตอซัง เหลือแต่หลังคาเรือนให้เยือนยล บ้านจัดสรรแทนที่มีหลายหลาก ไม่เหลือซากรอยอดีตผลิตผล ทุ่งนากว้างกลับเห็นเป็นชุมชน ล้วนผู้คนแตกต่างอ้างว้างใจ
7 ธันวาคม 2552 23:05 น. - comment id 1071689
ท้องทุ่งทองของเราเข้าวิกฤต ผลผลิตผิดพลั้งสังคมใหม่ ความสัมพันธ์ขันแข่งคลางแคลงใจ บ้านหลังใหญ่ไล่ที่วิถีเดิม คิดเหมือนกันเลยครับ
8 ธันวาคม 2552 00:21 น. - comment id 1071706
สวัสดีครับพี่สุนิพนธ์ อ่านกลอนพี่จบแล้วถ้าจะเดาว่าพี่เป็นคนเมืองก็คงจะไม่ใช่ เพราะมันสะท้อนสะท้านสะเทือนใจในหัวอกชาวบ้านนาอย่างเรา ๆ สุด ๆ เลยครับ
8 ธันวาคม 2552 01:24 น. - comment id 1071717
ฟังรำพึงถึงทุ่งคนกรุงหนาว ไร้นาข้าวราวสิ้นถวิลหา เสียงขลุยครวญหวนเย้าเคล้าน้ำตา กุ้งปูปลาลาร้างดังหมางเมิน
8 ธันวาคม 2552 08:08 น. - comment id 1071736
เคียวขึ้นสนิม เห็นภาพเลยนะคะ