เป็นเหมือนคนทั้งหลายในเลือดเนื้อ ต้องการความช่วยเหลือความห่วงหา เป็นที่พึ่งพักใจในเวลา ความทุกข์ล้นพ้นบ่าถาโถมทรวง พึ่งพ่อแม่เมื่อเยาว์เขลาความคิด เข้าเป็นศิษย์รับความรู้ครูข้าหลวง เรียนรู้โลกโศกเศร้าเคล้าภาพลวง เพิ่มผลพวงทุกข์ใหม่ไม่รู้จริง เห็นหลายอย่างเปลี่ยนไปตามวัยวัน ไม่เหมือนกันในเหตุผลบนทุกสิ่ง กระแสการต่อสู้และแย่งชิง ความกลอกกลิ้งท่วมท้นบนพารา สิ่งภายนอกกระทบใจให้บีบคั้น แต่ละวันสะสมปมปัญหา สิ้นสามารถความรู้ที่เรียนมา บางครั้งแก้ด้วยน้ำตาที่พร่างพรู จึงเสาะค้นหนทางสร้างใจสุข และปลอบปลุกกำลังใจให้ต่อสู้ ศึกษาธรรมของพระบรมครู ได้ล่วงรู้ธาตุแท้ไม่แปรความ สร้างกรรมใหม่ด้วยใจที่ศรัทธา สร้างกุศลนานาไม่เหยียดหยาม สร้างมวลมิตรสหายธรรมตามเขตคาม สร้างสมความเสียสละละส่วนตัว เพียงทางเดียวเท่านั้นที่ผันสุข คือพระธรรมปลอบปลุกคลายสลัว เปิดดวงตาดวงใจไร้มืดมัว พบความสุขถ้วนทั่วถึงนิรันดร์
15 กรกฎาคม 2547 01:39 น. - comment id 298619
เห็นแล้วรู้สึกสำนึกเสมอ ค่าเลิศเลอคือพระธรรมคำสั่งสอน เดินด้วยทางตรึกตระหนักจักทุกตอน ทุกบทย้อนปัญญา...เมตตานำ ขอบคุณมากค่ะ ทิกิ_tiki
15 กรกฎาคม 2547 05:53 น. - comment id 298642
ในสังคม ปมปัญหา หากวายวุ่น ใจมัวขุ่น หมองเศร้า ไม่ใสสด หาที่พึ่ง ทางใจ วิไลรส แต่ละบท บอกสุขใจ ในทางธรรม
15 กรกฎาคม 2547 07:33 น. - comment id 298648
ถึงแม้ว่ามีทางเดียวแต่ก็เป็นทางที่มีความหมายครับ
15 กรกฎาคม 2547 08:49 น. - comment id 298701
คนแต่ละคนถูกฟ้ากำหนดให้มีทางชีวิตที่ แตกต่างกัน มีบ้างที่สุขล้น มีบ้างที่ทุกข์หลาย มีบางที่ปล่อยตัวไปตามสบายตามกระแสร์ แต่ถ้าทุกคนยึดหลักธรรมเป็นข้อปฎิบัติของ การดำรงชีวิต ก็จักพบความสุขเท่าเทียมกัน ๚ะ๛ size>
15 กรกฎาคม 2547 11:12 น. - comment id 298750
มีทางเดียวให้เดินเลือกไม่ได้ ต้องมุ่งไปสุดทางอย่างนักสู้ อุปสรรคมีมากหลากศัตรู ตั้งสติกำหนดรู้เพื่อฝ่าฟัน อวิชาคือศัตรูตัวที่หนึ่ง ความไม่รู้ก้นบึ้งของปัญหา ต้องปราบด้วยศีลสมาธิปัญญา สว่างสงบพบมรรคาเพื่อก้าวเดิน อิอิ ต่อไม่ได้แล้วไม่ทราบว่าผิดทางรึเปล่าให้พี่ดอกแก้วเฉลยดีกว่า อิอิ
15 กรกฎาคม 2547 12:14 น. - comment id 298776
@...tiki... เคยผ่านร้อนและหนาวคราวแตกต่าง เคยเคว้งคว้างเวียนว่ายในปัญหา เคยต่อสู้เหนื่อยยากตรากกายา บทสุดท้ายได้พบค่าจากพระธรรม ขอบคุณค่ะคุณทิกิ ที่ยังระลึกถึงกันเสมอๆ
15 กรกฎาคม 2547 13:22 น. - comment id 298811
@...ชัยชนะ... ทุกคนต่างไขว่คว้าหาความสุข อยากพ้นทุกข์กายใจไร้ปัญหา จึงคิดค้นวิธีต่างต่างนานา บางครั้งคราทำผู้อื่นสะอื้นทรวง มีเพียงพุทธวิธีที่ปลอดภัย ไม่เบียดเบียนใครใครให้ตกล่วง ทำที่ตน..พัฒนาตนพ้นความลวง ตนและคนทั้งปวงต่างสุขใจ
15 กรกฎาคม 2547 13:25 น. - comment id 298815
เส้นทางฝันทุกคืนวันต้องต่อสู้ คือตัวรู้ปัญญาพาแจ่มใส มาอย่างมืดเมื่อพรากจำจากไกล สว่างไปด้วยแสงแห่งแรงธรรม.....ฯ กลอนไพเราะให้แนวคิดที่ดีมาก...ราชิกา..มาชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ...คิดถึงพี่ดอกแก้ว...ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ..
15 กรกฎาคม 2547 13:26 น. - comment id 298817
@...ผลิใบสู่วัยกล้า... ทางสายเอกเสกสร้างร้างความทุกข์ และปลอบปลุกไตรสิกขาพาจิตใส รู้วิชาพาความจริงสู่ภายใน สว่างไสวไตรลักษณ์ประจักษ์ธรรม
15 กรกฎาคม 2547 13:33 น. - comment id 298829
@...Robert TingNongNoi... กระแสกรรมทำชีวิตให้แตกต่าง มีเส้นทางมากมายให้เลือกฝัน ใจที่ต่างสร้างวิธีที่ต่างกัน มีเป้าหมายสุขนิรันดร์และชั่วคราว ขอบคุณที่แวะมาอีกแล้วนะคะ
15 กรกฎาคม 2547 13:56 น. - comment id 298849
@...ฤกษ์... ความไม่รู้คือศัตรูตัวที่หนึ่ง จึงเดินไปไม่ถึงจุดเป้าหมาย หลงเดินอยู่ในอารมณ์ที่วุ่นวาย ให้เวียนตายแล้วเกิดเปิดวงจร ความล่วงรู้คือผู้มาพิฆาต ให้ศัตรูตายอนาถและรื้อถอน ครัวเรือนแห่งนายช่างสร้างนิวรณ์ ทำทิฏฐิให้มีก่อนเป็นสัมมา เรียนรู้บาปรู้บุญทั้งคุณโทษ รู้เหตุผลรู้โจทก์รู้ปัญหา รู้ทางจบด้วยธรรมพระสัมมา ศีล สมาธิ ปัญญา สามัคคี รู้สึกตัวไม่มัวเมาเขลามายา รู้อารมณ์ที่มาเกิดครั้งนี้ รู้ว่าแท้จริงแล้ว..เรา..ไม่มี รู้ชีวีคือรูปนามตามเป็นจริง รู้ต่อไป..ความเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปร รู้เกิดขึ้นแล้วแก่ไปทุกสิ่ง รู้ไตรลักษณ์ประจักษ์ใจไม่ประวิง รู้ทอดทิ้งโลกียะละอารมณ์ สวัสดีค่ะฤกษ์..มาตอบแบบยาวๆพร้อมคำขอบคุณค่ะ
15 กรกฎาคม 2547 14:05 น. - comment id 298862
@...น้องราชิกา... อวิชชาคือศัตรูผู้ซุกซ่อน มีฤทธิ์เดชยอกย้อนอนุสัย ปัญญาคือแม่ทัพผู้ชาญชัย คอยรุกไล่โรมรันประจัญบาน เส้นทางฝันที่มืดแสงแห่งปัญญา จึงมากมีปัญหาให้หักหาญ หากผู้ฝันนั้นมั่นอุดมการณ์ จะเพิ่มแสงตระการแห่งปัญญา ดุงดังเช่นน้องราชิกาไงคะ...ที่มีความสุขและเบิกบานได้ทุกคราว ขอให้มีความสำเร็จในทุกสิ่งนะคะ
15 กรกฎาคม 2547 14:12 น. - comment id 298872
มาอ่านด้วยความชื่นชม ก่อนจะธุระยุ่งตลอดบ่ายนะคะ
15 กรกฎาคม 2547 15:10 น. - comment id 298923
@...คุณทิกิ... ขอบคุณมากนะคะ ...ด้วยความยินดีที่ได้พบกันค่ะ
15 กรกฎาคม 2547 15:49 น. - comment id 298939
สวัสดีครับคุณพี่... แวะมาอ่านงานที่งดงามครับ มีกลอนหน้าฝนมาร่วมครับ การุณฝนหล่นหลั่งจากฝั่งฟ้า เอื้อท้องนากล้าเขียวแตกเรียวแหลม เป็นเม็ดน้ำฉ่ำเย็นกระเซ็นแซม เกาะหยาดแต้มรากใบสืบขัยเชื้อ แปรทุ่งแห้งแล้งครอบอยู่รอบเขต เป็นนิเวศเขียวผืนชุ่มชื่นเหลือ กับสายพระพิรุณที่จุนเจือ เฉกเอื้อสุขเรียงสู่เถียงนา ต้นกล้าจักเติบใหญ่แตกใบทอด ลามยอดหยอกลมที่พรมหา สร้างผืนระลอกพลิ้วลิบลิ่วตา สร้างหวังระลอกกล้าขึ้นบ่าใจ วาดฝันไปกับฝนที่หล่นสาย ฝันสยายตามกาลที่ผ่านไหว ผ่านเห็นเป็นทองผ่องอำไพ แปรไปจากเขียวสู่เรียวรวง อาทิตย์ยอแสงยังแกร่งกล้า ยิ่งกว่าก็คือหวังอันตั้งล่วง ไพศาลธรณินถิ่นทั้งปวง หวังรวงแปรเข็ญเปลี่ยนเป็นกิน
15 กรกฎาคม 2547 15:58 น. - comment id 298945
สวัสดีครับพี่ดอกแก้ว เมื่อใจท้อแท้อ่อนแอธรรมะ จะช่วยระงับได้ครับพี่อนิจจังพี่อนิจจัง ที่ใดมีรักที่นั้นมีเมก อิ_อิ เหงาเหงาเหงาทำใมเหงาใจจัง เคยวาดหวังว่ามันคงจะเลือนหาย แต่บัดนี้ก็ไม่สิ้นความวุ่นวาย จิตมิวายคิดถึงเธอทุกเวลา ยามกินข้าว อาบน้ำ คิดถึงหน้า ทุกๆครา จิตสับสน ระคนหนี หนีความทุก ความเศร้า เฉาฤดี จนป่านนี้ ยังคิดถึงเธอมิวาย ฯ
16 กรกฎาคม 2547 12:38 น. - comment id 299391
@...คุณสดายุ สวัสดีค่ะ... วาดฝันผ่านเส้นสายลายเม็ดฝน เมื่อร่วงหล่นลงดินไม่สิ้นค่า ให้ชีวิตผลิตพืชพันธุ์นานา เป็นผลพวงข้าวกล้าให้เก็บกิน จากรวงมาสู่ลานการผลิต ช่อรวงทองผ่องพิศเป็นทรัพย์สิน แปรรวงเป็นคุณค่าเหนือเศษดิน พ้นมลทินผืนนาพาสู่เมือง ยินดีที่ได้พบกันอีกค่ะคุณสดายุ หายไปนานมากเลยนะคะทั้งสองที่ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
16 กรกฎาคม 2547 12:38 น. - comment id 299392
@...เมกกะ... หยิบสีสวยหยดลงในน้ำใส จุ่มพู่กันคนไปในจานสี วาดภาพใหม่วาดด้วยใจรู้สึกดี เลือกใช้สีสดใสให้สวยงาม วาดท้องฟ้าสีฟ้าพาใจสุข วาดสายน้ำปลอบปลุกให้ไหลหลาม วาดต้นไม้พืชพันุธ์ให้ทั่วคาม วาดมวลมิตรติดตามให้รอบตน จะไม่เหงาหาใครเศร้าใจอีก เพราะมวลมิตรช่วยปลีกความสับสน อยู่คนเดียวเวลาเศร้าจะวกวน ยกเว้นคนมีธรรมกำไรจริง ขอบคุณมากค่ะน้องเมก