โถงนภาราแรงหรี่แสงลับ เขยื้อนขยับก้าวย่างสู่รางฝัน เขมือบขมับกลืนกลบปบตะวัน ขมีขมันโถงกว้างสร้างราตรี เมฆาคล้อยชะม้อยแสงแห่งสีบริสุทธิ์ ขาวผ่องผุดละเอียดนวลรัญจวนสี ค่อยสดับลับหายกรายกาฬี ท่องนภีเอื่อยอ่อยกร่อยฤทธา เสมอเสมือนเพื่อนเดิมเริ่มจรัส เสลือบสลับจุดขาวพราวส่องหา สดุดแสดงแสงดาวดวงพวงนภา สถานสถานาฏกาฬลานค่ำคืน ตัวประกอบออกโรงท้องโถงครบ ปูพิภพให้ตัวเอกพิเภกผืน เหลื่อมลำแสงทแยงล้ำยันค้ำยืน ดาดระดื่นเด่นเดือนเจือนสีนวล โถงต้อนรับ..โคมจันทร์สั่นระย้า แสงอำพา..ชันนาเลียละเหี่ยหวน สง่าสมกลมเหลืองชำเลืองชวน รูปกระบวนครบพิถันสรรพนา เอรืองอร่ามส่องหล้าราตรีมืด พะอมพะอืดปลายอุโมงค์ช่องโพรงผา สว่างไสวทอดทางรางนิทรา อนุอนาอบอุ่นกรุ่นชันนาเลีย ขบวนฝันจันทร์แรมแต้มคืนค่ำ ลอยสูงล้ำลับตาเวลาเลี่ย ฉากประกอบรอบข้างมลางเมลีย โคมจันทร์เพลียอันตรธาน..กาลเวลา .....กะลาสีเบจ (๓ มกราคม ๒๕๕๑)
4 มกราคม 2551 12:11 น. - comment id 807493
ผมชอบกลบทที่วางไว้ในคำแรกของวรรควรรค เนบางบทหมือนสะบัดสะบิ้ง แต่ไม่ใช่ แล้วคุณเห็นสิ่งใดในดวงเดพือนเล่า
4 มกราคม 2551 16:37 น. - comment id 807615
แสงจันทร์ บางครั้งก็ให้ความอุ่นใจ ยามที่เราต้องการแสงไฟเมื่อห่างไกลสิ่งที่ มนุษย์คิดประดิษฐ์ขึ้น แต่บางครั้งเวลามองขึ้นไปมันก็เหงาจับใจเหลือเกินยามที่เราไม่มีใครอยู่ข้างๆ
4 มกราคม 2551 17:29 น. - comment id 807626
ไพเราะจริงๆเลยค่ะ