............. ดุจมือเท้าจะหนาวเย็นเป็นน้ำแข็ง ลมพัดแรงดุจดังมีดมากรีดเฉือน กรวดดินทรายปรายเข้าตาจนพร่าเลือน ซ่อนรอยเปื้อนเตือนช้ำคราบน้ำตา บนยอดเขาในเงาฝันวันไกลบ้าน เกิดอาการเศร้าเศร้าเหงาในหน้า คิดถึงคนไกลมากที่จากมา ให้ขอบฟ้าฟูมฟักรักษาใจ บนยอดเขาสร้างโบสถ์ไว้ให้เคารพ จึงพานพบผู้คนมากจากแดนไหน มาแสวงแหล่งบุญสร้างทุนไป หวังจะให้ผลบุญหนุนประทัง เราต่างคนต่างภาษามาถึงนี่ ก็หวังมีผลบุญได้หนุนหวัง ในยามไกลใจอยากหากบุญยัง ระลึกหวังจากความดีที่ได้ทำ บนยอดเขาเงาทาบอาบน้ำพลิ้ว ระลอกริ้วไล่ทิวคลื่นสุดกลืนกล้ำ หวังส่งฟ้าข้ามฟากฝากลำนำ เพื่อเตือนย้ำซ้ำหม่น..จากคนไกล .............................
6 พฤษภาคม 2552 16:45 น. - comment id 981176
ขอเป็นกำลังใจให้คนไกลในวันไกลบ้านค่ะ
6 พฤษภาคม 2552 17:12 น. - comment id 981189
สวัสดีค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็คงจะไม่อบอุ่นใจเท่ากับอยู่ที่บ้านเราหรอกคะ หากแต่ด้วยภาระและหน้าที่จึงต้องทำให้ห่างไกล ก็ขอส่งกำลังใจให้ละกันนะคะ
6 พฤษภาคม 2552 17:44 น. - comment id 981202
ขอบคุณ คุณเพียงพลิ้ว สำหรับการ มาเยี่ยมเยียนและกำลังใจที่มอบให้ ครับ
6 พฤษภาคม 2552 17:46 น. - comment id 981203
อันที่จริงก็เป็นเช่นนั้น จริงๆครับ คุณ somebody ไม่มีดินแดนไหน จะให้ความอบอุ่นได้เท่ากับดินแดนที่เรา เกิด จริงๆ ครับ
6 พฤษภาคม 2552 17:55 น. - comment id 981204
มากระซิบว่า คอมเมนท์ที่ไปฝากไว้ใน บนกงกรรม นั้นจริงๆพุดจะมาฝากไว้ที่นี่ เพราะอยากให้อ่านงานที่ ทำให้ใจดายเดียว คลายเหงาเศร้าได้ ส่วนเรื่องนั้น น่าจะฝากคำธรรมสัจจะค่ะ สักพักจะไปเพิ่มให้นะคะ งานนี้เลยเอาใหม่ค่ะอิอิ เส้นทางสายฝน สายฝัน ฝนหลงฤดู ตกลงมาพรูพร่าง แล้วค่อยๆพรมพรำกระทบหลังคา ดังเปาะแปะ เปาะแปะ กล่อมนิทรา ยามราตรี ให้หลับไหลฝันดี เม็ดฝน หยดใสสวยแตะแต้มเกาะกิ่งแก้ว ก้านใบไหวพราวงาม ใบไม้รายรอบราวเริงระบำ รอรับหยาดน้ำทิพย์จากฟากฟ้า นภาพร่าง อากาศหม่นมัว สลัวเรือนราง พรางเมฆหมอก พยับโพยมบน โ อบอุ้มด้วยม่านเมฆ เย็นชื่น รื่นร่ำฉ่ำใจ เหงาแสนเหงา หนาวแสนหนาว เ ศร้าแสนเศร้า เมื่อย้อนคิดถึง คืนวันผันผ่านจาก ร้อยเรื่องมากราว ที่มากับสายฝนพรำให้จำจด และที่หวนไห้ ลาเลยลับมิกลับคืนมา คิดถึงคนเคยรัก คนเคยคิดถึง ซาบซึ้งไปกับบทเพลงแห่งสายฝน ร่วงรู้พรูใจในยามนี้ คิดถึง บทเพลงๆหนึ่งที่ชอบช้ำจนสุดใจ...ปีศาจวสันต์...... เราจากกันวันนั้นยังจำ จ ากกันวันฝนพรมพรำ พลางม่านกรรมคล้ำคลื้มคลุมเวร ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นซวนรวนระเนน ความกดดันคั้นเดน เหมือนจะเค้นฆ่าตาย เราจากกันวันนั้นนานมา แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย ฤดูฤดีมันไม่มีวันคืนวาย มันสาบใจสาบกาย เหมือนมนต์ร้ายพรายผี ผีวสันต์มันหลอกมันหลอน ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์เวรหนี ฟังโถฟังฟังฝนตกซิ เหมือนนรกตกตี ย้ำขยี้ใจตรม ไปจากไปไปแล้วไปเลย อย่ามาชวนชิดชวนเชย ปีศาจเอยร้างเลยอารมณ์ ลมมาฝนมา จงอย่ามาพาระทม เพียงโศกทรามเศร้าตรม ฉันจะล้มตายแล้ว .................................... คิดถึงสิงคโปร์ ดินแดนแห่งสายฝน พรมพฤกษ์ไพรไม้เมืองร้อนซ่อนงาม ที่เคยเป็นดั่งบ้านหลังที่สองของชีวิต ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดนตรีแห่งสายฝน หล่นกรูกราวพราวฟ้า ตามมาด้วยม่านฝน หม่นมัวหมองเศร้า เคล้าใจดวงนี้ให้ดายเดียว ความดายเดียว ที่ดวงค้นพบว่า มันคือความสุขล้ำสงบ งามที่ทำให้ว้าเหว่ จนเงียบงัน ซอนแทรกซึม โลมไล้ ให้ใจดวง แสนอิสระพ้นพันธนา จากวุ่นวายสับสน เส้นทางใจ เส้นทางฝัน เส้นทาง ในยามเช้าตรู่ ที่เคยนั่งรถออกจากบ้าน ที่อยู่นอกเมือง ราวกับออกจากป่าใหญ่ไพรกว้าง เพราะเส้นทางรายเรียง เ ต็มไปด้วย ต้นไม้ ต้นไม้ และต้นไม้ ไปจิบกาแฟหอมละมุนลิ้น ที่ร้านเล็กๆ ที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวฝากท้องอิ่มอุ่น ดวงจะนั่งมองทุกสิ่ง ที่รายรอบตัวอย่างโดดเดี่ยว อย่างคนไกลบ้าน ที่เงียบเหงาแต่แสนสุข เส้นทางสายฝน สายฝัน ในบางวัน ที่ดวงต้องใช้เดินลงมา จากบ้านบนเนินเขา สู่ตลาดยามเช้า เส้นทางสายสุขทุกครั้ง ยามได้เลาะเลียบผ่านบ้าน ที่แฝงฝันอยู่ในดงไม้หอมงาม ที่ทอดตัว ลาดหลั่นไปตามไหล่เขา มองไปทางไหน คือเมืองในฝัน ที่ดวงอยากยกเอามาไว้ที่นี่ที่กรุงเทพ ดวงอดขำไม่ได้ เมื่อนึกถึงความพยายามที่ จะพูดภาษาจีนต่อรองราคา ผักผลไม้ ดอกไม้ และจะพูดได้แค่งูๆปลาๆ ซึ่งทำอย่างไรเขาก็รู้ว่า ดวงไม่ใช่คนสิงคโปเรี่ยน คิดถึงเกาลัดร้อนๆ คิดถึงผลไม้ที่สดฉ่ำ หวานกรอบ พีช แพร์ พรุน แอปเปิ้ล คิดถึงเพื่อนคนญี่ปุ่น เคียวโกะ ที่แสนน่ารัก ที่ทำให้ดวง ได้ลิ้มชิมรสชาญี่ปุ่นหอมละมุนแปลกลิ้น แต่กลมกล่อมหอมหวาน พร้อม กับเสียงขับกล่อมจากไวโอลิน ที่เธอบรรเลงให้ฟัง ได้อย่างไพเราะเสนาะในสำนึก เธอผู้รักดนตรี รักครอบครัว และแสนโรแมนติก เธอผู้มีชีวิตสมถะเรียบง่าย และชอบแต่งบ้านราวสวรรค์บนดิน บางครั้ง เราจะพากันไปบำเพ็ญประโยชน์ ให้สังคม เรามีชมรมเล็กๆที่จะมารวมตัวกัน ในยามเช้า เราจะตื่นไปกวาดท่าเทียบเรือ ที่อ่าวสิงคโปร์ตรงที่มีสัญลักษณ์ เป็นสิงโตพ่นน้ำนั่นแหละ และ จะออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน เราเรียนรู้การจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น การชงชา และบางหน ดวงจะทำอาหารไทยให้ได้ลิ้มชิมรส วันคืนผันผ่าน ชีวิตผันแปร ชีวิตดวงในวันนี้ ที่กำลังถูกชีวิตชาวกรุง ดูดกลืนน้ำที่หล่อเลิ้ยง ชีวิตของดวงที่เคยใสเย็นฉ่ำ หวานชื่นให้เริ่มเหือดแห้ง แลไปไม่เห็นงาม แม้ใจดวงนี้จะแปลกแยก และแตกต่าง จากผู้คนมากมายรายรอบตัว ที่จำเป็นใช้ชีวิตระบบผ่อนส่ง และ กับการแข่งขันที่จบลงด้วยโรคเครียด โรคภูมิแพ้ โรคหลายโรค ที่มากับวิถีคนเมือง ลืมโอบเอื้อ ลืมปล่อยงามตามธรรมชาติ ให้ไหลรื่นสู่สายธารใจ ไหลสู่ใจดวงอ่อนๆให้นุ่ม ให้หวานละมุน ฝันละไม ละเมียดรัก กอบเกื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน ฉันท์พี่น้องด้วยดวงจิตหวานหวัง มีพลัง ที่จะก้าวต่อไปด้วยกัน ฝนราเม็ด แต่ ฟ้ายังหม่น เศร้า พอกับใจของดวงยามนี้ ที่เศร้าไปกับสายฝนพรำ น้ำตาฝนคงครวญคร่ำ ร่ำไห้กับโลกผันแปร ก่อนสูญสิ้น..... เส้นทางสายฝันสายฝนปนไปกับหยาดน้ำตา
6 พฤษภาคม 2552 18:38 น. - comment id 981212
คุณ พุด ครับ ความหนาวรานใจในสายฝน ไม่ใช่เมืองไทย ไม่ใช่ที่สิงค์โปร์ แต่เป็นที่กลางเมืองมนนิลา สองปีมาแล้ว เห็นจะได้ ครับ . เสียงฝนพร่างพรำพรำร่ำวิโยค ดุจดังโลกจะละลายกลางสายฝน ฤๅจะกลบช่องว่างระหว่างคน ให้สายฝนสะสางชะล้างใจ ฟ้าทั้งฟ้าฉ่ำน้ำฝนบนฟากฟ้า ในคลองตาหม่นร้าวพราวน้ำใส เหมือนย้ำเตือนให้อดทนเราคนไกล อย่าเที่ยวไปห่วงหาใจอาวรณ์ ร้านอาหารเดินใกล้ใกล้ในสายฝน เราคือคนมาเยือนเพื่อนรับต้อน สั่งอาหารหวานคาวใจร้าวรอน เย็นหรือร้อนพอประทังยังคำนึง กับอะไรไม่ถูกปากเลยสักนิด คงเพราะพิษใจฝังยังคิดถึง อยู่ที่ไหนใจร่ำเฝ้ารำพึง รักเคยซึ้งโศกศัลย์แต่วันวาน เสียงฝนพรำร่ำฟ้าอุษาโศก ร่ายโศลกมาร่ำพอฉ่ำหวาน เขียนบทกลอนวอนมาภาษากานท์ ข้ามเมฆม่านหม่นฟ้าตากาล็อก . ............... นำมาให้คุณ พุด อ่าน ครับ
6 พฤษภาคม 2552 20:05 น. - comment id 981271
วันไกลไกลกันจึงหวันไหว หวั่นใจหวั่ลเลือนเหมือนห่างหาย หวั่นนักรักหวั่นนั่นกลับกลาย รักหมาย..กลับหวั่น..นั่นเพราะไกล.. บางครั้งการจากบุคคลผู้เป็นที่รัก ก็นำทุก กังวลมาให้เราเสมอ...
6 พฤษภาคม 2552 20:39 น. - comment id 981281
หวั่นในวันไกลจึงไหวหวั่น หวั่นว่ารักนั้นจะห่างหาย หวั่นว่าเคยแสนรักจักจางคลาย หวั่นกลัวคลายสวาทหวังยังหวั่นใจ . เป็นที่อบอุ่นใจยิ่งนักที่ครูพิมมาเยี่ยมเยียนเสมอมา ครับ
6 พฤษภาคม 2552 21:27 น. - comment id 981314
คุณ พุด ครับ อันเนื่องจากการเข้าไปอ่านคำงามๆ ที่บ่งบอกความในใจของผู้ชายชื่อทิน ช่างเป็นการผสมผสานความแตกต่าง ของโลกสองโลกให้เชื่อมร้อยกันเข้าด้วยความรัก ความปรารถนาดี ความฝันและจินตนาการ หวังว่าความในใจของทินที่ คุณพุด ถักถ้อยร้อยเรียง จะส่งผลให้ความในใจของทิน กลับมาโลดเล่นอยู่ในชีวิตจริงของใคร บางคน นะครับ สาวบ้านนา.....พุดไพร อีกทั้งเมื่อเข้าไปใน วงชีวิต ของ . เจ้านกไพรในใจนวลหวนถวิล ก่อนร้างสิ้นด้วยรักจักถามหา จำจากหนองนาบางจากห้างนา เพียงเพื่อว่าเข้าหากินในถิ่นกรุง เพื่อหาเงินมาสานต่อก่อรังรัก เพื่อหาหลักมาพยุงเรื่องยังยุ่ง หวังสร้างหลักปักฐานงานผดุง ก็ในกรุงมีช่องทางสร้างตัวตน เจ้านกไพรใจกล้าบากหน้าบ่าย ร่อนร่ายเร่ไปในทุกหน สร้างสรรค์ขายแรงแข่งผู้คน สับสนเดียวดายไร้คนเกย ปล่อยให้นวลเดียวดายอยู่ปลายขวาน อยู่เฝ้าบ้านเรือนรอดกอดเขนย และรอวันขวัญนกไพรได้มาเชย ลมรำเพยร่ำรอมาคลอเคียง สายัณย์เย็นย่ำค่ำนี้หนอ นวลจะรอนกไพรขันใสเสียง นวลปัดกวาดรวงรังฟูกตั่งเตียง และรอเพียง พ่อนกไพร.. คืนใจนวล . ขอบคุณ นะครับคุณ พุด ไพร ที่ชวนให้ไปอ่าน
6 พฤษภาคม 2552 21:36 น. - comment id 981318
แนะแอบไปเที่ยวหรือคะ ไม่ชวนเลยนะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ
6 พฤษภาคม 2552 22:14 น. - comment id 981338
ว่าจะชวน แต่สองสามวันก่อนนี้ ไม่ค่อยเห็นมา นี่ ครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมกัน เช่นกัน ครับ คุณทิพย์โนราห์
7 พฤษภาคม 2552 00:21 น. - comment id 981359
ความคิดเห็นที่ 8 : หมายเลข 209076 จดหมายรักจากนวล เขียนจดหมายสักใบใส่ดาษขาว เขียนเองอ่านเองเป็นเพลงยาว เขียนถึงบ่าวผมสร้านอยู่บ้านไกล ว่านกเขาขันคูอยู่ข้างทาง ไปขันกู่คูครางอยู่ข้างไหน มาเงียบงำคำยินเหมือนสิ้นใจ มาเงียบในเสียงบินเหมือนสิ้นลม ว่าเจ้าบ่าวผมซื่อมือนวล มาเรรวนคำหวานให้พานขม จูบนั้นจีบปากจูบหรือลูบคม ที่บ่าวข่มปากจีบจูบกลีบใจ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมบังล้าหลังสมัย เพียงแรกจูบลูบแรกก็แปลกไป หวาดไหวคำกระทบกระเทียบเกินเปรียบปาน ดั่งวัวสันหลังหวะอยู่กลางทุ่ง หวาดสะดุ้งตื่นกาบินมาผ่าน นวลห่มไห้ไข้เข็ญอยู่เป็นนาน รอยแปลกนั้นประจานอยู่ลานใจ ชั่วเพราะพลีเพื่อรักลืมหลักคอก ดั่งวัวเขาสวยหนอกงามตาใส โลดแล่นลั่นกระดึงตะบึงไป ค้อมคอให้บ่าวเทียมเข้าเกวียนรัก เปลื้องจารีตธรรมเนียมที่เจียมตน รักล้นจึงทอดหยิ่งและทิ้งศักดิ์ แต่ดื่มรักก็ยิ่งด่ำยิ่งสำลัก ดื่มน้ำวักใสสะอาดกลับฝาดคอ บ่าวมาหวะแผลเหวอะเลือดเกรอเนื้อ ใจซื่อบ่าวก็เถือมิเหลือหลอ คำรวนเรเห่ร่ำที่พร่ำคลอ ก็ลืมคำที่พร่ำพ้อทุกข้อความ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมแบกดังแอกหาม แต่รักแล้วปานแก้ววะแวววาม จะชั่วทรามปานใดก็ให้เป็น โนราห์หลงสรงสระอโนดาด แล้วบ่วงบาศก์คล้องตนเกินโผนเผ่น อันปีกหางงามงอนซึ่งซ่อนเร้น ดั่งตั้งวางห่างเว้นเห็นลิบลิบ เกินเอื้อมมือหยิบคว้าถลาฉวย ระรวยรวยขวยเขินเกินเอื้อมหยิบ หากรักแล้วร้าวรานวิญญาณทิพย์ จะมิรักแม้สิบพระสุธน อานวลเพียงวัวนากินหญ้าเขียว จะท่องเที่ยวเทียวหาสุดหล้าหน ควรหรือแม้นวลจะจวนตน ควรแล้วแม้ทนทุกข์จนตาย ต่อวันนวลฟุบซบเป็นศพซาก จะออกปากฝากเผาก็เปล่าหมาย เกรงขี้เถ้าผงคลีธุลีคาย จะเปื้อนกายป้ายกลิ่นให้หมินคาว นวลม้วนผมมวยเกล้าดำข้าวเขียว นวลฟ้อนแกะเก็บเรียวเกี่ยวรวงข้าว บ่าหยาบนี้หาบคานมานานยาว แดดกริ้วแผดผิวสาวผู้กร้าวงาน มินิ่มนวลชวนต้องแม้ย่องแตะ ก็อย่าแขวะคำถากจากปากหวาน นี่กระไรตะละคำช่างชำนาญ ตะละลิ้นช่างลึกคว้านจนสุดลึก เพียงชมเชยเกยกอดตลอดกาย ดินกระด้างฟางคายใช่รู้สึก ทุกคำหวานสรรพิษมาคิดนึก กล่อมนวลจนนวลสึกผลึกนวล ขนำน้อยก็แอบอิงพิงผนัง แม้ขนำก็เวียงวังยังไห้หวล บ่าวเป็นเทพลงดินมากินง้วน พอดินร่วนซ่วนซุยก็ถุยคาย ถุยขมถ่มขื่นมาคืนนวล ถุยทวนคำหวานซึ่งซ่านสาย ตะละคำตะละลิ้นรินระบาย ล้วนคำชายหมายหยามประณามนวล นวลเป็นสาวมีศักดิ์แหละรักศรี เกียรติที่มีแม้น้อยยังคอยสงวน หากต่ำต้อยถ้อยคำที่คร่ำครวญ ก็มิควรทวนถ้อยเพื่อคล้อยตาม ลงท้ายว่ายังรักยังคิดถึง แต่โศกซึ้งเพียงใดอย่าได้ถาม ทุกคำนวลล้วนชีวิตประดิษฐ์ความ จากเศษสากซากทรามนามว่านวล ปล.เจ้านกเขาชีกอสร้อยคอสวย อยู่ไหนให้ข่าวด้วยแหละช่วยด่วน ทุกถ้อยความหยามหยาบดังดาบทวน และทุกถ้วนคำประณามความไม่เอา! ในวงเล็บ เป็นพื้นถิ่นภาคใต้ที่ได้ยินมา //จบต่างกับงานชิ้นต้น แหะๆ ภาษาสวยดีครับ ปล. ผมชอบ ทูน ทองใจ หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ 27 ม.ค. 47 - 22:41 IP 203.151.217.160 ความคิดเห็นที่ 9 : หมายเลข 465876 เจ้านกไพรในใจนวลหวนถวิล ก่อนร้างสิ้นด้วยรักจักถามหา จำจากหนองนาบางจากห้างนา เพียงเพื่อว่าเข้าหากินในถิ่นกรุง เพื่อหาเงินมาสานต่อก่อรังรัก เพื่อหาหลักมาพยุงเรื่องยังยุ่ง หวังสร้างหลักปักฐานงานผดุง ก็ในกรุงมีช่องทางสร้างตัวตน เจ้านกไพรใจกล้าบากหน้าบ่าย ร่อนร่ายเร่ไปในทุกหน สร้างสรรค์ขายแรงแข่งผู้คน สับสนเดียวดายไร้คนเกย ปล่อยให้นวลเดียวดายอยู่ปลายขวาน อยู่เฝ้าบ้านเรือนรอดกอดเขนย และรอวันขวัญนกไพรได้มาเชย ลมรำเพยร่ำรอมาคลอเคียง สายัณย์เย็นย่ำค่ำนี้หนอ นวลจะรอนกไพรขันใสเสียง นวลปัดกวาดรวงรังฟูกตั่งเตียง และรอเพียง พ่อนกไพร.. คืนใจนวล . ขอบคุณ นะครับคุณ พุด ไพร ที่ชวนให้มา คนกุลา 06 พ.ค. 52 - 21:17 IP 58.8.85.64 จากเรื่องเจ้านกไพรในใจนวล หลายปีมาแล้วค่ะ รจนาก่อนคุณ มนตรี ศรียงศ์ หมี่เป็ด( จำชื่อกวีซีไรท์ถูกมั้ยนี่) จะได้รางวัลค่ะ และ ได้รับเกียรติมาต่อกลอนไว้ค่ะ ส่วนของคุณคนกุลา ไม่ช้าคงเฉกเช่นเดียวกันอิอิ
7 พฤษภาคม 2552 01:22 น. - comment id 981368
คุณพุด...สาวบ้านนา ตอนเข้าไปอ่านลำนำเรื่องเจ้านกไพรในใจนวล ก็เห็นคอมเม้นท์ ของคุณมนตรี ศรียงค์ (หมี่เป็ด) ก็ยังนึกในใจว่า คุณหมี่เป็ดมาคอมเม้นท์ ตอนเป็นกวีซีไรท์แล้ว เสียอีก คุณหมี่เป็ดเขียนกลอนได้ไหลลื่นต่อเนื่องดีมาก และมีไสตล์เฉพาะตน เขียนจนได้กวีซีไรท์ ส่วนคนกุลา ขอเขียนตามอารมณ์ที่ตนชอบ และมิตรสหายพอใจ ก็มีความสุขเหลือประมาณ แล้วครับ แต่อย่างไรก็ตาม แม้รู้ว่าแซวเล่น แต่ก็ถือว่ าเป็นการให้กำลังใจ ในการเขียนงานกลอนที่รักต่อๆไป ครับ คุณสาวบ้านนา ครับ อาจบางทีห่างหายไปบ้างเพราะภาระกิจรัดตัว แต่จะไม่ห่างจากเรือนไทย เรือนธรรม ไปเนิ่นนาน จะวนเวียนมาเยี่ยมยามถามข่าวและเป็นกำลังใจอย่างสม่ำเสมอ มิเสื่อมคลาย ครับ หลับฝันดีนะครับ สาวบ้านนา เทพีไพร แห่งวนาทิพย์
7 พฤษภาคม 2552 07:28 น. - comment id 981387
""" แวะมาเยี่ยมชมบรรยากาศรื่นรมณ์ อบอวลไออุ่นที่บ้านนี้ครับ อบอุ่นมากในลวดลายสายอักษร
7 พฤษภาคม 2552 08:05 น. - comment id 981397
ขอบคุณ คุณฝากฝัน ที่มาเยี่ยมบ้านทุ่ง และให้กำลังใจกัน ผมเองนั้นก็ชื่นชอบกลอนของคุณฝากฝันมาก ขอศึกษาลีลากลอนด้วยนะครับ และจะพยายามเขียนให้ดียิ่งๆขึ้นครับ
7 พฤษภาคม 2552 14:58 น. - comment id 981481
เคยจากบ้านไปไกล นานหลายเดือน ทำให้คิดถึงบ้านมากๆเลยค่ะ
8 พฤษภาคม 2552 09:36 น. - comment id 981645
เคยจากบ้านเกิดไปหลายปีค่ะ ไปเพื่อเรียนวิชา (..จะไม่กลับหลังถ้ายังไม่ได้ดี..) ตอนนี้ได้กลับมาทำงานที่บ้านแล้วจ้า เป็นกำลังใจให้คนไกลบ้านนะคะ