มาอยู่เมืองที่เรืองรุ่งกรุงนคร จากบ้านดอนมานอนเหงาเช่าเขาอยู่ ต้องอดทนจากมาเพื่อเรียนรู้ เพื่อจักสู้ชีวิตไปในคืนวัน ต้องดิ้นรนทนแก่งแย่งแข่งชีวิต แทบทุกคนถูกลิขิตพิชิตฝัน แต่ยิ่งแข่งยิ่งอ่อนล้าแทบจาบัลย์ ต้องโรมรันตะบันไปในหนทาง ผู้คนรีบรถขับเร่งตะเบ็งแข่ง ตะบึงบอนร่อนแซงไม่เว้นว่าง ควันสีหม่นปนลอยล่องไม่จืดจาง ต้องอดทนในเมืองกว้างห่างพธู มาอยู่เมืองที่เฟื่องฟูไม่รู้พัก ได้ประจักษ์ใช่ที่เรามาเนาอยู่ ขวนขวายงานการเรียนแค่เพียงครู่ เมื่อได้รู้รสขมปร่าจะลาไกล จะกลับเนาเก่าก่อนตอนยังเล็ก ที่อาศัยเมื่อยังเด็กจนเติบใหญ่ กลับสู่เรือนเยือนเหย้าที่จากไป กลับสู่ถิ่นก่อนสิ้นใจในเมืองกรุง กลับสู่ดงตรงที่เดิมเติมชีวิต ขอลิขิตชีวิตไว้อีกปลายรุ้ง ชีวิตเก่าไม่ต้องเสริมเติมแต่งปรุง ข้าจักมุ่งกลับบ้านป่า..ข้าสัญญา
12 กุมภาพันธ์ 2549 21:55 น. - comment id 560457
เพราะๆๆ หัวอกคนบ้านป่าเหมือนกัน (บ้านอยู่ในป่า อ่ะนะ บนภูเขาเลยล่ะ)
12 กุมภาพันธ์ 2549 21:59 น. - comment id 560459
ongNothMaRu ขอบคุณที่แวะมาร่วมรำพึงถึงบ้านป่าของเราครับ
13 กุมภาพันธ์ 2549 01:49 น. - comment id 560479
สวัสดีค่ะคุณเล็บมังกร เราอีกล่ะ เด็กบ้านนอก บ้านนา เว้าอิสานทุกวัน ...อิอิอิอิ.. ตากแดดจนตัวดำหมดแล้ว.. แต่งเพราะดีนะค่ะ ชอบค่ะ อ่านแล้วคิดถึงบ้านนาค่ะ อยู่เมืองกรุงแล้วสับสนวุ่นวานนะ
13 กุมภาพันธ์ 2549 03:16 น. - comment id 560484
ถึงบ้านไกลในนอกบอกชัดเหมือน อย่าลืมเลือนใจชนชาติคนหวา ดีเด่นได้ใสซื่อถือศรัทธา คือผู้กล้าแกร่งฉกาจประกาศงาม
13 กุมภาพันธ์ 2549 09:35 น. - comment id 560492
สวัสดีเช่นกันคุณแสงไร้เงา ตากแดดตัวดำที่บ้านนา ดีกว่าร้อนรุ่มเป็นผีบ้าอยู่เมืองกรุง อิอิ... ................................... อาภาภัส ขอบคุณที่แวะเวียนมาประกาศกล้าครับ ...............................
14 กุมภาพันธ์ 2549 08:00 น. - comment id 560662
ชีวิตกรุงมีแต่สิ่งสับสนมากมาย ใยจะเท่าบ้านป่าซึ่งมีแต่ความอ่อนหวานไหวในจิตใจ ที่ดีงามเน๊อะ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2549 12:26 น. - comment id 560728
บ้านดอนเพ...ต้องแหลงใต้กันแล้วละ
14 กุมภาพันธ์ 2549 20:01 น. - comment id 560888
ลุงแก้ว ทีใหนจะสุขใจเท่าบ้านป่าเราละครับ คุณฤกษ์ ผมอยู่ใต้กว่านั้นครับ