๏ ธุวดาวเด่นสรวงห้วงพายัพ สะท้อนจับนิลวาวพราวดาษดื่น รัตติกาลเปล่งแสงแห่งค่ำคืน แต้มดวงผืนระยับประดับลาน ๏ น้ำตาเทียนย้อยหยดรันทดหาย ทุกสิ่งภายดวงจิตสนิทสมาน งามเลิศล้ำท่วงลำนำทำนองกานท์ คีตาสานบรรเลงขับเพลงดาว ๏ ดุริยางค์แห่งไพรเรไรกล่อม สะท้านเสียงสายลมหวีดข่มหนาว อ้อเอนลู่ยามพระพายกรายกรูกราว ต้นสนวาวสะท้อนไหวกับใบบาง ๏ สายลมพลิ้วปลิวหยอกระลอกคลื่น เสียงครืนครืนซัดซ่าคราฟ้าสาง ริ้วเมฆฉาบแสงทองส่องรางชาง เงามืดจางเร้นหายปลายตะวัน ๚ะ๛ เพลงคิดถึง
14 มกราคม 2551 19:22 น. - comment id 810989
นั่งเหม่อมอง บนนอกชาน บ้านหลังเก่า ใจเศร้าเศร้า ล่องลอยไป ในเวหา รัตติกาล ผ่านมาเยือน เตือนน้ำตา ใจอ่อนล้า นึกถึงรัก สุดหักใจ น้องนั้นไป ได้ดี มีความสุข พี่นั้นต้อง ทนทุกข์หนัก สุดหักไหว แต่เพื่อน้อง ที่พี่หวัง ดั่งดวงใจ พี่หักได้ เพราะรักแท้ นั่นแน่เทียว รัตติกาล ถึงอีกครา ฟ้าสีหม่น พี่อดทน แม้ไร้ใคร ไหนแลเหลียว รัตติกาล ณ ค่ำนี้ พี่อยู่เดียว ถึงจะเปลี่ยว ก็จำทน คนไร้เงิน
14 มกราคม 2551 19:35 น. - comment id 810990
เขียนได้งดงามดีจ้า เพียงแต่ว่า ๏ สายลมพลิ้วปลิวหยอกระลอกคลื่น ดาษดื่นคลื่นซัดซ่าคราฟ้าสาง ระลอกคลื่น เมื่อลงท้ายด้วยคลื่น แล้วไม่ควรซ้กกับคำว่าคลื่นอีก ดาษดื่นคลื่นซัด หากหาคำเปลี่ยนมิให้ซ้ำกันก็จะงามยิ่งขึ้นจ้า หรือ อาจะเป็น ช่างดาษดื่นซัดซ่าคราฟ้าสาง ก็จะงาม ยิ่งขึ้น คือเน้นคลื่นมากไป ในบทหนึ่งพยายาม อย่าให้มีคำซ้ำๆกันนะจ๊ะ อีกอย่างหนึ่งคือ ริ้วเมฆาฉาบแสงทองส่องรางชาง คำว่า รางชาง ไม่มีคำแปล ควรหาคำ อื่นมาทดแทน ถ้าต้องการเมฆาลดหนึ่งคำ เช่น ริ้วเมฆาแสงทองส่องเด่นราง หรือริ้วเมฆฉาบแสงทองส่องเด่นราง ก็จะงามกว่านะ ทุกอักษรต้องสัมพันธ์กันแปลได้ด้วยจ้า รักดอกจึงบอกให้จ้า แก้วประเสริฐ.
14 มกราคม 2551 20:06 น. - comment id 810998
สุริยะจับฟ้าบูรพาสมัย พรรณพฤกษ์ไพรใบคลี่มณีสรวง วิทยาธรเปรมปรีฤดึดวง รัตติกาลลับล่วงทิวาเยือน
14 มกราคม 2551 20:07 น. - comment id 811000
เพราะจ้าพี่ครูเจี๊ยบ..เพลงประกอบด้วยเจ้าคะ
14 มกราคม 2551 20:35 น. - comment id 811013
สวัสดีค่ะ ลุงแก้ว...ที่เคารพรัก พิมไม่ได้อวดภูมิรู้นะคะ เพียงแต่จะขอแจมเรื่องคำว่า "รางชาง" รางชาง หมายถึง งาม ปรากฏในในบทพระราชนิพนธ์ เรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ "หมูแนมแหลมเลิสรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย.." ด้วยความเคารพ.. คำสวยงามค่ะ.
14 มกราคม 2551 22:40 น. - comment id 811084
จ๊ะเป็นความรู้ใหม่ของลุงจ๊ะ ขอโทษด้วยที่ ทักท้วงเพราะไม่เข้าใจในเรื่องรางชางเอาเสียเลย จ๊ะ คงไม่ว่ากันนะจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
15 มกราคม 2551 04:00 น. - comment id 811109
หวัดดีครับ ครูเจี๊ยบ.... เพราะมากครับครู......... ภาพก็สวยด้วย.......เพลงประกอบก็เพราะ สมบูรณ์แบบครับ....
15 มกราคม 2551 05:06 น. - comment id 811112
สวัสดีค่ะทุกคน คงเข้ามาเยี่ยมบ้านตอน เจ้าของบ้านนอนแล้วนะคะ เพราะเหน็ด เหนื่อยมากมายในงานแต่ละวัน เลยตื่น เช้าหน่อยค่ะ
15 มกราคม 2551 05:09 น. - comment id 811113
คุณคนบนเกาะ คำรัตติกาลก็อาจจะหลาย ความรู้สึกนะคะ อีกคนอาจจะสวยงาม ส่วนอีกคนอาจจะเศร้า ก็ต่างจิตต่างใจนะคะ
15 มกราคม 2551 05:15 น. - comment id 811114
สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณพี่แก้ว เห็นเมื่อคืน แล้วค่ะ แต่ร่างกายไม่ไหว เลยลุกขึ้นมา ตอบตอนเช้าแทน ขอบคุณมากมายนะคะ ได้เพื่อนๆพี่ๆช่วยกัน ไม่นานเจี๊ยบก็คง จะแต่งกลอนได้ดีขึ้น เว้นแต่ว่าไม่จำค่ะ อิอิ เอ ถ้าจะเปลี่ยนเป็น เสียงครืนครืนซัดซ่าคราฟ้าสางจะได้มั๊ยคะ เนี่ย มีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการ แต่งกลอน เด่วเจี๊ยบจะคุยทางอีเมลนะคะ เพราะมันเยอะค่ะ ตามประสาคนช่างสงสัย ขอบคุณมากมายนะคะ
15 มกราคม 2551 05:17 น. - comment id 811115
กลอนของคุณฝากฝันเพราะมากคะ จำได้มีเรื่องนึงของคุณฝากฝันที่ลง เกี่ยวกับความงามของธรรมชาติ ไพเราะมากค่ะ
15 มกราคม 2551 05:18 น. - comment id 811116
สวัสดีค่ะน้องพิมญดา เกี่ยวกับการลงภาพ ลงเพลงนี่มีเพื่อนๆ ช่วยกันสอนค่ะ แต่ยังไม่จบหลักสูตรนะคะ
15 มกราคม 2551 05:23 น. - comment id 811117
สวัสดีค่ะครูพิม ก็เป็นอีกความรู้นึงนะคะ คำว่ารางชางก็จำได้ว่าเคยเห็นกวีซีไรท์ ท่านนึงแต่งว่า แรรางชาง อีนนี้ก็ไม่ค่อย จะมีความรู้มากมายนะคะ แต่บางครั้งมัก จะชอบอ่านกลอนของคนอื่นๆ แล้วจะไป ได้คำบางคำมาด้วย เมื่อนึกคำไม่ค่อยออก คำพวกนี้จะผุดขึ้นมาในสมอง จนบางครั้ง ก็จำไม่ได้ว่าได้มาจากกลอนของท่านใด ขอบคุณนะคะ สำหรับความรู้ที่ให้ไว้
15 มกราคม 2551 05:27 น. - comment id 811118
ยินดีรับฟังเสมอคะ คุณพี่แก้ว เพราะติเพื่อก่อ ถ้าอยากเก่งก็ต้องฟังคำทักท้วงมากๆ แต่ดูๆแล้วการแต่งกลอนมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะคะ นอกจากฝีมือจริงๆ ก็มีข้อสงสัย ค่อยถามนะคะ เพราะถามตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะคุณพี่แก้วประเสริฐ
15 มกราคม 2551 05:35 น. - comment id 811120
ขอบคุณค่ะพี่แจ็ค ทั้งภาพทั้งเพลงก็ได้เพื่อนๆ สอนค่ะ โค้ดเพลงนี้ก็ได้จากเพื่อนคนนึงค่ะ
15 มกราคม 2551 07:16 น. - comment id 811133
คุณฝากฝันค่ะ ชอบภาพจากกลอนเรื่อง รักที่ไร้ทุกข์มากเลย มีแบบภาพใหญ่ๆ มั๊ยค่ะ จะขอค่ะ ขอหน้าตาเฉยเลย อิอิ ชอบภาพไทยๆมาก และเพลงทำนอง ไทย ว่างๆจะแต่งกลอนแนวนี้ค่ะ
15 มกราคม 2551 08:39 น. - comment id 811168
คงเป็นรัตติกาลที่ลืมไม่ลงเลยนะคะ
15 มกราคม 2551 09:07 น. - comment id 811184
ไพเราะมากเลยค่ะครูเจี๊ยบ และได้ความรู้จากคุณแก้วประเสริฐและครูพิมด้วย ขอบคุณค่ะ
15 มกราคม 2551 13:00 น. - comment id 811272
เข้ามาได้รู้จัก ..... ธุวดาว มาจาก ธุวดารา แปลว่า ดาวเหนือ แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ
15 มกราคม 2551 13:16 น. - comment id 811284
ดีจ้า.......คุณช่ออักษราลี....... เป็นค่ำคืนที่สวยงามจังจ้า.......อยากนอนดูดาวแล้วดิเนี่ย แต่เจ้านายอยู่ข้างหลังอ่ะเฮ้ออออออออ
15 มกราคม 2551 14:50 น. - comment id 811338
เป็นอักษราที่สวยมากครับ นานๆมาที อดงดงามจริงๆครับคุณ แจมบ้างครับ กลอนเจ็ด... ค่ำหนึ่งพระอาทิตย์ที่ ๑๙ ๑... โพล้เพล้ พลบค่ำ รำงำเงียบ เย้าเยียบ เฉียบเย็น แทบเป็นบ้า เหงาง่าย เจ็บง่าย ธรรมดา หยดหยาด ทรมา เหว่ว้านัก ๒... เกิดแสง แห่งดาว พราวสวรรค์ ผลิค่ำ รำพัน ผันหน่ายหนัก ส่องสวย สรวงฟ้า มาทายทัก ลึกล่วง ห้วงรัก ถักทอกาล ๓... เก็บสาย สร้อยฟ้า มาร้อยสรวง วาดดวง ดาวขาว ที่พราวผ่าน กระซิบ รินร่ำ เล่าตำนาน หมื่นล้าน ผสานเสียง จินตนา ๔... ดั่งรส บทกวี ที่รินรื่น ฉ่ำชื่น คืนใจ เคยปวดปร่า เพียงเพลง บรรเลง ดาริกา ดารดาษ ดารา บุพผาเพ็ญ ๕... กล่อมใจ ให้ห้อม หอมห่อห่ม พรายพรหม ห่มใจ ให้ไหวเต้น ดาวเคลื่อน เดือนคล้อย ยังลอยเด่น พินิจพิศ แสงเย็น เพ็ญจันทร์ราย ๖... เพ่งพิศ ยิ่งคิด ยิ่งพิศพบ งดงาม สงบ แต่เรียบง่าย ความมี ยังมี ไม่มีคลาย เพียงโยก ย้อนย้าย ไปตามกาล ๗... สาดสวย สดใส ในราตรี ดั่งว่า วนาลี คลี่ผสาน โอบอ้อม ห้อมอุ้ม คลุมผืนธาร ฉ่ำชื่น ชื้นบาน ก่อนต้านลม ๘... รัตติกาลผ่าน รัตติกร หนุนนอน ผ่อนคลาย คล้ายผวยห่ม อุ่นไอ ใจช้ำ ระบำบม คืนขม คืนขื่น ในคืนนี้ ................................ ถึงดวงดาวดวงนั้นที่ฝั่ง ฟากฟ้าทะเลไกล บทส่งใจ... โพล้เพล้นั้น ความเงียบสร้างความรู้สึกในด้านที่ไม่คิดหมายได้มากนัก... นี่กระมังครับ หลายคนจึงเตือนฝากไว้ คนเหงาง่ายอย่าอยู่กับเงียบให้นานนัก .... เมื่อฟ้าสิ้นแววแห่งระวีแล้ว ช่วงเวลาแห่งรัตติฯก็มาเยือน ดั่งมีรัตติกรมาปลอบปลุก ประคองความหวั่นนัยก่อนค่ำนี้ .... มองออกไปไกล ณ ปลายฟ้าเบื้องหน้า มิตรผู้มากด้วยความรู้สึกแห่งวาสนาแห่งการเจอเคยกล่าวไว้สั้นๆในการออนไลครั้งก่อนว่า การได้รู้ว่าได้ทำสิ่งเดียวกันกับอีกหนึ่งดวงใจแม้อยู่ไกลกัน ก็เป็นความสุขครับ .... ราตรีกาลนี้เราคงนั่งมองดาวดวงเดียวกันนะคุณคนไกล... .... ในรัตติกาลหนึ่งคงมีอีกหลายชีวิตกระมัง ที่มานั่งปล่อยจินตนาไปไกลๆเช่นนี้ และคงมีไม่น้อยที่พบความงามง่ายใต้รัตติกาลนั่น... ด้วยรัตติกาลแห่งอารมณ์ แทนคุณแทนไท
15 มกราคม 2551 14:55 น. - comment id 811339
เป็นอักษราที่สวยมากครับ นานๆมาที งดงามจริงๆครับคุณ แจมบ้างครับ กลอนเจ็ด... ค่ำหนึ่งพระอาทิตย์ที่ ๑๙ ๑... โพล้เพล้ พลบค่ำ รำงำเงียบ เย้าเยียบ เฉียบเย็น แทบเป็นบ้า เหงาง่าย เจ็บง่าย ธรรมดา หยดหยาด ทรมา เหว่ว้านัก ๒... เกิดแสง แห่งดาว พราวสวรรค์ ผลิค่ำ รำพัน ผันหน่ายหนัก ส่องสวย สรวงฟ้า มาทายทัก ลึกล่วง ห้วงรัก ถักทอกาล ๓... เก็บสาย สร้อยฟ้า มาร้อยสรวง วาดดวง ดาวขาว ที่พราวผ่าน กระซิบ รินร่ำ เล่าตำนาน หมื่นล้าน ผสานเสียง จินตนา ๔... ดั่งรส บทกวี ที่รินรื่น ฉ่ำชื่น คืนใจ เคยปวดปร่า เพียงเพลง บรรเลง ดาริกา ดารดาษ ดารา บุพผาเพ็ญ ๕... กล่อมใจ ให้ห้อม หอมห่อห่ม พรายพรหม ห่มใจ ให้ไหวเต้น ดาวเคลื่อน เดือนคล้อย ยังลอยเด่น พินิจพิศ แสงเย็น เพ็ญจันทร์ราย ๖... เพ่งพิศ ยิ่งคิด ยิ่งพิศพบ งดงาม สงบ แต่เรียบง่าย ความมี ยังมี ไม่มีคลาย เพียงโยก ย้อนย้าย ไปตามกาล ๗... สาดสวย สดใส ในราตรี ดั่งว่า วนาลี คลี่ผสาน โอบอ้อม ห้อมอุ้ม คลุมผืนธาร ฉ่ำชื่น ชื้นบาน ก่อนต้านลม ๘... รัตติกาลผ่าน รัตติกร หนุนนอน ผ่อนคลาย คล้ายผวยห่ม อุ่นไอ ใจช้ำ ระบำบม คืนขม คืนขื่น ในคืนนี้ ................................ ถึงดวงดาวดวงนั้นที่ฝั่ง ฟากฟ้าทะเลไกล บทส่งใจ... โพล้เพล้นั้น ความเงียบสร้างความรู้สึกในด้านที่ไม่คิดหมายได้มากนัก... นี่กระมังครับ หลายคนจึงเตือนฝากไว้ คนเหงาง่ายอย่าอยู่กับเงียบให้นานนัก .... เมื่อฟ้าสิ้นแววแห่งระวีแล้ว ช่วงเวลาแห่งรัตติฯก็มาเยือน ดั่งมีรัตติกรมาปลอบปลุก ประคองความหวั่นนัยก่อนค่ำนี้ .... มองออกไปไกล ณ ปลายฟ้าเบื้องหน้า มิตรผู้มากด้วยความรู้สึกแห่งวาสนาแห่งการเจอเคยกล่าวไว้สั้นๆในการออนไลครั้งก่อน ว่าการได้รู้ว่าได้ทำสิ่งเดียวกันกับอีกหนึ่งดวงใจแม้อยู่ไกลกัน ก็เป็นความสุขครับ .... ราตรีกาลนี้เราคงนั่งมองดาวดวงเดียวกันนะคุณคนไกล... .... ในรัตติกาลหนึ่งคงมีอีกหลายชีวิตกระมัง ที่มานั่งปล่อยจินตนาไปไกลๆเช่นนี้ และคงมีไม่น้อยที่พบความงามง่ายใต้รัตติกาลนั่น... ด้วยรัตติกาลแห่งอารมณ์ แทนคุณแทนไท
15 มกราคม 2551 15:09 น. - comment id 811345
สวัสดีค่ะคุณช่ออักษราลี ยามเหว่ว้า ราตรี ยาวนานนัก ยามมีรัก รัตติกาล ผ่านดุจฝัน มานอนนับ ดารา ร่วมร้อยพัน ยามอกหัก เหลือฉัน นั่งคนเดียว *********************************
15 มกราคม 2551 15:32 น. - comment id 811360
เพราะเจ้าค่ะ..เยี่ยม..
15 มกราคม 2551 15:51 น. - comment id 811387
หากจะบอกว่า หลงรักบทกวี ก็คงไม่เกินไปนักนะคะ หากใครได้อ่านบทนี้
15 มกราคม 2551 16:36 น. - comment id 811421
สวัสดีค่ะคุณเพียงพลิ้ว อยากแต่งแนวนี้มั่งคะ
15 มกราคม 2551 16:38 น. - comment id 811422
ค่ะ คุณเฌอมาลย์ ได้หลายท่านคอยช่วยกัน ก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นค่ะ อย่างนี้ก็ดีค่ะ
15 มกราคม 2551 16:39 น. - comment id 811423
ค่ะพี่ก่อง เจี๊ยบรวบคำเองค่ะ ให้เหลือ 3 พยางค์ ไม่ทราบจะผิดกฏรึป่าว แต่ความหมายเหมือนเดิมค่ะ
15 มกราคม 2551 16:41 น. - comment id 811424
ดีค่ะ คุณเจน น่าอิจฉาคนที่นั่งทำงานอยู่กะ คอมพ์นะคะ นี่ต้องรอตอนเย็นหรือวันหยุด เล่นที่บ้านได้ที่เดียวค่ะ
15 มกราคม 2551 16:50 น. - comment id 811428
ไพเราะมากค่ะ คุณแทนคุณแทนไท งดงามจริงๆ
15 มกราคม 2551 16:51 น. - comment id 811430
กำลังรออ่านกลอนใหม่ของน้องค่ะ น้อง Alphilic
15 มกราคม 2551 16:52 น. - comment id 811431
ขอบคุณที่ชมค่ะ คุณยาแก้ปวด ยังไม่พอใจ เลยค่ะ รู้สึกแต่งยังไม่ค่อยดี
15 มกราคม 2551 16:53 น. - comment id 811432
ดีค่ะคุณโคลอน ยังไม่งามค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ที่มาเยี่ยมเยียนเสมอ
15 มกราคม 2551 19:34 น. - comment id 811475
แต่งกลอนเพราะมากเลยค่ะ
15 มกราคม 2551 21:05 น. - comment id 811534
แวะมาชื่นชมผลงานค่ะ...
16 มกราคม 2551 06:32 น. - comment id 811645
มาสัมผัสภาษากวีครับ ยุคนี้หาอ่านยากเหลือเกิน
16 มกราคม 2551 14:59 น. - comment id 811855
ดีจ้าน้องจอม น้องจอมแต่งกลอนสี่พอนะจ๊ะ
16 มกราคม 2551 15:00 น. - comment id 811857
ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะคุณไวท์โร้ด
16 มกราคม 2551 15:00 น. - comment id 811858
ขอบคุณค่ะ ครูใหญ่