ฉันมุ่งหมายจะไปทำความดี เพื่อโลกนี้มีสุขไร้ทุกข์หมอง แต่ระหว่างทางนั้นฉันเพลินมอง จึงล้มกองเสียหลักทุลักทุเล รอยบาดเจ็บตามกายมีหลายแห่ง ขาก็แพลงเส้นขัดเดินปัดเป๋ แขนก็ยอกศอกแตกหน้าเหยเก ฝันรวนเรเพราะเท้าก้าวไม่ดี ฉันไม่โทษใครอื่นหรือพื้นหน แต่โทษตนสะเพร่าเมาแสงสี เดินไม่มองกองหินอันมากมี จึงล้มลงตรงนี้ที่กึ่งทาง ฉันตั้งใจจะไปสร้างเมตตา แผ่ความเย็นทั่วหล้าไร้บาดหมาง ไม่ถือโทษโกรธใครใฝ่ละวาง แต่ทุกอย่างสะดุดลงตรงเท้าตน จึงแสนโกรธโทษเท้าก้าวผิดพลาด เสียโอกาสทำดีไปหลายหน ฉันอดให้อภัยใครหลายคน ก็เพราะเท้าเป็นต้นเหตุขัดบุญ ฉันเฝ้าบ่นจนเพ้อละเมอพร่ำ เพื่อให้จำความผิดติดใจหนุน พลันสัมผัสปรากฏอย่างละมุน เสียงเคยคุ้นแว่วมาจากฟ้าไกล "อภัยนั้นท่านว่าหาง่ายยิ่ง อย่าเฉยนิ่งอภัยตนคนอ่อนไหว ความพลาดผิดย่อมเกิดได้ทั่วไป ไม่มีใครไม่เคยผิดคิดไม่ควร หากหมายไปทำดีที่โลกกว้าง ต้องรู้วางโทษตนพ้นกำสรวล ให้อภัยตนเองแล้วทบทวน คือพื้นฐานที่ควรเสริมจิตใจ ไม่ยึดติดผิดพลาดขาดริเริ่ม ให้บทเรียนช่วยเสริมเพื่อแก้ไข อย่าได้จำไว้เพื่อทำร้ายใจ แต่จำไว้ไม่ทำซ้ำรอยเดิม"
30 ตุลาคม 2548 10:27 น. - comment id 530142
....สังคม..จะมีสันติสุขได้..ก็เพราะ.อภัยทาน.. ....เป็นบทกลอนที่ดีมาก...ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ..คิดถึงและเป็นห่วงค่ะ..
30 ตุลาคม 2548 10:45 น. - comment id 530152
จริงแท้แน่นอน พี่ดอกแก้วมีแต่ให้อภัยไม่ถือโกรธ อย่างดีก็เย้าว่า ทะเล้น เท่านั้นเอง อิอิ
30 ตุลาคม 2548 11:01 น. - comment id 530156
พี่ดอกแก้ว เคยคิดหวังสักวันต้องทำได้ มิให้หัวใจต้องหม่นหมองเศร้า อยากจะทำให้ได้ดั่งใจเรา จะไม่เหงาเหมือนที่เห็นเป็นตอนนี้... อยากอภัยใครสักคนเขาคือเพื่อน อยากบิดเบือนความจริงสิ่งที่มี อยู่ร่วมกันมานานผ่านเป็นปี อยากจะมีเพื่อนไม่เลื่อนไป... แต่หัวใจนี้ยังคงมีกิเลสหนา ยากเกินกว่าจะคิดมองข้ามไป มีบางอย่างมากมายภายในใจ หากแก้ไขคงยากหากจะทำ... อยากลืมหรือมองข้ามผ่านบางสิ่ง ให้หยุดนิ่งความคิดริษยาที่ทำ ลืมเรื่องร้ายกลายผ่านไม่ควรจำ และไม่ย้ำความคิดให้จิตทราม... บางครั้งมองหาเหตุผลที่ตนเป็น ใยไม่เห็นสิ่งผิดแล้วคิดห้าม ยิ่งมีเรื่องยิ่งอยากทำให้ลามปาม อยากเป็นความให้สะใจของตนเอง... ไม่อยากเป็นคิดริษยาต่อไปแล้ว ไม่อยากแจ้วเจื่อยทำตัวนักเลง ไม่อยากทำท่าว่างมาดให้ใครเกรง ไม่อยากเบ่งว่าใครเห็นเป็นต้องกลัว... อยากอภัยให้ใครทุกคนอยู่รอบข้าง อยากจวางทุกย่างให้ห่างตัว อยากจะหนีห่างไกล-ไกลเรื่องชั่ว ไม่อยากเมามั่วสิ่งผิดคิดกระทำ... พี่ดอกแก้ว...มะกรูดกลับมาอ่านบทกลอนบทนี้ และทบทวนคิดหลายหน...มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ มะกรูด...รู้สึกเป็นทุกข์มากในตอนนี้.. มันทุกข์ในมาก...มะกรูดโกรธกันกับเพื่อน...นานแล้ว 9 เดือนแล้ว ทำงานอยู่ที่เดียวกัน อยู่บ้านหลังเดียวกันแต่คนละห้อง...เริ่มต้น คือเค้าเป็นคนเริ่มก่อน แต่เขาไม่ผิดคนที่ผิด คือมะกรูด ที่ไม่ออกภัยเขา เพราะมะกรูดโกรธเขามากที่เขาทำกับมะกรูดแบบนั้น... แล้วมา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มะกรูดไม่มีความสุขเลย เดินผ่านกันกลับทำให้มะกรูดหงุดหงิดมาก... มะกรูดขอโทษพี่ดอกแก้วนะคะ แต่มะกรูดไม่สบายใจเลย พอมาเจองานของพี่ดอกแก้วกลับทำให้มะกรูดคิด...ว่าทำไม? เพราะทิฐิเหรอ? ที่ทำให้มะกรูดเป็นแบบนี้...
29 ตุลาคม 2548 21:37 น. - comment id 530508
@...หนอนดุ๊กดิ๊ก... อภัยไร้พิษร้อน เพลิงลาม ผู้รับดับไฟความ หมดสิ้น ยุติการสงคราม สนิท ดับเดือดหยุดใจดิ้น สงบล้วนอภัยทาน สวัสดีค่ะ หนอนดุ๊กดิ๊ก.. สองบทแห่งคำโคลง ขอบคุณมากค่ะ....
29 ตุลาคม 2548 21:57 น. - comment id 530513
พี่ดอกแก้วคะ ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่า จิตใจค่ะ สุขแม้เจ็บ ก็อยู่ที่ใจ สุขเมื่อได้ทำบุญก็อยู่ที่ใจ คิดถึงพี่ดอกแก้วค่ะ เป็นกำลังใจในทุกอย่างที่พี่ทำค่ะ ทำดีย่อมได้รับในสิ่งดีดี เสมอ มัดหมี่เชื่อเช่นนั้นค่ะ งานเพราะมากค่ะ
30 ตุลาคม 2548 01:53 น. - comment id 530579
อภัยทาน.. เมื่ออีกฝ่ายขออภัย ย่อมให้เสมอ... แต่แผ่เมตตา และอโหสิกรรมนั้น อีกฝ่ายจะยังไม่ขออภัย ไม่อโหสิกรรมให้ ก็เป็นเรื่องของเขา..ไม่ใช่เรื่องของเรา เราเท่านั้น รู้ว่าทำอะไรอยู่ ดีหรือไม่ดีอย่างไร บทกลอนดีเสมอค่ะ แวะมาอ่านวันนี้หยุดการดูแล บตรีบุตราชั่วขณะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปควบคุมการแก้ไขปัญหา สิ่งแวดล้อมคอนโดของเธอต่อ สวัสดีค่ะ ทิกิ
30 ตุลาคม 2548 09:03 น. - comment id 530605
สวัสดีค่ะ พี่ดอกแก้ว ขอบคุณพี่ดอกแก้ว รักษาสุขภาพนะคะ
28 ตุลาคม 2548 22:47 น. - comment id 533359
มาอ่านกลอนดีๆ อีกเช่นเคยค่ะ
28 ตุลาคม 2548 23:07 น. - comment id 533374
๐ อภัยเป็นสิ่งให้ ........... ใหญ่ยัง พาจิตใจปราศชัง ........... โกรธขึ้ง ผู้รับปิติดัง .................... พ้นโทษ สร้างมิตรภาพซึ้ง ........... เถิดให้อภัยกัน ฯ สวัสดีครับพี่ดอกแก้ว
29 ตุลาคม 2548 06:08 น. - comment id 533409
ฉันก็เคยทำผิดมาหลายอย่าง แต่ไม่เคยคิดวางความผิดนั้น โทษตัวเองว่าตัวเองสาระพัน แต่กับคนอื่นนั้นฉันอภัย มาได้คิดได้มองตรองสติ รักตัวเองบ้างสิ..จะได้ไหม ทีคนอื่นยังคิด..ผิดอภัย แล้วทำไม..ยังร้ายกับตัวเอง ............................................... สำหรับตัวเองแล้ว เวลามีอะไรผิดพลาด.. มักลงโทษตัวเองเสมอ คราวนี้..ต้องอภัยตัวเองแล้วหล่ะ ไม่งั้นทุกข์แย่เลยค่ะ ................................................
29 ตุลาคม 2548 11:13 น. - comment id 533434
๐ อันความผิดพลาดพลั้ง ........ เพราะตน ไยเจ็บจำโทษทน ................... ทุกข์ไว้ บทเรียนย่อมประจักษ์ผล ....... ตระหนักเหตุ พอแก่การณ์ล่วงให้ ............... ผ่อนพ้นอภัยตน สวัสดีครับพี่ดอกแก้ว ขอต่ออีกนิด
29 ตุลาคม 2548 12:53 น. - comment id 533468
อู้ว้าว ...เด็ดขาดไปเลยค่ะพี่ดอกแก้ว กลอนนี้ แฝงความแข็งแกร่งของหัววใจไว้มากทีเดียวนะคะเนี่ย
29 ตุลาคม 2548 16:44 น. - comment id 533556
งดงามเสมอครับงานพี่ดอกแก้ว.... ***รักษาสุขภาพนะครับผม
29 ตุลาคม 2548 19:56 น. - comment id 533599
เปรียบเทียบได้ลึกซึ้งมากครับ.. ต้องมีอโหสิกรรมครับ..
29 ตุลาคม 2548 20:11 น. - comment id 533607
เป็นสิ่งที่ต้องเตือนตนเหมือนกันนะคะ กับเรื่องการทำผิดพลาด แล้วให้อภัย บ่อยครั้งที่เรามักจะโทษนั่นโทษนี่ และโทษตัวเอง อารมณ์ขุ่นเคือง หน้างอ กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ จริงๆแล้ว แค่ผ่านไปแป๊บเดียว ย้อนกลับมาดู มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ ที่ไม่น่า จะมาเสียอารมณ์เลย กลอนของพี่ ดอกแก้วสื่อออกมาได้ตรงมากๆเลยค่ะ
29 ตุลาคม 2548 21:22 น. - comment id 533620
@...แดดเช้า... แม้นตนเองยังยึดตะพึดตะพือ ทั้งยังถือโทษไว้ให้ข้องขัด ใจไม่กว้างล้างโทษโกรธฮึดฮัด ปมโทสาเด่นชัดเหลือคณา คำอภัยที่จะให้กับผู้อื่น คงไม่ชื่นบริสุทธิ์ผุดผ่องค่า บุญที่เปี่ยมพรั่งพร้อมอย่างโสภา คือการไร้อัตตาคราทำบุญ สวัสดีค่ะแดดเช้า...รัศมีตะวัน การให้อภัยตนเอง..นอกจากแสดงถึงปริมาณโทสะกิเลสที่มีไม่มากแล้ว ยังบ่งบอกถึงการไม่ยึดติดกับเรื่องของตัวตนอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญก็คือ ..กระทั่งเรื่องที่ใกล้ที่สุดก็ยังคลี่คลายไม่ได้ แล้วจะไปคลี่คลายให้ผู้อื่นได้สมบูรณ์พร้อมได้อย่างไร ขอบคุณความคิดเห็นที่งดงามและกระจ่างไปด้วยเหตุและผลค่ะแดดเช้า อนุโมทนาในกุศลจิตและแสงสว่างของปัญญานะคะ
29 ตุลาคม 2548 21:22 น. - comment id 533621
@...ชัยชนะ... ไม่มีใครตั้งใจทำผิดพลาด แต่สามารถอาจด้อยน้อยระดับ ผลปรากฏจึงต้องควรยอมรับ แล้วหยิบจับตั้งใจทำใหม่พลัน หากมัวคิดติดใจในเรื่องเก่า เหมือนถอยหลังหลบเงาไม่สร้างสรรค์ เดินออกมาสู้ไปใต้ตะวัน ให้โอกาสตนนั้นเป็นสิ่งดี สวัสดีค่ะน้องชัย.. มาพร้อมบทเพลงแห่งนักสู้เลยนะคะ ในยามที่มีอุปสรรค..พี่ดอกแก้วนำเพลงนี้มาเป็นกำลังใจเสมอ ขอบคุณที่มาทักทายค่ะ ..โดยเฉพาะ ความฝันอันสูงสุด..ที่นำมาเตือนใจ
29 ตุลาคม 2548 21:23 น. - comment id 533622
@...ทานทองคำ... ก่อนจะไปสร้างประโยชน์และโภชน์ผล ต้องเริ่มต้นที่เราพร้อมข้าวของ ต้องสมบูรณ์ภายในหัวใจทอง จึงเผื่อแผ่พวกพ้องได้ทั่วกัน หากไม่พร้อมต้องน้อมสร้างบารมี เตรียมตนเองให้ดีเพื่อสานฝัน ไร้เงื่อนไขในตนพ้นโทษทัณฑ์ ให้อภัยทุกชีวันได้แท้จริง สวัสดีค่ะ ทานทองคำ.. ศูนย์กลางบุญกุศลก็คือความเมตตา ในการแผ่เมตตานั้น ท่านให้แผ่แก่ตนเองก่อน เพื่อที่จะสร้างความพร้อมให้แก่ตนได้ทำสิ่งที่ดียิ่งขึ้นต่อไป การให้อภัยตนเอง..นับเป็นการสร้างอิสรภาพให้แก่จิตให้พ้นไปจากความยึดติดนั่นเองค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาอ่าน
29 ตุลาคม 2548 21:23 น. - comment id 533624
@...เพรง.พเยีย... การอภัยให้ความเย็นเช่นสายน้ำ ที่รินหยดรดตามพื้นระแหง ใจที่ร้อนซ่อนโศกพลันเปลี่ยนแปลง เพราะสิ้นแรงพิโรธไฟโกรธรา สวัสดีค่ะเพรง.พเยีย ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่าน
29 ตุลาคม 2548 21:24 น. - comment id 533626
@...magic... เหมือนทำดีนอกบ้านจานเจือสุข คนในบ้านติดคุกมองไม่เห็น จึงหาใช่คนดีที่ควรเป็น ควรหลีกเร้นบกพร่องตรองให้ควร สวัสดีค่ะน้องmagic.. หากไม่ให้จิตเจเราสบายเสียก่อน เวลาไปทำอะไรให้ใคร..ความสมบูรณ์พร้อมของใจก็จะลดลง และอาจรวมไปถึงความไม่จริงใจในโอกาสต่อไปก็ได้ค่ะ ทางธรรมนั้นสอนไว้ว่า จงทำตนเองให้พร้อมแล้วค่อยแผ่ความพร้อมไปสู่ผู้อื่น มิใช่ทำแบบเตี้ยอุ้มค่อมน่ะค่ะ.. ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเขียนไว้นะคะ
29 ตุลาคม 2548 21:25 น. - comment id 533627
@...น้องโซดา... ใจที่แข็งแกร่งกล้ากว่าความโกรธ คือเลิกโทษใครใครให้รับผิด เสียเวลามากมายไปทวนคิด ลบล้างพิษให้อภัยก้าวใหม่เอย สวัสดีค่ะน้องโซดา.. เมื่อใดที่เรามีใจที่เข้มแข็ง เรื่องราวในอดีตก็ไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือจิตใจของเราได้ และผู้ใดที่หยุดใส่ใจเรื่องเศร้าหมองในอดีตได้ก็ย่อมมีความสุขใจได้มากมาย ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
29 ตุลาคม 2548 21:26 น. - comment id 533628
@...บินเดี่ยวหมื่นลี้... เสียเวลาทำไมใฝ่โทษตน การวกวนในอ่างไม่สร้างสรรค์ เทน้ำทิ้งล้างใจให้ใหม่พลัน ปลดโทษทัณฑ์จากใจไร้ขื่อคา สวัสดีค่ะบินเดี่ยว.. ขอบคุณในความห่วงใยนะคะ...
29 ตุลาคม 2548 21:26 น. - comment id 533629
@...dark side of mind... การยกโทษไม่โกรธเลิกอาฆาต ไม่ผูกขาดจองกรรมทำบาดหมาง เหมือนปลดโซ่แห่งไฟให้ลดจาง ให้อิสระแก่ทางผู้ร่วมเดิน ไร้ตำหนิติตนคนเจ้าของ เลิกเพ่งมองคนอื่นอย่างตื้นเขิน มองให้ลึกตรึกให้นานผ่านแสงเพลิง ไม่ระเริงหลงไฟใฝ่แค้นเคือง สวัสดีค่ะdark side of mind .. มาชื่นชมพร้อมกับแลบลิ้นไว้ด้วยนี่ ...จะเชื่อถือได้ขนาดไหนหนอ จะว่าไปแล้ว อโหสิกรรมคำนี้ ไพเราะมากเลยนะคะ.. ขอบคุณที่แวะมายิ้มค่ะ
29 ตุลาคม 2548 21:28 น. - comment id 533630
@...ชลกานต์... เสียเวลาย้อนอดีตไปกรีดใจ โกรธเข้าไปตนเองไม่เกรงจิต หมดเวลาไปกับเรื่องไร้ความคิด เกิดเพียงนิดแต่คิดทวนครวญทั้งวัน สวัสดีค่ะชลกานต์... เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่บางครั้งเราก็พลาดเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ควรทำ ถ้าคิดได้เร็วขึ้นก็ดีนะคะ จะได้ใช้เวลาไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่าได้มากขึ้น ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาอ่าน ..พร้อมทั้งตัวอย่างของความรู้สึกนึกคิดที่ดีด้วยค่ะ
29 ตุลาคม 2548 21:36 น. - comment id 533634
@...ไรไก่... อภัยทานงานใจในเมตตา ที่สูงค่าด้วยกุศลผลสนอง สร้างไมตรีรี่ไหลให้ล้นนอง ยุติการเรียกร้องและฆ่าฟัน ชอบจังกับคำว่า ..การให้อภัยถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของคน ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาอ่าน และให้ความคิดที่ดีๆค่ะ
30 ตุลาคม 2548 16:28 น. - comment id 534405
อย่าละอายจงคลายความถือตน มองย้อนหนครั้งเก่าคราวสุขสันต์ ต่างก็มีความดีให้แก่กัน เคยแบ่งปันช่วยเหลือเกื้อกูลใจ ช่วงเวลาแสนดีที่ผ่านมา อย่าทำให้ไร้ค่าเพราะผลักไส เพียงบางเรื่องนิดน้อยที่โกรธไป ควรหรือให้มีค่ากว่าสัมพันธ์ การถือตัวถือตนจนถือจัด จึงสะบัดไมตรีอย่างหุนหัน ความขึ้งโกรธหาใช่ตัวสำคัญ แต่การถือตัวนั้นบงการใจ เรื่องเล็กน้อยจึงยิ่งใหญ่เพราะใจแคบ กลายเป็นแบบผิดผิดของนิสัย สร้างขอบรั้วปิดการให้อภัย สร้างกำแพงหัวใจไร้เมตตา เมื่อไม่พูดกันนั้นพลันเกิดทุกข์ ไม่สนุกหัวใจไร้หรรษา เมื่อสองคนถือตนมาบังตา จึงเหมือนอยู่คนละฟ้าที่แสนไกล เมื่อไร้สุขต้องปลุกใจให้หัดกล้า และรู้ค่ากุศลผลสดใส อย่าขาดทุนแบกทุกข์ไว้กับใจ เลิกโกรธก่อนคือชัยที่เหนือพลัน พูดกับเขาออกไปใช่พ่ายแพ้ คือชนะที่แท้สร้างสุขสันต์ ปลดกำแพงหัวใจระหว่างกัน เริ่มที่ตนก่อนนั้นด้วยเมตตา อย่าตำหนิติตนคนมากทุกข์ มาสร้างสุขกันใหม่ไร้โทสา ไม่มีใครไม่พลาดขาดปัญญา มาเริ่มต้นอีกคราอภัยตน ที่ผ่านมาเสียเวลาไปมากแล้ว ขอน้องแก้วจงเลิกความสับสน กลับไปคุยกันใหม่ทั้งสองคน เลิกอึดอัดกมลนะน้องยา อย่าคิดหนีไปไหนให้ลำบาก เพราะทุกข์ยากอยู่ที่ใจเราเองหนา เขาผิดไปให้อภัยอย่ารอรา เพื่อทำสิ่งมีค่าที่ใจเรา สวัสดีค่ะะน้องมะกรูด.. ความอึดอัดสับสนที่ถามมา ..แก้ไขไม่ยากหรอกค่ะ ณ ขณะนี้ระดับของความโกรธคงลดน้อยลงแล้ว ..แต่ความรู้สึกน้อยใจและความถือตัวอย่างเหนียวแน่นคงจะมีมากกว่า เช่น ยึดถือว่า เขากล้าทำกับเราอย่างนี้เชียวหรือ..จึงมีความไม่พอใจคุกรุ่นอยู่เรื่อยเมื่อนึกขึ้นมา และเมื่อรู้แล้วว่า ไม่เป็นสุข..แต่ก็ยังไม่คลายการถือโทษ..นั่นก็เพราะความยึดถือตัวตนนั่นอีกแหละค่ะ การถือตัวนี้จึงเปรียบเสมือนกำแพงที่แข็งแกร่งที่ผนวกเข้าไปกับความไม่พอใจที่มี เมื่อพิจารณาพบแล้วว่าตนเองผิดมากกว่า ก็กลับมาทุกข์ใจในความผิดของตนเองอีก ล้วนแล้วแต่เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าไปทบทวนสืบสาวเรื่องราวอีกเลย..เริ่มต้นใหม่ ตั้งใจใหม่ ด้วยการไม่โกรธตนเองเสียก่อน แล้วจึงค่อยมอบสิ่งดีให้แก่ผู้อื่นอย่างหน้าชื่นด้วยการให้อภัยเขาต่อไป และคำว่าเพื่อนน่ะ..ให้อภัยกันได้ง่ายเสมอ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นใหม่ด้วยความสบายใจนะคะน้องมะกรูด และขอให้มีความสุขกับการอยู่ร่วมกับมิตรสหาย .. การทำงาน และการดำเนินชีวิตในด้านต่างๆ.. อย่าได้มีอุปสรรคใดๆที่เกิดขึ้นจากความคิดของตนอีกเลยนะคะ
4 พฤศจิกายน 2548 07:16 น. - comment id 534857
อภัย และใจเย็น .. จะทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงนานเท่านานค่ะ ..
4 พฤศจิกายน 2548 18:18 น. - comment id 535101
@...น้องเอม... การกระทบกระทั่งย่อมเกิดขึ้นเสมอในความสัมพันธ์ หากเราเอาแต่ใจและถือตนว่าจะต้องเป็นผู้ชนะอยู่ตลอดเวลา..เมื่อนั้นความแตกร้าวก็จะมาเยือนได้ หากแต่เราให้อภัย ไม่ติดใจในบางเรื่อง ..ไม่ต้องการตัดสินว่าถูกหรือผิด...การประนีประนอมยอมยกโทษให้แก่กันนี้ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่นได้อย่างยาวนาน เพียงแต่คนเราถือตัวกันมาก..และไม่อยากเป็นคนผิด ..ทั้งยังไม่นิยมกล่าวคำขอโทษ ..เรื่องราวจึงบานปลายกลายเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สุด ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาอ่าน
30 ตุลาคม 2548 16:24 น. - comment id 535646
@...น้องมัดหมี่... เพราะจิตนี้มีหน้าที่รับอารมณ์ ทั้งขื่นขมสุขสันต์นั้นที่จิต หากรับแล้วไม่เก็บเอาไปคิด อารมณ์นั้นหมดสิทธิ์อยู่เหนือใจ สวัสดีค่ะน้องมัดหมี่... ขอบคุณกำลังใจจากน้องมัดหมี่ค่ะ เหมือนได้รับดอกไม้สวยๆพร้อมกับสายลมที่เย็นชื่น.. ขอบคุณมากนะคะ
30 ตุลาคม 2548 16:25 น. - comment id 535647
@...คุณทิกิ... ไม่ถือโทษโกรธใครใจเมตตา ไร้ปัญหาเธอฉันให้หวั่นไหว เธอทำผิดหรือฉันที่พลาดไป ไม่เป็นไรไม่ผูกโกรธไม่โทษกัน ดีใจที่มีเวลาว่างแวะมาค่ะ ทั้งที่ตรงนี้และที่บ้านหลังนั้น เมื่อสบายใจแล้ว..ภาระที่มีอยู่ก็ไม่หนักหนาใช่ไหมคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะคุณทิกิ
30 ตุลาคม 2548 16:26 น. - comment id 535648
@...น้องราชิกา... การอภัยคือใจเมตตา ไร้ถ้อยคำต่อว่าและต่อขาน จบสิ้นเรื่องเคืองใจไม่แผ้วพาน และเบิกบานร่มเย็นเป็นสุขใจ สวัสดีค่ะน้องราชิกา.. ขอบคุณมากค่ะที่ยังอุตส่าห์แวะมาอ่านทั้งที่ยังมีภารกิจมาก ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงเช่นกันนะคะ
30 ตุลาคม 2548 16:27 น. - comment id 535649
@...ฤกษ์... มีน้องนุ่งมุ่งหน้ามาอ่านกลอน บ้างอวยพรอ่อนหวานปานผึ้งสรวง บ้างถามไถ่ไขข้องปองรู้ตวง บ้างร่าเริงไร้ลวงเย้าแหย่กัน บรรดาคนทะเล้นที่เข้ามาอ่าน..มาช่วยสร้างบรรยากาศใหม่ที่สนุกสนาน เพื่อไม่ตึงเครียดจนเกินไปนั้น .. ไม่โกรธอยู่แล้วค่ะ จึงไม่ต้องให้อภัย เพียงแต่ตอนนี้อยากเขกหัวใครบางคนนั้นเอง... เอนศีรษะมาใกล้ๆหน่อยสิฤกษ์..ทะเล้นจริงๆ
28 ตุลาคม 2548 19:14 น. - comment id 535956
ให้อภัย กับอดีตที่ผิดพลาด ให้โอกาส อนาคตให้สดใส ปัจจุบันสรรค์สร้าง กำลังใจ ก้าวไหนไหนย่อมมั่นคงไม่หลงทาง สวัสดีค่ะ ... พี่ดอกแก้ว การให้อภัยตัวเอง นี่ดีเหลือเกินนะคะ เพราะทำให้ใจเราเบิกบาน แจ่มใส บางที กฎเกณฑ์มากมายก่ายกองในชีวิต ที่ใครสักคนยึดติด เขามักจะเพ่งโทษผู้อื่นและกดดันตัวเองอยู่เสมอ แท้แล้ว ... ความเป็น \"ตัวตน\" ของเรา อยู่ที่ประสบการณ์ที่เราผ่านพบ ไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างขึ้นแล้วยึดติดเอาไว้สักนิดเลย อนุโมทนาบุญพี่ดอกแก้วค่ะ ... ขอให้พี่ดอกแก้วมีความสุข สว่างสดใสในทุกๆ ด้านนะคะ : )
28 ตุลาคม 2548 20:04 น. - comment id 535974
เมตตาธรรมค้ำจุนมาหนุนเนื่อง เรื่องทุกข์เรื่องพลาดเผลอผิดคิดแก้ไข จะโทษตนหรือคนอื่นขมขื่นไย สู้ต่อไปอย่าใจร้อนคิดก่อนทำ บทพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด ที่ว่า จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด เป็นสิ่งที่สะกิดใจของเราได้เป็นอย่างดีครับ
28 ตุลาคม 2548 20:36 น. - comment id 535983
ขอคาราวะบทกลอนที่สอดสอนแทรกประดับไว้ด้วยธรรมะแห่งพระพุทธองค์ พลันนั่งอ่านด้วยใจที่สงบอย่างยิ่ง ถึงแม้จะยังเข้าไม่ถึงในหลักธรรมอย่างแท้จริง แต่ที่ผ่านมา เราก็ให้อภัยกันหมดแล้ว อภัยกันได้ก็อภัยเถิด สาธุ
28 ตุลาคม 2548 21:57 น. - comment id 536009
อภัยกับความไม่รู้ อภัยกับการขาดสติ การให้อภัยถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของคน