...ฝน ..ในคืนฝัน

อาภาภัส

รักเจ้าเอยตัวตนเป็นแบบไหน
              รักสีใสสวยสดหรือโศกศัลย์
              รักสุกสว่างราวดวงแห่งวงจันทร์
              รักงงงันรุ่มร้อนหรือรวนเร
              คำกลอนข้างบนนั้นเป็นความคิดที่เด็กหญิงคนหนึ่งอยากเอ่ยถามกับฟากฟ้า  เด็กหญิงคนนั้นเชื่อและมั่นใจเสมอว่า ดวงดาวที่ส่งประกายในฟากฟ้า
ดุงดังความสว่างในเรือนใจของมวลมนุษย์
             หยาดนำฟ้าหลั่งลงตรงชานบ้าน
             มือน้อยสานห่อรวมมิหันเห
             ละอองทิพย์รสหวานสมคะเน
             ไร้ร้อยเล่ห์สุขหนาพาใจเพลิน
             ยามเยาว์วัยใจสดสะอาดเอื้อ
             ชอบก่อเกื้อห่วงใยไม่ขัดเขิน
             ฝันสุขซึ้งตรึงจิตให้ไกลเกิน
             เหมือนเหาะเดินเหิรบินอินทรีย์เบา
            
              สายฝนที่หลั่งลงดินวันแล้ววันเล่า  เปลี่ยนกาลเวลาจากวันเป็นคืน 
หลับใหลผ่านหลายราตรี เปลี่ยนเดือนเป็นปี และหลายปี ณ..ที่เก่าเวลาใหม่
              พายุแรงพัดอลอยู่อึงมี่              ฟ้าคะนองฤทธีราวแผดเผา
        สรรพสิ่งหลบสลายเห็นเพียงเงา     ใจคนเราดำถึกราวฟ้ามัว
        รองนำฝนรางเปื่อยทะลุขาด            ฝนซัดสาดเปียกเหลือยามฟ้าหลัว
        เวลาหนึ่งพึงอยู่อย่างหวาดกลัว       หลังคารั่วอุดได้แต่ใจเอียน
        ต้องก้มหน้ากอบนำมากำหนด         อนาคตหดแสงจนปวดเศียร
       อนาถหนอรอเพียงทางวงเวียน       แม้พากเพียรเฆี่ยนยับพับรอยใจ
    ความแปรปรวนจากฟ้าที่ปรวนแปร   สอนไว้แน่นิ่งนึกเหตุไฉน
    พรหมลิขิตขีดทางแค่บันได                เหลือหวังไขว่คว้าหวังลงถังดอง
     จะได้เก็บชื่นบ้างยามทางร้าง             ที่เจือจางอารีทวีหมอง
     แผ่นดินใหม่ใช้ฝันเข้าครอบครอง     ดุจเรือนทองส่องสุขทุกเวลา
            ฟากฟ้าที่มืดมิดไร้ดาว  ละอองฝนยังสาดกระเซ็น หนาวใดคงไม่เท่า
    หนาวในใจ  ณ..ที่เก่าเวลาใหม่ สิ่งที่เหลือไว้  ..หญิงชราที่มีดวงตาฝ้าฟาง
    มองหยาดฝนแห่งวันวานที่ใสสดเหลืออยู่ในรอยใจ   
             อากาศที่เปลี่ยนกระทันหัน พายุฟ้าคะนองซัดสาดหลังคาที่สกปรก..
  ยามเอื้อมมือรองนำ...แม้ดำกระด่าง .ก็ต้องทนและเจียม
               ขอชีวิตสร้างฝันวันละนิด     ขอนำจิตผูกกลอนให้หรรษา
               ขอให้รักคงอยู่อย่าโรยรา     ขอฟากฟ้าห่มพักถักทอใจ
               ขอวันคืนตื่นพบในสิ่งดี       ขออย่ามีโศกตรมมาบ่งไข
               ขอให้ฉันอย่าต้องระทมใด    ขอเพียงให้ทุกสิ่งที่ขอเทอญ				
comments powered by Disqus
  • Robert TingNongNoi

    15 กรกฎาคม 2547 22:13 น. - comment id 299166

    
    กลอนไพเราะจับใจมากเลย จินตนาการก็
    ยอดเยี่ยม เก่งมากครับ ขอนับถือ      ๚ะ๛
    
    size>
  • เมกกะ

    15 กรกฎาคม 2547 22:18 น. - comment id 299170

    เมกไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง
    อยากจะพูด ออกไป..เหมือนในฝัน
    แต่กลัวเธอ จะไม่ คิดเหมือนกัน
    กลัวว่าคำ รักนั้นจะทำลาย
    
    คิดดูแล้วคำว่ารัก เก็บดีกว่า
    เพราะกลัวว่า มิตรภาพ จะเลือนหาย
    เพราะกลัวว่า คำๆนี้ จะทำลาย
    ให้ทุกฝ่าย เจ็บช้ำเพราะคำเดียว
    
    เก็บคำนี้ ไว้ไนใจ คงดีกว่า
    ดีกว่าทำ ให้ไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรี
    ให้เทอเป็น แค่เพื่อน ที่แสนดี
    ปล่อยให้คน คนนี้เจ็บคนเดียว   
    
    เมกแวะมาให้กำลังใจครับ...^___^
    เขียนได้เพราะทุกบทกลอนเลยนะครับ
    ทำได้งัยอ่ะ  อยากเรียนรู้ด้วยจัง
    หลับฝันดีครับ.....เมก
    
  • อัลมิตรา

    15 กรกฎาคม 2547 22:52 น. - comment id 299196

    เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พักอยู่ที่เขาเขียว จ.ชลบุรี ฝนตกปรอยตั้งแต่กลางดึก จวบจนสายของอีกวัน อัลมิตราออกไปเล่นน้ำฝน ขี่จักรยานขึ้นเนินเขา ไล่กวดนกกาบบัว มีความรู้สึกสดชื่นหัวใจอย่างที่สุด มองเห็นเหล่าต้นไม้ ดอกไม้ ซึ่งพวกเขาก็คงรู้สึกสดชื่นเช่นกัน  
    
    ภาระกิจที่ถั่งถมทำให้รู้สึกอ่อนล้า ก็รู้สึกว่าจะปลดเปลื้องไปในทันใด .. ฝนซาฟ้าใหม่ เขียนไว้เช่นนั้น ความรู้สึกเดียวกันค่ะ 
    
  • ชัยชนะ

    16 กรกฎาคม 2547 05:40 น. - comment id 299241

    แวะมาร้องเพลงให้ฟังดีกว่า ไม่ต้องใช้ความคิดมาก ง่ายดี
    
    เจ้าสาวที่กลัวฝน                เรวัติ พุทธินันทน์ : : Key E  
    เหตุอันใด พอความรักเธอเริ่มต้น            ชายทุกคน หลีกไกล
    เหตุอันใด เธอเคย คิดดูหรือไม่                ใครล้อมกรอบตัวเอง
    
    ตั้งข้อแม้ รักเสียมากมาย                          จะมีชายใดเป็นได้ดัง
    เช่นกฎเกณฑ์ เธอวางไว้ใครบ้าง               จะมีทาง เป็นชายของเธอ
    เธอเห็นใคร ไยถึงต้องหลอกตัวเอง 
    
    ใจเธอเอง คิดกลัวทุกอย่าง                        บางครั้งเธอ เต็มใจ แต่กลัว
    เปรียบเธอเป็น คนกลัว ฝนที่เย็นฉ่ำ         กลัวฝนทำ เธอเปียกปอนไป
    
    หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ                          อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน
    อย่ากลัวฝน เพราะฝน นั้นเย็นฉ่ำ               อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม
    ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน
    
    ดนตรี........
    ท้องฟ้าใส ยามฝนซา                                เปียกปอนกันมา กลับแห้งไป
    ความรักนั้น ต้องมั่นใจ                             ฝากใจให้รักชักนำ
    
    หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ                         อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน
    อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ               อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม
    ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน
    
    ดนตรี........
    ท้องฟ้าใส ยามฝนซา                                 เปียกปอนกันมา กลับแห้งไป
    ความรักนั้น ต้องมั่นใจ                               ฝากใจให้รักชักนำ
    
    หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ                          อย่ามัวทำ ตัวเอง มืดมน
    อย่ากลัวฝน เพราะฝน นั้นเย็นฉ่ำ               อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม
     
    หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ                           อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน
    อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้น เย็นฉ่ำ..... 
    
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    16 กรกฎาคม 2547 07:05 น. - comment id 299290

    ไม่ค่อยได้เจอกันยังคงความไพเราะเหมือนเดิมเลยนะครับ
    
    
  • พี่ดอกแก้ว

    16 กรกฎาคม 2547 09:33 น. - comment id 299333

     @ ..อาภาภัส
    
    วันที่ดอกไม้บานในน่านฟ้า 
    รักตรึงตราอุ่นไอในม่านฝัน 
    ดังคำมั่นสัญญาค่าผูกพัน 
    ทุกมิตรนั้นรวมหลอมล้อมหัวใจ 
    
    ร่วมสานฝันอันหวานผ่านอักษร 
    เป็นบทกลอนนิรันดร์อันฝากให้ 
    มิตรภาพฉาบสีมีเรื่อยไป 
    แม้จะไกลห่างบ้างอย่างที่เป็น 
    
    ตราบใดท้องฟ้ายังมีสีฟ้า 
    ร้อยอักษราส่งไว้ให้ได้เห็น 
    อย่าได้หนาวน้ำคำอันฉ่ำเย็น 
    พจน์ที่เน้นความหมายใช่ร้างลา 
    
    ตราบใดที่อาทิตย์ยังสาดแสง 
    มิเปลี่ยนแปลงจากไกลไปเสียก่อน 
    จะขอร่วมห่วงหาและอาทร 
    กับนิวรณ์ของจินต์ถวิลเอย..
    
    ...มาด้วยหัวใจรักและจริงใจค่ะ...
    
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    16 กรกฎาคม 2547 10:30 น. - comment id 299349

    เมื่อเด็กเล็กอยู่ขอช้างขอม้าขอแหวนทองแดง
    พอโตเป็นหนุ่มสาวขอความรักถักทอในหัวใจให้สมปรารถนา
    พอแก่เฒ่าชรา ขอให้ได้หลับตาตาย อย่าได้นอนตายตาไม่หลับเพราะมีห่วง
    
    ชั่วชีวิตเกิดมามีอะไร
    ไม่เคยให้ทำได้ก็แค่ขอ
    ตั้งแต่เล็กเติบใหญ่ไม่เคยพอ
    ครั้งสุดท้ายก่อนตายก็ยังขอ..
    
    อิอิมาร่วมแจมด้วย....มีเกล็ดเรื่อง ขอ
    ชาวสวน เขาปลูกผลไม้มากมายหลายชนิดหมุนเวียนออกผลให้ได้กินตลอดทั้งปี และเขาไม่หวงกิน ใครอยากกินก็ขอกันไม่เคยขัดแต่ถือกันมากคืออย่าโขมยทีนี้เวลาอยากกินผลไม้สมมุติ มังคุด ไม่เจอเจ้าของสวนจะขอใครก็ไม่ได้ เขาก็เก็บกินกันเลย แล้วหักไม้เป็น ตะขอ แขวนไว้ให้เห็น เจ้าของก็เข้าใจ อิอิ
  • tiki

    16 กรกฎาคม 2547 13:27 น. - comment id 299436

    มาอ่านงานด้วยความชื่นใจ
  • จากแทนคุณแทนไท

    16 กรกฎาคม 2547 13:30 น. - comment id 299442

    คิดถึงครับ
  • ptk @ ที่รัก

    16 กรกฎาคม 2547 14:24 น. - comment id 299484

    ยังคงเพราะเหมือนเดิมนะค่ะ
    ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาโพส สักเท่าไร
    เพราะหัวสมองไม่ค่อยแล่นเลย
    ช่วยเมล์มาบอกวิธีพักสมองหน่อยนะค่ะ
    ขอบคุณค่ะ  
    ptk@ที่รัก คนเดิมค่ะ ( srt 03 )
    bee_patongko2mweb.co.th
  • ptk @ ที่รัก

    16 กรกฎาคม 2547 14:25 น. - comment id 299486

    ยังคงเพราะเหมือนเดิมนะค่ะ
    ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาโพส สักเท่าไร
    เพราะหัวสมองไม่ค่อยแล่นเลย
    ช่วยเมล์มาบอกวิธีพักสมองหน่อยนะค่ะ
    ขอบคุณค่ะ  
    ptk@ที่รัก คนเดิมค่ะ ( srt 03 )
    bee_patongko@mweb.co.th
  • Priest

    16 กรกฎาคม 2547 16:23 น. - comment id 299565

    มีสัมผัสที่ลงตัว อ่านแล้วคล้องจ้อง
    อ่านจบแล้วทำให้ รู้สึกเคลิ้มตาม
    เป็นกลอนที่ไพเราะมากค่ะ 
    จะคอยติดตามผลงานหน้านะคะ
  • ม.ปณิธาน

    17 กรกฎาคม 2547 02:43 น. - comment id 299666

    ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไร เบื่อที่จะคิด เบื่อที่จะเขียน ขอเป็นแค่เพียงคนอ่าน และชื่นชม ผลงานอย่างเดียวครับผม
    
    สร้างสรรค์กันต่อไปนะครับ ผมจะคอยเข้ามาอ่าน

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน