วรรคทาง
กะเรกะร่อน
เพราะเหนื่อยล้าจึงทอดกายลงนอนพัก
ปลดภาระอันหน่วงหนักวางไว้ก่อน
วรรคสายตาใต้ตะวันอันเรื่อยรอน
รำลึกถึงลมร้อนเมื่อหลายแล้ง
กลางหุบเขาฝนโปรยโดยยางสูง
ผีเสื้อเมืองเที่ยวทุ่งจนลืมแหล่ง
โบยบินอย่างเยาว์ใสใต้ฟ้าแดง
มาหลงแสงสีป่าบ้านนาไกล
หอมแกงส้มปักษ์ใต้ใส่ขมิ้น
ร้อนร้อนราดลวกลิ้นน้ำตาไหล
เคยชักน้ำบาดาลอาบสำราญใจ
ยังคลุ้งกลิ่นคราบไคลคนป่าดง
ยังซังข้าวกลางนาที่ย่าเกี่ยว
เราเข็นเกวียนเล่นเลี้ยวจนล้าหลง
นอนสูดกลิ่นขี้วัวคืนฝนลง
ดูแมงเม่าลงสรงกลางเปลวฟอน
มหรสพชีวิตขึ้นโลดเล่น
วาดเงาฉายฉากเด่นแห่งคืนก่อน
ต้องเดินฝ่ากี่ลมหนาวและร้าวรอน
จึงจะพบขุนขอนเขนงพิง
หนังตะลุงฉากสุดท้ายดับไฟแล้ว
ยังคล้ายแว่วเพลงพากย์อันรักยิ่ง
ค่อยตื่นตาขยับเท้าขึ้นก้าวชิง
คว้าภาระหนักนิ่งขึ้นเทียมตัว
มีวาระวุ่นวายอีกหลายหลาก
ที่โถมถากรุกไล่ให้เวียนหัว
สลัดทิ้งซึ่งไหวหวั่นและพรั่นกลัว
แบกหน้าที่ขึ้นโถมตัวออกเดินทาง.