เมื่อช่วงคาบทินกรล้าอ่อนแสง ราตรีเริ่มคลุมแหล่งทุกแห่งหน จันทราเจ้าเป่าเวทย์วิเศษกล จะร่ายมนตร์เบิกฟ้าอ่าอำไพ ห้วงเวหาศมุ่งนิมิตวิจิตรสรรพ์ นภาพรรณปรากฏความสดใส บทเพลงแห่งรัตติกาลสานสายใย กล่อมโลกให้อุ่นนิทราทุกท่าที พระจันทร์นำจำนรรจ์ว่ามั่นรัก ในแหล่งหลักธรณินมิสิ้นศรี พินิจภาพพ่างเกล็ดเพชรมณี ดาลฤดีหลงภวังค์ทั้งสิ้นปวง แผ่นดินเสพสุนทรีรุจีรส ล้างกำสรดอนุสนธิ์ด้วยมนต์สรวง เสน่ห์ของเดือนเพ็ญลอยเด่นดวง จรรโลงทรวง ซ่านอยู่เกินรู้คลาย เงียบสงบกลางใจอันไม่สงบ จนได้พบสัจธรรมนำจุดหมาย ศศิธร ท่ามพื้นโพยมพราย ฤๅจะฉายเฉิดฉันมิผันแปร แล้วยามค่ำขอบฟ้าก็ปรากฏ ทิพรสผ่องพรรณกว่าเพ็ญแข จันทร์ที่เห็นเด่นสวยในดวงแด งามจริงแท้หรือไร ก็ไม่รู้ จบ .....
2 มิถุนายน 2550 23:13 น. - comment id 704754
สุธารส ในที่นี้ คือ ธรรมารส นั่นเอง พระจันทร์ ท่ามกลางคืนอันสงบเงียบ สามารถล้างความวุ่นวายใจ ในเราได้ น้องชอบพระจันทร์ แต่มาคืนนี้ ชมจันทร์ ใช้สติพิจารณาดีดี รู้ว่า จันทร์ไม่สวย จันทร์ไม่ขี้เหร่ แท้จริง จิตเราปรุงแต่งขึ้นมาเองทั้งสิ้น ธรรมชาติ สอนธรรมะให้เราได้จริงๆ ขอบคุณ พี่คนนั้น คนที่อยู่เบื้องหลัง ปล. ชื่อเรื่องแย่มาก รบกวนพี่น้องช่วยคิดชื่อเรื่องให้ดีกว่านี้หน่อย
2 มิถุนายน 2550 23:20 น. - comment id 704755
จันทร์เจ้าสวยแค่ไหนใจเรารู้ เพ่งพิศดูหาเหตุผลจนแจ้งไข จันทร์อร่ามเรืองรองผ่องอำไพ แท้จิตใจของคนปองมองต่างกัน.
3 มิถุนายน 2550 01:06 น. - comment id 704778
พินิจจันทร์วันเพ็ญเด่นลอยฟ้า ผ่องนภาพราวพร่างกระจ่างฉาย จิตที่ร้อนลุ่มลึกผนึกกาย ก็สร่างคลายลุ่มร้อนที่ซ่อนไว้ แม้เปรียบจันทร์วันเพ็ญที่เด่นหรู เสมือนผู้บำบัดขัดนิสัย จิตของคนไม่พ้นเหตุกิเลสใน ก็ขัดได้ด้วยมองฟ้า..คราแสงนวล แต่งมั่งค่ะ ไม่รู้ได้เรื่องมั้ย..
3 มิถุนายน 2550 02:17 น. - comment id 704779
*เพียงจิตฝัน จันทร์แลงาม* *เดือนดวงฝัน* *วาดจันทร์ วันเพ็ญโพยม*
3 มิถุนายน 2550 12:39 น. - comment id 704857
3 มิถุนายน 2550 12:46 น. - comment id 704859
คืนนี้...พระจันทร์เต็มดวง ไพเราะมากมายครับ....ยอดเยี่ยม
3 มิถุนายน 2550 14:12 น. - comment id 704889
หมู่ดารา..แวววาววับ..สลับสี ค่ำคืนนี้..แสงจันทร์นวล..ชวนหลงใหล สีเหลืองทอง..ส่องสว่าง..หว่างฟ้าไกล อยากมีใคร..เคียงข้าง..นั่งชมจันทร์ เอ่ยคำหวาน..หยอกเย้า..ใต้เงาฟ้า นับดารา..อิงซบ..ประกบขวัญ อิงแอบกาย..เคียงข้าง..ไม่ห่างกัน เธอมีฉัน..อยู่แนบชิด..ติดตรึงใจ พลิ้วสายลม..พัดมา..อุราหวิว จิตลอยลิ่ว..เหม่อมอง..ท้องฟ้าใส ไร้เมฆเคลื่อน..บดบัง..ช่างสุขใจ หอมละมัย..กลิ่นบุปผา..นานาพันธุ์ เสียงหรีดหริ่ง..บรรเลง..เพลงแห่งรัก ร้องทายทัก..หาคู่..ดูสุขสันต์ ชี้ชวนดื่ม..น้ำค้าง..กลางแสงจันทร์ "ดูซินั่น"..ยอดหญ้าไหว..แกว่งไปมา ราตรีนี้..แสนงดงาม..ดั่งความฝัน ดุจสวรรค์..บนดิน..ถวิลหา แต่ทำไม..ฉันโดดเดี่ยว..เปลี่ยววิญญา ได้แต่มอง..จันทรา..น้ำตานอง..
3 มิถุนายน 2550 18:58 น. - comment id 704957
I really LOVE this song .... Its very wonderful and it is also remind me when you played flute for me when I was lonely...
3 มิถุนายน 2550 22:10 น. - comment id 704995
มาแก้จาก สุธารส เป็น ทิพรส แล้ว อิอิ เรืองรองอุไรศศินภาพ ขณะทาบทิฆัมพร สมดังพลังทิพอมร ก็สะท้อน ณ ท่วงที
4 มิถุนายน 2550 10:26 น. - comment id 705134
ช่วงนี้พระจันทร์แถวบ้านคงอาย เพราะไปแอบอยู่หลังม่านเมฆทุกคืนเลย
6 มิถุนายน 2550 12:56 น. - comment id 706170
บทนี้ "ลุงเวทย์" แต่ง วันที่แทบไม่เหลือความเชื่อมั่น ทุนเดิมพันยิ่งน้อยยิ่งร่อยหรอ กลืนน้ำลายสักนิดยังติดคอ ใจจึงท้อรันทดมืดหมดทาง ปลายถนนคนดีที่เปลี่ยวเหงา ด้วยมือเปล่าคงยากฝ่าขวากขวาง มีจุดหมายแต่เหมือนฝันเลือนราง ช่างเวิ้งว้างหนอโลกเมื่อโศกรุม วันที่ฉากชีวิตรอปิดม่าน ยอมรับการหมดไปของวัยหนุ่ม ชินชาความผันแปรทุกแง่มุม กี่กลัดกลุ้มเก็บกดอดทนมัน เกือบสูญสิ้นศรัทธาในหน้าที่ ในใจมีภาพหลอนกัดกร่อนขวัญ เริ่มเบื่อหน่ายภาระแต่ละวัน แอบคิดสั้นบางครั้งก็ยังเคย จากคนกล้าเปลี่ยนจนเป็นคนขลาด ไม่สามารถเชิดหน้าอย่างผ่าเผย ไร้เรี่ยวแรงฝืนลุกยามทุกข์เกย ....................