1 น้ำตาฟ้าหยาดเย็นเป็นสายฝน ชโลมโลกฉลักชลบนผืนหล้า พรุน้ำพุพรายพื้นผุดขึ้นมา สร้างสายธารศรัทธาสถาพร เรียกเธอธารเวลาปฐมวัย กำเนิดใต้หินแกร่งแห่งสิงขร แผ่แพรพรรณพฤกษ์ไพรรากไชชอน แทรกซับซ้อนยึดแน่นพื้นแผ่นดิน นาฏลีลาร่ายรำลำนำโลก กลืนทุกข์โศกสรรค์เพลงบรรเลงศิลป์ เสียงหัวเราะใสใสในน้ำริน เซาะแก่งหินสึกเห็นเป็นเศษทราย จากเขาสูงเสียดฟ้าลงมาพื้น ลืมตาตื่นพบสีสันอันหลากหลาย ทิ้งศักดิ์สูงตรงต่ำเพื่อทำลาย หรือยักย้ายทางผ่อนลดทอนแรง จากครรภ์แม่พระธรณีอันบริสุทธิ์ จากตาน้ำต่ำผุดสู่พรายแสง จากฟากฟ้าหลั่งไหลมาไล่แล้ง เธอเปลี่ยนแปลงโลกนี้แล้วนิรันดร์ 2 รินสายธารสานรุ้งบนทุ่งกว้าง กิ่งใบสร้างกลีบสวยด้วยสีสัน เลื่อมเหลือบลายล้อแสงแห่งตะวัน สะท้อนดวงสุริยันเป็นพันดาว ฟองคลื่นวนเวียนคลั่งในวังน้ำ ทะมื่นดำขอบกระแสขลิบแพรขาว ตื้นในความล้ำลึกแห่งเรื่องราว ของวัยสาวปริศนาหลากอารมณ์ เร็วและร้อนแรงไหลในห้วงลึก แพรวผลึกเพชรเร้นเส้นไรผม สะบัดพลิ้วเรี่ยพื้นดุจผืนพรม แผ่สยายรับสายลมก้มจุมพิต ชโลมทิพย์ชุ่มชื้นฉ่ำพื้นหญ้า ละลายหล้าระริกเพียงพลิกบิด เสียดกออ้อไซ้แอบอิงแนบชิด กำเนิดสรรพชีวิตเป็นอัศจรรย์ ทอดกายจากขอบฟ้าจรดขอบฟ้า พลิกแผ่นพื้นพสุธาสู่สรวงสวรรค์ ใต้ดวงเพชรเม็ดใหญ่ในแสงวัน ทรงกลดสรรพสีสันอัญมณี 3 โอบแผ่นดินอุ้มแผ่นฟ้าแนบหน้าอก อาบอุทกท้นสุขไปทุกที่ คือพรหมโลกคือมารดาคือวารี คือเกษียรชุบชีวีวสุธา สะท้อนฟ้าทั้งฟ้าในตาโศก สะเทือนโลกผลักโคลนคลั่งโถมถั่งหล้า หลั่งน้ำตาให้จำหยดน้ำตา เมื่อโทษทัณฑ์มารดาสอนบทเรียน สลักโลกเป็นลวดลายแห่งสายน้ำ เป็นเมืองเป็นป่าถ้ำตามเธอเขียน สลักฟ้าด้วยไอวนไหลเวียน เป็นเมฆเปลี่ยนปั้นไปในสายลม ไหลเรื่อยชะละลายหลายชีวิต ชำระผิดบาปสรงลงผสม กลืนโสโครกขุ่นเหม็นเป็นโคลนตม กลั้วโสมมซากเน่าคละเคล้ามา เป็นพยานรักร้ายของชายหญิง ผู้ดำดิ่งปลิดปลงลงต่อหน้า ลำน้ำเลือดหลั่งตามด้วยน้ำตา พร้อมข้อคิดปริศนาใครฆ่าใคร มือน้อยน้อยลอยประทีปอธิษฐาน คืนเพ็ญทาบสะท้อนธารสะท้านไหว ลอยฝากถ้อยร้อยพันเหล่านั้นไป ทิ้งดอกไม้เน่าจมถมลำน้ำ ธารเวลาล่องไหลวัยชีวิต ถูกหรือผิดสูงส่งไหลลงต่ำ เคยสวยใสขุ่นเห็นเป็นน้ำครำ ขื่นในคืนฟ้าดำใต้เงาดาว มีสวรรค์มีนรกในอกแม่ เพียบรอยแผลเก็บไว้ไม่บอกกล่าว ทุกอณูธุลีมีเรื่องราว อันสืบสาวย้อนได้หลายโกฏิปี พาท่อนไม้ลอยหลงส่งถึงฝั่ง จมของเล่นผุพัง-เรือสังกะสี คติคำเวลาคือวารี ที่สุดทางสายนทีชีวิตคน รอความฝันกลั่นมาจากฟ้ากว้าง เจือโศกจางด้วยเกล็ดแห่งเม็ดฝน สุหร่ายโรยโปรยทิพย์ทั่วผืนชล ชำระล้างร่างท้นทุกขเวทนา ทิ้งตะกอนถมฝากปากแม่น้ำ ถึงสัจธรรมแท้แห่งการแสวงหา พ้นภาระสนองพื้นพสุธา สู่ห้วงมหาสมุทรล้อมอุ่นอ้อมใจ เป็นนางฟ้าโปรยฝนอยู่บนฟ้า หรือผุดมาจากหมกนรกไหน โลกเตรียมทางเพื่อเธอเสมอไป จากทาสจนเป็นไทชั่วนิรันดร์
23 เมษายน 2551 07:37 น. - comment id 841913
:) เสาร์ - อาทิตย์นี้ไปดูละครเร่เรื่อง "เสียงกระซิบจากแม่น้ำ" ผลงานของคณะพระจันทร์เสี้ยวมาให้ชมในบรรยากาศกลางแจ้ง กลางแสงดาว สวนลุมกันเถอะ
23 เมษายน 2551 10:47 น. - comment id 841956
ยอดเยี่ยมครับ....
23 เมษายน 2551 12:26 น. - comment id 841983
กลอนเพราะเป็นกำลังใจให้ครับผม ภูมิภันเต
23 เมษายน 2551 13:49 น. - comment id 842003
..เธอเปลี่ยนแปลงโลกนี้แล้วนิรันดร์ ..เราชอบประโยคนี้จัง..
23 เมษายน 2551 21:43 น. - comment id 842141
คุณอัลมิตรา มีละครเร่มาเล่นด้วยฤๅ ตรงไหนของสวนลุมเอ่ย สวนลุมเคยเข้าไปแต่ตรงชมรมผู้สูงอายุกทม.ที่มีวงสุนทราภรณ์มาเล่นน่ะคับ ตรงอื่นไปไม่ถูก 555 ปล.ถ้าไปจริงบอกด้วยนะ บ้านอยู่แถวนี้แหละ คุณท่องเมฆา ขอบคุณคับ วันนี้แวะเข้าไปอ่านกลอนของคุณ มีกลอนปรัชญา-ศาสนาดีๆแยะเลย แต่ก็เห็นว่าลงกลอนเว้นข้ามไปเป็นปีๆ พอกับม้าลาย มีนักกลอนผู้ใหญ่ท่านนึงบอกม้าลายว่า เขียนกลอนขอให้เขียนไปเรื่อยๆห้ามหยุด เขียนอะไรก็ได้ดีไม่ดีก็ได้ แต่พอเอาเข้าจริงหยุดไม่หยุดมันเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจ แรงผลักดันมากกว่า จริงมะคับ สรุปว่า เราควรหาเป้าหมายใหม่ไปเรื่อยๆ แหะๆ เมื่อต้นปีเจอมิตรสหายท่านหนึ่งที่ส่งกลอน/เรื่องสั้นประกวดทุกงานเรียกว่าแทบจะเป็นอาชีพ ดูๆแล้วที่จัดๆอยู่ตอนนี้ก็มีให้เขียนได้ทั้งปี การประกวดเป็นแรงผลักดันที่ได้ผลมาก ขอแค่ให้ได้เขียนและเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆไม่กลัวแพ้ไม่กลัวเสียหน้า ความจริงแค่มีกำหนดเส้นตายบังคับให้เขียน ก็ได้งานออกมาแยะเองแล้วแหละ ลองดิคับ คุณภัณเต ขอบคุณคับ เป็นกำลังใจให้คุณด้วยเช่นกัน เขียนให้เยอะอ่านให้เยอะ ศึกษาไปด้วย คุณกุ้งหนามแดง เธอเปลี่ยนแปลงโลกนี้แล้วนิรันดร์ หรือ เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว เป็นความจริงในระดับอนุภาคเท่านั้นจ้ะ วันนี้ดูข่าวเรื่องการค้ามนุษย์ มีบางมุมของโลกที่มีบางชีวิตถูกขังอยู่โดยไม่มีใครรับรู้เลย น่าสงสารนะ
24 เมษายน 2551 01:01 น. - comment id 842186
กลอนเพราะมากๆครับ ..อ่านอิ่มเลย
27 เมษายน 2551 13:01 น. - comment id 843649
ทุกบทกวีที่เขียนถึงความเป็นไปทั้งวิถีที่รุ่งเรืองและร่วงโรย งดงามจนอยากหลั่งน้ำตาครับ
30 เมษายน 2551 22:29 น. - comment id 845026
คุณฝากฝันและคุณลำน้ำน่าน ขอบคุณมากคับที่แวะเข้ามา กลอนของทั้งสองท่านก็เพราะมากเช่นกัน ปัจจุบันกลอนที่เน้นความงามของภาษาอักษรหรือวรรณศิลป์มักไม่ค่อยเข้าตากรรมการอะคับ สู้พวกที่เน้นเนื้อหา ใช้คำแรงๆตรงๆ ซึ่งกระแทกใจได้มากกว่า กลอนรุ่นใหม่ๆจึงเน้นความเป็นอิสระไม่สนขนบโบราณ ไม่สนกรอบใดๆ เน้นความหมายและให้อารมณ์แรง ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องโศกเศร้า เสียดสี ด่าทอ ก็มันแรง โดนใจนี่นะ ส่วนกลอนชมธรรมชาติ ชมความงามพูดถึงความดี แค่เนื้อหาก็ไม่โดนแล้ว เขียนด้วยภาษาสวยแค่ไหนก็ไม่ผ่านรอบแรกแทบจะทุกการประกวด เฮ้อ
15 พฤษภาคม 2551 12:16 น. - comment id 850121
ขอบคุณค่ะ สำหรับบทกวีที่แสนไพเราะ