ตอนที่โจอี้เกิดมา ด้วยความที่ฉันเพิ่งมีเขาเป็นคนแรก ฉันก็ดูไม่ออกว่ามีลูกชายเท้าพิการ รู้เหมือนกันว่าดูเท้าเขาบิดๆแปลกๆ แต่ไม่รู้จริงจังว่าลูกตัวเองเท้าแป คุณหมอบอกว่าเราไม่ต้องกังวล เพราะถ้าแกได้รับการรักษาดูแลก็จะเดินได้เป็นปรกติ แต่อาจวิ่งไม่ถนัดนัก ช่วงแรกเกิดถึงสามขวบ โจอี้ต้องเทียวเข้ารับการผ่าตัด ดามเหล็กนวดขา ทำกายภาพบำบัด ออกกำลัง และฝึกการใช้เท้า พออายุราวแปดขวบ แกก็เดินได้ปรกติจนดูไม่ออกว่าแกเคยมีปัญหาที่เท้ามาก่อน ถ้าแกต้องเดินมาแกๆ อย่างเช่นเวลาไปสวนสัตว์หรือสวนสนุก แกจะบ่นๆว่าเจ็บขา เมื่อยขา เราก็จะพักกันสักครู่ หาเครื่องดื่มหรือไอศกรีมกินกัน คุยเรื่องสัตว์ที่ดูมา หรือว่าจะไปเล่นอะไรต่อ เราไม่ได้บอกแกหรอก ว่าทำไมแกจึงเจ็บขาหรือเมื่อยขาง่ายๆ อย่างนั้น เราไม่ได้บอกเลยว่าเรารู้แล้ว รู้ดีว่าอาการพวกนี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากเท้าแกผิดปรกติมาแต่กำเนิด แต่แกเองไม่เคยรู้เลย ยามที่เด็กๆละแวกบ้านเราวิ่งเล่นกัน โจอี้นึกสนุกก็จะต้องลงไปเล่นด้วย เราไม่เคยบอกเลยว่าแกไม่สามารถวิ่งได้เร็วและคลอ่งอย่างเด็กอื่น ไม่เคยบอกว่าแกไม่เหมือนเพื่อน แกเลยไม่รู้ เมื่อตอนแกขึ้นมัธยม โจอี้เลือกเข้าชมรมวิ่งทางไกล แกซ้อมวิ่งทุกวัน ดูเหมือนจะต้องซ้อมหนักกว่าเพื่อนๆ แกอาจจะรูสึกว่าการวิ่งที่เพื่อนๆวิ่งได้ดีตามธรรมชาติ ออกจะเป็นเรื่องยากสำหรับแกเท่านั้นเอง เราไม่เคยพูดว่า ไม่ว่าจะซ้อมหนักแค่ไหน ทั้งชมรมจะมีเพียง 7 คนเท่านั้น ได้ที่ร่วมทีมลมกรดซึ่งจะมีโอกาสทำคะแนนให้โรงเรียน เราไม่เคยบอกว่า เขาคงไม่ผ่านรอบคัดเลือกด้วย ดังนั้นแกจึงไม่คิดเรื่องนี้ โจอี้ยังซ้อมวิ่งต่อไป วิ่งวันละสี่ห้าไมล์ทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันไม่เคยลืม วันนั้นแกเป็นไข้ ตัวร้อนถึง 103 องศา แต่ก็ยังจะซ้อมวิ่งที่โรงเรียน ฉันไม่สบายใจเลย พอแกไปแล้ว ฉันเฝ้ากังวลว่าประเดี๋ยวทางโรงเรียนคงจะติดต่อมา ให้ไปรับแกกลับบ้าน แต่ก็ไม่มีใครโทรศัทพ์มาตาม ฉันจึงออกไปดูเส้นทางที่ทางชมรมใช้เป็นเส้นทางซ้อมวิ่งทางไกล หวังนิดหน่อยว่าหากแกได้เห็นฉัน แกอาจจะตัดสินใจไม่ซ้อมก็ได้ พอไปถึงกลางทางก็เห็นแกวิ่งอยู่คนเดียว สองข้างทางเป็นต้นไม้ร่มครึ้ม ฉันจะชะลอรถเคียงแกไป อดถามไม่ได้ว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรครับ อีกสองไมล์ก็เสร็จแล้วแม่ โจอี้ตาแดงก่ำด้วยพิษไข้ เหงื่อออกท่วมตัว แต่แกก็ยังสืบเท้าวิ่งต่อไป เราไม่เคยบอกแกว่า คนเป็นไข้ขนาดนั้นจะไม่สามารถวิ่งได้ถึง 4 ไมล์ ดังนี้แกจึงไม่เคยคิดเรื่องนี้ อีกสองสัปดาห์ต่อมา หนึ่งวันก่อนที่จะมีการแข่งขันรอบตัดเชือกของฤดูกาลนั้น มีการคัดตัวทีมที่ชมรม ปรากฏว่าโจอี้ติดหนึ่งในเจ็ดของทีมโรงเรียน และเป็นเด็กชั้นมัธยมหนึ่งคนเดียวในทีม นอกนั้นเป็นนักวิ่งรุ่นพี่ทั้งหมด เราไม่เคยบอกแกว่า อย่าได้หว้งเลยจะติดทีมวิ่งทางไกลของโรงเรียน เราไม่เคยพูดเลย เราไม่เคย บอกว่าแกจะไม่มีทางทำได้.... แกไม่รู้ และแกจึงทำได้ คนเราทำได้เพราะคิดว่าตัวเองทำได้........
26 มกราคม 2545 09:44 น. - comment id 32222
สอนได้ดีมากให้กำลังคนที่หมดกำลังใจ ไม่ว่าจะครบไม่ครบ32แต่ตั้งใจที่จะทำ ก็ทำได้สำเร็จแน่นอน ขอเป็นกำลังให้ ทุกคนที่กำลังจะสิ้นหวังเอาโจอี้เป็นแบบ
26 มกราคม 2545 13:16 น. - comment id 32251
ไม่มีสิ่งใด ยากเกินความพยายาม และหัวใจนักสู้ ขอปรบมือดังๆ ในโจอี้นะคะ ^-^
26 มกราคม 2545 23:05 น. - comment id 32306
ประทับใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความรักของแม่ หรือ นักสู้ตัวน้อย ๆ แต่หัวใจไม่ได้น้อยอย่างที่เห็นเลย ยิ่งใหญ่จริง ๆ
27 มกราคม 2545 00:58 น. - comment id 32323
อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจจังค่ะ..
27 มกราคม 2545 10:11 น. - comment id 32380
ขนลุกเลยค่ะ พี่ปีกฟ้า
27 มกราคม 2545 18:00 น. - comment id 32421
เป็นเรื่องที่ดีมาก ชอบประโยคสุดท้ายที่สุด คนเราทำได้เพราะคิดว่าตัวเองทำได้ หากมีทัศนคติแบบนี้ให้กับตัวเองสิ่งที่ฝันไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ
28 มกราคม 2545 11:47 น. - comment id 32509
อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจค่ะ สิ่งที่แทรกมาในเรื่องนี้คงทำให้เอ๋สู้ได้โดยไม่มีคำไหนมาเป็นเครื่องกำหนดกฏเกณฑ์ในการสู้เป็นแน่แท้ใช่ไหมค่ะ
28 มกราคม 2545 14:55 น. - comment id 32564
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีที่สุดอีกครั้ง
28 มกราคม 2545 14:57 น. - comment id 32565
ประทับใจมากเลยค่ะ ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าอุปสรรคที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่มันเล็กนิดเดียวเอง