กราบหลวงปู่สอนสั่งนั่งสมาธิ จะเลิกริเรื่องรักมักสับสน มองฟ้าให้กว้างกว้างอย่างอดทน ไม่ร้อนรนไม่เพ่งจ้องมองเบาเบา ใช้ใจมองให้เห็นเป็นฟ้ากว้าง เปลี่ยนภาพจางเป็นแจ่มชัดไม่อับเฉา ฟ้าสีขาวสว่างจ้าท้าใจเรา แล้วจึงเอาจิตมองรอบฟ้าครอบดิน มองเห็นภาพตนนั่งอยู่บนพื้น ดินเรียบลื่นจรดฟ้าปราศโขดหิน ท้องฟ้ากว้างใจกว้างกว่าไร้ราคิน "ฟ้าจรดดิน" มองเห็นชัดวัดใจกัน จิตสงบนิ่งตั้งมั่นอยู่กลางอก ไร้เรื่องรกจิตใจไม่หวาดหวั่น ความรู้จิตรู้ทั่วฟ้าท้าแสงตะวัน ไร้สิ่งอันปกปิดมืดมิดมัว ฟ้าที่เห็นคือฟ้านี้ใช่หรือไม่ กล้าเปิดใจมุ่งตามหยุดความสลัว ทำได้ไหมก้าวออกมาท้าความกลัว ความมัวซัว...จะสว่างจ้า...ฟ้าเดียวกัน
28 พฤศจิกายน 2548 00:02 น. - comment id 541944
เอางี้เลยเหรอ .. อาหมอ สมาธิกว้างสุดขอบฟ้ารอบโอบ คลายละโมบชังหลงตรงจิตได้ สติแนบลมทั่วไม่มัวใจ ดูกายในนอกถ้วนทวนครรลอง แผ่แผ่นดินเรียบกว้างอย่างตาเห็น เพียงใช้ใจอย่าเคี่ยวเข็ญให้หม่นหมอง นิ่ง กว้าง เบา สติมั่น สัมมาครอง เป็นแบบของทางพระพุทธวิสุทธิธรรม จึงก่อเกิดอินทรียสังวรย้อนระลึก พร้อมรู้สึกลมไหลพร้อม มิยอมถลำ เห็นเท่าเห็น เป็นเท่าเป็น จำเท่าจำ จึงก้าวล้ำเห็นไตรลักษณ์รู้จักทุกข์ นิ่งเพียงพอต่อการเกิดวิปัสสนา กำหนดค่าทุกข์อุปาทานอันแอบปลุก กามนิวรณ์อ่อนใจได้ซ่อนซุก ถึงกระตุกรากเหง้าถอดถอนไป จึงเข้าถึงอริยมรรคอริยผล เป็นอริยบุคคล เบิกบานสว่างไสว พบสุขแท้เปี่ยมหวังกว่าสุขใด สุขแห่งใจคลายยึดมั่นเห็นอริยธรรม : ) นิมิตแห่งสมาธิ 5 อย่าง ... ท้องฟ้า ขอบฟ้า แผ่นดิน กาย(ภายใน ภายนอก) ลม (ภายใน ภายนอก) บ่อเกิดปัญญา
28 พฤศจิกายน 2548 07:55 น. - comment id 541978
:) ฟ้า อยู่ไม่ไกลเลย
28 พฤศจิกายน 2548 09:38 น. - comment id 541996
อ่านบทนี้ แล้วแทบพลีน้ำตาแห่งปิติเกษมใจเลยค่ะ สุดยอดมากค่ะ พุดรักงานแบบนี้นะคะ และ ฟ้า..ภายในนิรมิตจิตพุด ก็แสนว่างกระจ่างสว่างไสว หากแสนสงบเย็นค่ะ และ นี่คือ..ความงามสงบเป็นนิรันดร์ ที่มีเราเพียงนั้นจักพึงเพียรค้นพบ จบโศก พ้นวิโยครักวิบากกรรมค่ะ
28 พฤศจิกายน 2548 11:50 น. - comment id 542046
คิดว่าเราฟ้าเดี่ยวกันมั้ง...5555
28 พฤศจิกายน 2548 12:10 น. - comment id 542052
สวัสดีค่ะ มะกรูดคอยถามตัวเองเสมอ... ขอบฟ้าสิ้นสุดตรงไหน? นั่น อยากจะเดินไปให้ถึง....
28 พฤศจิกายน 2548 14:46 น. - comment id 542095
บินผ่านมาเยี่ยมครับคุณหมอ...
28 พฤศจิกายน 2548 15:52 น. - comment id 542120
ฉันก้าวมา..ยืนอยู่..ที่ทางแยก ทางเลือกแรก..คือสานฝัน..อันสดใส ทางที่สอง..คือทางธรรม..ที่นำใจ วางหัวใจ..เลิกยึดมั่น..เลิกฝันลวง ก่อนหน้านี้..มีรักร้าว..จึงตั้งจิต ฝากชีวิต..มุ่งมั่น..สู่แดนสรวง วางเรื่องราว..ที่ร้าวใจ..ไว้ทั้งปวง เลิกห่วงหวง..หยุดโหยหา..ลาเลิกกรรม -------------------- ...ค่ะ...
28 พฤศจิกายน 2548 16:55 น. - comment id 542137
...ฟ้าไม่ว่าอยู่ที่ไหน...หากสัมผัส..ด้วยใจ...นั่นคือ...ใช่...ฟ้าเดียวกัน.... ..ทุกอย่าง..ต้องมองด้วย..ตาใน...สัมผัสด้วยใจ...และ..ความว่างเปล่า..ที่เกิดขึ้นอย่างสงบ..... ...ให้แนวคิดที่ดีมากค่ะ..แวะมาทักทายกันนะคะ...
28 พฤศจิกายน 2548 18:04 น. - comment id 542177
มองเห็นฟ้าสำเร็จแล้วก้าวที่หนึ่ง ติดตราตึงฟ้าสว่างกระจ่างใส แม้ขุ่นมัวนิมิตแรกผิดแผกไป แต่ด้วยใจบริสุทธิ์จึงเปิดทาง ก้าวที่สองจะยังคงทรงได้ไหม หากวอกแวกฟ้าหายไปเอาใหม่หนา ฝึกบ่อย ๆ ค่อยชำนาญชื่นชีวา ขอโมทนา ทางข้างหน้าฟ้าเดียวกัน
28 พฤศจิกายน 2548 18:24 น. - comment id 542223
งามครับพี่
28 พฤศจิกายน 2548 22:10 น. - comment id 542332
รุ่ง วิธีนั่งสมาธิแบบมองท้องฟ้า ทำให้จิตสงบได้เร็วและเห็นผล ผมคงพยายามทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นนิมิตทั้ง 5 อย่างนั้น คุณอิม ความจริงฟ้าอยู่ไม่ไกลเลย.. เพียงบางครั้งเราไม่เคยสังเกตุเห็นฟ้าเลย.... ผมเองแทบไม่เห็นท้องฟ้าเลยมานานหลายปี.... ช่วงนี้คงต้องเริ่ม...มองฟ้า...มองอย่างใช้ใจมอง... คุณพุด ขอบคุณมากนะครับ... ฟ้า..ในใจผมยังไม่สว่างพอครับ... คงต้องใช้เวลาอีกนานครับ... อีกอย่างคือใจยังห่วงบางคน... อยากชวนเขามามองฟ้าเดียวกันครับ... คุณแสงไร้เงา ฟ้าที่เห็นจากสมาธิ...สดใสสว่างสวยงามมาก อยากให้เห็น...ฟ้าเดียวกันครับ... คุณมะกรูด ขอบฟ้า...ยิ่งเดินไปใกล้...ยิ่งถอยไกลห่างออกไป นั่งนิ่งๆใช้ใจมอง...จะเห็นจนสุดขอบฟ้าครับ... คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ ฟ้าที่บินผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง... บินแล้วอย่าลืมมองด้วยครับ... อ้อครับ แม้จะมีทางแยกที่ต้องเลือก... ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองหา... ลึกๆในใจยังอยากมีคนเดินเคียงคู่... ไม่ว่าทางสายนั้นจะเป็นเส้นใด... อ้อ...เข้าใจความหมายในบทกลอนใช่ไหมครับ... โดยเฉพาะบทสุดท้าย......ที่เขียนถึงเจ้าของประโยคคำถามสองประโยคนั้น คุณราชิกา ผมเคยพยายามมองนิมิตด้วยการเพ่ง....แต่ไม่สำเร็จ ด้วยลืมไปว่า....การเพ่งคือ...ใช้ดวงตา...ไม่ใช่ใช้ใจดู อายตนะ....ตา..กับ..ใจ....เป็นคนละส่วนกัน เมื่อไม่ได้ใช้ใจมอง...ย่อมมองไม่เห็นนิมิต บางครั้งเราเห็นนิมิตด้วยใจ...เช่นการนึกถึงภาพบางอย่าง เรารู้สึกว่าเห็นภาพนั้น...บอกรายละเอียดได้... สิ่งนั้นคือ ...นิมิต... เรากลับไม่รู้จักและละทิ้งนิมิตนั้นไปเสีย ตัวงงงง ยินดีครับที่หนทางข้างหน้าที่ก้าวเดิน...เราเดินไปทางเดียวกัน ฟ้าที่เห็นย่อมเป็นฟ้าเดียวกัน...ยินดีต้อนรับครับ คุณนัทนิตย์ ขอบคุณครับ...กลอนนี้เป็นบทสอนสมาธิจริงๆ สามารถนำไปปฏิบัติได้...ถ้าสนใจรายละเอียดมาคุยกันได้ครับ
28 พฤศจิกายน 2548 22:24 น. - comment id 542334
มาเยี่ยมคะ
28 พฤศจิกายน 2548 22:46 น. - comment id 542340
หนูยู ยังคิดถึงอยู่เสมอ...เพียงไม่ค่อยได้มาออนไลน์เหมือนเก่า
29 พฤศจิกายน 2548 01:23 น. - comment id 542377
..... ฉางน้อย มาแอบอ่าน ตอนที่เจ้าของ แอบหลับ อิอิ .... อ่านแล้วซึ้งๆ อิอิ ซึ้งในรสพระธรรม ซ้าธุ..
29 พฤศจิกายน 2548 01:29 น. - comment id 542379
..... มาแอบอ่าน ตอนเจ้าของแอบหลับ ...
29 พฤศจิกายน 2548 10:55 น. - comment id 542437
ฟ้า มืด ฟ้า สว่าง ฟ้า มัว ฟ้า หลังฝน ฟ้า แกมรุ้ง ฟ้า ไหนๆ ก็ ผืนเดียวกัน...อิอิ หวัดดีคับ
29 พฤศจิกายน 2548 16:25 น. - comment id 542601
ฟ้าสงบคงจะทำให้ได้พบทางสว่าง ใต้ฟ้ากว้างยังมีทางให้เดินไป ทางแห่งพระธรรมขอน้อมนำใส่ใจ ขอเพียงเปิดฟ้าไกลได้พบทางสว่างเดิน ฟ้าสูง...แผ่นดินต่ำ....สมคำที่เขาบอกค่ะ แต่ทุกอย่างจะไม่ต่างกันไกล..เพราะว่าถ้าเราเข้าใจในสิ่งต่างๆรอบกายของเรา จิตนิ่งหยุดสบาย...คือฟ้าไกลที่สวยงามค่ะ
30 พฤศจิกายน 2548 05:09 น. - comment id 542743
ฟ้าลืม หลวงปู่สอนสั่งเจ้านั่งสมาธิ นี่เริ่มริเรียนรักอีกใช่ไหม หลวงปู่สั่งห้ามเรียนรู้เรื่องใจ เรียนๆไปเผาใจไหม้ลุกลาม เจ้าต้องหยุดเติมเชื้อไฟในใจเจ้า ทรมานเพื่อเขาไปใจเจ้าทราม หยุดเรียนรักมิใช่สิ่งดีงาม หยุดติดตามเจ้าส่งใจใช่ทางดี เจ้าอ่อนแออ่อนหัดฝึกหัดก่อน หลวงปู่สอนคำไว้ไม่หลีกหนี นี่คือทางสอนใจใครคนดี เส้นทางนี้คือสายไหมใช้เลือกเดิน คงจะสายเกินไป..ให้หวนกลับ กลับไปรับ..ปลายทาง ที่ห่างเหิน คู่ขนาน เส้นทาง เจ้าเลือกเดิน วิหคเหิน สุดทาง..ปลายฟ้าไกล