บันเทิงระเริงระบำ เหนือน่านน้ำน่านเวหา เริงร่ายระบายนภา ณ ฟากฟ้าราตรีกาล พร่างพรายประกายระยิบ วูบวับวิบวะวามหวาน ดั่งโคมละโลมละลาน สะท้อนผ่านน่านนที ผืนน้ำกระพือกระเพื่อม ล้อลายเลื่อมรัศมี วามวาว ฤ ราวมณี ครั้นราตรีกระจ่างดาว เริงร่ายระบายระบำ บนม่านน้ำและม่านหาว ไหวหวามวะวามวะวาว ระบำดาวคราวคืนแรม กลบทนี้เป็นกลบทที่ผมประดิษฐ์คิดขึ้นใหม่ครับ ดัดแปลงจากกลอน ๖ ธรรมดา ๆ ให้ไม่ธรรมดาคือ ปกติกลอน ๖ แต่ละวรรคจะอ่านเป็นท่อนท่อนละ ๒ คำ เช่น ฝันใฝ่ ในดาว พราวแสง แต่กลบทนี้มีความพิเศษดังนี้ครับ ๑. วรรคสดับ(วรรคแรก) และวรรครอง (วรรคสาม) เป็นกาพย์ บังคับครุ ลหุ ดังนี้ ครุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ เช่น บันเทิงระเริงระบำ / พร่างพรายประกายระยิบ ๒. วรรครับ (วรรคสอง) และวรรคส่ง (วรรคสี่) เป็นกลอนไม่บังคับครุ ลหุ ๓. วรรค สดับ(วรรคแรก) และวรรครอง(วรรคสาม)จะแยกอ่านเป็นจังหวะ สอง / สี่ ทั้งหมด เช่น บันเทิง ระเริงระบำ / ผืนน้ำ กระพือกระเพื่อม ๔. วรรครับ(วรรคสอง)และวรรคส่ง(วรรคสี่) จะแยกอ่านเป็นจังหวะ สาม / สาม ทั้งหมด เช่น เหนือน่านน้ำ น่านเวหา / ครั้นราตรี กระจ่างดาว ......................................................................................................... เมื่ออ่านกลบทนี้จบจะรู้สึกว่าดวงดาวกำลังเริงร่ายระบายระบำอยู่จริง ๆ ครับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านกลบทกาพย์เคียงกลอนนะครับ
29 พฤศจิกายน 2552 07:02 น. - comment id 1068835
บันเทิงระเริงประกาย กระจายระยิบพริบไหว ดวงน้อยกระจิริดไกล แต่ใจระริกพลิกวน ฮือ ..ถือเป็นนวัตกรรมใหม่น่าสนใจดีครับ ไม่เหมือนกลบทปูแตกแถวที่ผมประดิษฐ์ขึ้นเลย ซ้ำคำทุกที่ทุกวรรคไม่จำกัดแล้วแต่เหมาะแล้วแต่เห็นควร ตามประสาคนง่าย ๆ เดี๋ยวผมจะแต่งใหม่นะ คุณสุริยันต์ช่วยชี้แนะละกัน วันนี้ไปทำธุระก่อน
29 พฤศจิกายน 2552 10:18 น. - comment id 1068852
ชมดวง..ประดับประดิษฐ์ งามประดิษฐ์เหนืองามใด คืนหวาน..สว่างไสว แดนสวรรค์อัศจรรย์..ดาว.. สุขอย่าได้สร่าง
29 พฤศจิกายน 2552 10:37 น. - comment id 1068855
ดีใจครับที่มีกลอนแบบใม่เกิดขึ้นให้ได้ศึกษา
29 พฤศจิกายน 2552 13:24 น. - comment id 1068889
เวลาอ่านเหมีอนดวงดาวเริงระบำจริงๆค่ะ
29 พฤศจิกายน 2552 15:36 น. - comment id 1068914
ไพเราะ มาก ครับ
29 พฤศจิกายน 2552 16:59 น. - comment id 1068941
ไพเราะจังค่ะ
29 พฤศจิกายน 2552 17:48 น. - comment id 1068964
วาววาว ระยิบระยับ เพลินเพลินหลับ กับห้วงหาว ดาวร่าย สะพรั่งสกาว พร่างพรูพราว นภารวย มีความสุขมากๆนะคะพี่ยันต์
29 พฤศจิกายน 2552 18:55 น. - comment id 1068996
คือ.. จะบอกว่า แตงนั่งขำ ความคิดเห็นคุณโอเลี้ยงอยู่ บอกหน่อยได้มั้ย พี่ชื่อนี้จริงหรือเปล่า ถ้าใช่ แตงจะได้ไม่เรียก อย่าโกรธนะ แตงแค่ขำเช้ยเฉยย
29 พฤศจิกายน 2552 19:11 น. - comment id 1069001
เอ่อ พี่นี่ ใช้ได้ครับ ผมว่า กาพย์เคียงกลอน เพราะมากๆ ครับ แถม ยังเก่ง เสียง ครุ ลหุ ด้วย ผมจะได้ เอาไปศึกษา อิอิ
29 พฤศจิกายน 2552 19:14 น. - comment id 1069002
สวัสดีครับพี่สุรศรี ขอบคุณที่เข้ามาติชมนะครับ แล้วว่าง ๆ เราคงจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ สวัสดีครับคุณคอนพูทน สงสัยจะเป็นคนภูธรเน้อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอบคุณครับสำหรับคำติชม สวัสดีครับคุณลมแปรฯ ยินดีที่ได้รู้จักครับ และขอบคุณสำหรับคำติชมครับ สวัสดีครับคุณจอมงก ในที่สุดก็มีคนเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการสื่อสารแล้ว...ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับคุณครูกระดาษทราย ไม่เจอกันนานหวังว่าคงสบายดีนะครับ สวัสดีครับคุณคนกุลา เดาว่าคงเป็นคนจจังหวัดร้อยเอ็ดเมืองสาเกตุนครใช่มั้ยเอ่ย... ขอบคุณที่เข้ามาทักทายและติชมนะครับ สวัสดีครับคุณปรางทิพย์ ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ สวัสดีครับน้องโอเลี้ยง โอ้...กลอนตอบของน้องช่างไพเราะมากครับ แหล่มเลยแหละ.... สวัสดีครับน้องแตง ชื่อนี้เป็นนามปากกาน่ะครับ แต่ตอนนี้ก็กำลังคิด ๆ อยู่ว่าจะหันมาใช้ชื่อนามสกุลนี้จริง ๆ ดีบ่หนา ขอบคุณที่เข้ามาชมผลงานนะครับ
29 พฤศจิกายน 2552 19:47 น. - comment id 1069026
ไม่สบายใจ เลยเข้ามาอีกรอบ (กลัวพี่เคือง) ชื่อ สุริยันต์ เพราะอยู่แล้วค่ะ ใช้ไปเถอะ แต่เมื่อกี๊แค่จะบอกว่า ถ้าชื่อยันต์เฉยๆ แตงนึกถึงอย่างอื่นที่ไม่ใช่พระอาทิตย์น่ะ แห่ะๆ (ลบเม้นนี้ให้ด้วยนะ เดี๋ยวเกะกะบ้านพี่)
29 พฤศจิกายน 2552 21:00 น. - comment id 1069048
สวัสดีครับคุณกวีน้อยฯ ขอบคุณนะครับที่ชมว่ากลอนกลบทผมใช้ได้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ สวัสดีอีกครั้งครับน้องแตง พี่ไม่ซีเรียสหรอกครับ พี่ชอบชื่อนี้มาก เพราะมีความหมายว่าพระอาทิตย์และพระจันทร์ อันมีคุณอนันต์ต่อผื่นโลกครับ แค่น้องแตงมาเม้นท์ให้พี่ก็ดีใจแล้วครับ
29 พฤศจิกายน 2552 22:47 น. - comment id 1069078
สวัสดีครับคุณวิริศมาหรา ขอบคุณมากครับที่เข้ามาให้กำลังใจผมเสมอมา........
29 พฤศจิกายน 2552 22:31 น. - comment id 1069086
เพลงดาวระยิบระยับ งามวาววับจับดวงใจ ส่องแสงระเมียรละไม สุขฤทัยคราได้ยล เห็นภาพดวงดาวกำลังจับระบำเลยล่ะค่ะ กลบทนี้สร้างสรรค์นัก ชื่นชมค่ะ
30 พฤศจิกายน 2552 15:52 น. - comment id 1069298
เพราะจังเลยค่ะ อยากแต่งแบบอักษรสวยๆกะเค้ามั่งจัง แต่คิดไม่ออก คงเป็ฯเพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ค่อยละเอียดอ่อน เลยคิดคำหวานๆ ละเมียดละไมกะเค้าไม่เป็น อิอิอิ บ่นให้ฟังเฉยๆค่ะ ว่าอิจฉา ชอบกลอนของคุณค่ะ
30 พฤศจิกายน 2552 15:53 น. - comment id 1069299
แหะๆ โทษทีค่ะ ตะกี้มือไวไปหน่อย ยายแม่มดเองนะคะ รีบมารีบไปเลยไม่ได้ล็อคอิน
30 พฤศจิกายน 2552 16:30 น. - comment id 1069307
มี่แต่งอีกบทเก็บเป็นตัวอย่างไว้ที่กรุ(บล็อกเก็บงานเขียน)ด้วยค่ะ เอามาให้พี่ดูด้วยว่าผิดไหม .................... บางขณะ..ที่ลืมใครคน(ด้วย กลบทกาพย์เคียงกลอน) บางช่วง กระสับกระส่าย เสมือนกราย หมื่นแสนขม บางครา สลดระทม ผะผ่าวพรม ตรมเต็มทรวง ลิบลิบ สว่างไสว เหตุไฉน เศร้าเร้าหน่วง บางหน ฉงนคละควง แลลุล่วง บ่วงเหงารอ เหงาพราง ขนานกระหนาบ หมดแรงปราบ ดับรอยก่อ อารมณ์ ละม้ายชะลอ กับไห้ห่อ ตอวุ่นวาย เหงาก่อ สะทกสะท้าน เมื่อวันวาน ใครเลือนหาย ไม่รู้ ระแคะระคาย เขาย่างกราย ไปหนใด ร่ำร้อย ระโบยระลึก ตอนรู้สึก เงาเศร้าไหว ขาดคิด ระวังระไว รอยใจไหม้ ไหลระรวย .................ญามี่///... จากที่นี่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mamamai&month=11-2009&group=9&date=30&gblog=3
30 พฤศจิกายน 2552 21:21 น. - comment id 1069395
สวัสดีครับคุณยายแม่มด น้องสาวของ(รุ่น)พี่(มข.) ขอบคุณมากครับที่เข้ามาติชมผลงาน ของพี่เสมอ กะว่าจะเขียนกลอนระลึกถึงมอดินแดงซักบทเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกครับ สวัสดีครับน้องญามี่ กลบทที่น้องเขียนมาถ้าดูรวม ๆ ถือว่าผ่านครับ แต่เมื่อพิจารณาแล้วยังต้องฝึกฝนเพิ่มเติมในเรื่องการใช้ถ้อยคำและความหมายครับ พี่คิดว่าน้องญามี่ทำได้อยู่แล้วล่ะ สู้ ๆ นะ
2 ธันวาคม 2552 13:15 น. - comment id 1069938
รู้สึกว่าเหมือนแต่งเกี่ยวกับชื่อตัวเองแล้วมีความสุขดีจริงๆ