เพียรถักฝันวันหวานผ่านอักษร เป็นบทกลอนจากจิตให้คิดถึง คนอยู่ไกลทำได้เพียงรำพึง ฝากคำซึ้งห่วงหามารำพัน หากเหนื่อยล้าคราไหนโปรดได้รู้ ฉันเคียงคู่อยู่ข้างเธอตรงนั้น และดูแลห่วงใยไปทุกวัน คอยป้องกันดุจเงาเฝ้าคุ้มครอง จะเสกดลมนตราภาษากวี ให้เธอนี้หลุดพ้นความหม่นหมอง ทุกย่างก้าวมีชัยในครรลอง สิ่งหมายปองสมใจในจินตา โปรดจำไว้กำลังใจจากทรวงหนึ่ง ส่งแรงถึงอีกใจที่ใฝ่หา จงเข้มแข็งอย่าท้อต่อชะตา จงมีก้าวที่กล้าเพื่อฝ่าไป
20 กันยายน 2546 11:16 น. - comment id 169237
o^__^o มีกำลังใจขึ้นเยอะ
20 กันยายน 2546 12:52 น. - comment id 169249
มีแต่ใจตัวเป็นของคนอื่น ไหนจะชื่นเท่าชิดพิศมัย ส่งแต่คำประโลมกำลังใจ คงต้องตายคิดหนักเพราะรักลวง
20 กันยายน 2546 14:12 น. - comment id 169264
มนุษย์เราเกิดมาเพื่อมีความรักจริงหรือ เราไม่มีได้ไหม เหตุใดเราจึงต้องมีความรัก และในความรักทำให้เรามีความสุขมากน้อยแค่ไหน ทำไมเราต้องรักคนอื่น และทำไมต้องปล่อยให้ตนเองรำพึงรำพันฝากฝันฝากใจ ในรักนั้นด้วย คำถามนี้อาจจะเชยๆ และเปิ่น เรียนถามพี่ดอกแก้วผู้เจริญงอกงามในธรรมและวิถีแจ้งแห่งชีวิตครับ
20 กันยายน 2546 16:28 น. - comment id 169300
จิตเข้มแข็ง แกร่งกล้า อ่อนล้าเรี่ยว แรงคนเดียว อาจท้อแท้ เรื่องแก้ไข ชายขอย้ำ ส่งกำลัง หลั่งจากใจ ดั่งพระพาย พัดเรื่องร้าย สลายลง
20 กันยายน 2546 17:43 น. - comment id 169314
@...แอ๊ปเปิ้ล... จะส่งกำลังใจไปให้เสมอนะจ๊ะ ขอบคุณมากค่ะ..เอ้า สู้ๆๆๆ
20 กันยายน 2546 17:47 น. - comment id 169315
@...ฤกษ์... คิดทำไมมากมาย ให้วุ่นวายหมดความสุข รับกำลังใจให้คลายทุกข์ อย่าเจ่าจุกกับตัวไกล โอ้โฮ..ช่างคิดจริงเลย .... มองอกแม้กระทั่งตัวไกลใจห่าง ..รักลวงโน่นแน่ะ..เป็นอีกสีสันที่แตกต่าง ..แต่ก็สวยดีค่ะ
20 กันยายน 2546 18:39 น. - comment id 169318
@...บุรุษแห่งสายน้ำ.. เพราะมนุษย์เรามีความหวงแหนชีวิต จึงไม่สิ้นสุดต่อความต้องการทางกาม... คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส รวมทั้งความรู้สึกนึกคิด ...ความต้องการเหล่านี้แหละค่ะ ที่กำหนดบทบาทของแต่ละชีวิต ...เพื่อการตอบสนองทั้งทางกายและใจ .. ความต้องการนี้ก็คือ ความโลภ หรือตัณหา อันเป็นสมุทัยคือเหตุให้เกิดความทุกข์ทั้งปวง นั่นเอง ความต้องการนี้เกิดขึ้นเพราะยึดถือว่าชีวิตเป็นชีวิต คืออัตตาตัวตน แต่ไม่เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าชีวิตนั้นคือสภาพธรรมที่ประกอบกันสองส่วน คือรูปธรรมและนามธรรม .... จึงเกิดความยึดถือในชีวิต ..หวงแหน ..และทะนุถนอมดุแลเหนือสิ่งใด ..ซึ่งรากฐานก็คือ การขาดปัญญาในการพิจารณาธรรม ความรักนั้นมีสองประเภท คือประเภทที่เป็นอกุศล กับประเภทที่เป็นกุศล ... ประเภทที่เป็นอกุศลนั้น เกิดจากรากเหง้าของความต้องการเพื่อสนองตอบอารมณ์ทางกามคุณทั้ง ๕ ประการ ...แม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่า ห่วงหาและเอื้ออาทร ก็เนื่องมาจากความสุขใจของเราเป็นที่ตั้งเราจึงกระทำสิ่งนั้น ประเภทที่เป็นกุศล คือความรู้สึกที่เกิดจากความเมตตาและความเสียสละ ..ดังเช่นพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่บำเพ็ญบารมีหลายอสงไขยเพื่อมอบทางพ้นทุกข์แก่เวไนยสัตว์นั่นเอง ..หรือความเมตตาจาผู้รู้ธรรมทั้งหลายที่ให้ความรู้เพื่อคลายปมปัญหาชีวิต ..หรือความเสียสละของผู้ที่มากด้วยคุณธรรมทั้งหลาย.. นี่คือความรักอย่างกว้างๆ เพราะฉะนั้นความรักจึงเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกชีวิต เพียงแต่ว่าเป็นฝ่ายกุศลหรืออกุศลต่างหาก และความจริงอีกประการหนึ่งก็คือ ในคำว่าชีวิต ..ไม่มีสิ่งใดเป็นความสุขเลย ..มีแต่ความทุกข์ทั้งสิ้น เพราะต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม ...ที่เป็นทุกขลักษณะในไตรลักษณ์นั่นเอง @@@@....@@@@ ความรัก..ในความหมายของบุรุษแห่งสายน้ำ คงจะหมายถึงความรักในทางโลกที่มีระหว่างกันของชายหนุ่มหญิงสาว พ่อแม่พี่น้อง...ใช่ไหมคะ หากเป็นเช่นนั้น...ก็คือพื้นฐานความต้องการทั่วไปของสิ่งมีชีวิตที่มิได้น่าเกลียดแต่อย่างไร แม้กระทั่งเจ้าชายสิทธัตถะเองก็ยังมีความรักในตัวพระราชกุมาร แต่ประเด็นสำคัญก็คือ คำถามที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่อมีความรักจริงหรือ... มนุษยืเรามิได้เกิดมาเพื่อมีความรัก แต่เป็นเพราะวงจรของกรรมที่เรียกว่าสังสารวัฏ ทำให้เราต้องเกิดมารับผลของกรรมที่ได้กระทำเอาไว้เอง ความรู้สึกต่างๆนั้นเป็นความชำนาญที่เก็บสะสมไว้ในอำนาจของจิตค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือกิเลสนั่นเอง ความรักประการดังกล่าว ก็คือส่วนหนึ่งของกิเลสน่ะค่ะ เราไม่มีได้ไหม ? ได้ค่ะ เมื่อเราหมดจดจากกิเลสแล้ว เหตุใดเราจึงมีความรัก?.. ก็เพราะกิเลสยังคงอยู่กับเรานั่นเอง ความรักทำให้เราสุขมากน้อยขนาดไหน?.. เป็นเพียงความสุขใจที่ไม่จีรังค่ะ ภาษาธรรมเรียกว่า โสมนัสเวทนา คือการเสวยอารมณ์แห่งความพึงพอใจ เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะแล้วก็ดับสิ้นไปตามสภาพของจิต แต่เป็นเพราะเราได้รับอารมณ์ที่น่าปรารถนาอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้เราเกิดความแคล่วคล่องในการตอบสนองไว้ด้วยเวทนาดังกล่าวนั่นเอง ทำไมเราต้องรักคนอื่น?... ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา หรือที่เรียกว่ากิเลสสั่งมาน่ะค่ะ เพราะความจริงคือเรารักตัวเองที่สุด ทำไมเราต้องเรารำพึงรำพัน..? เพราะเรายังมีสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ความทุกข์จร คือโสกะ ปริเทวะ โทมนัส อุปายาส ..เป็นต้น เหล่านี้คือความรำพึงรำพัน ตัดอาลัยไม่ขาด น่ะค่ะ ...และก็เพราะเรายังไม่เสื่อมคลายจากความต้องการทางใจนั่นเอง เราจึงรำพันเพ้อหา ..แต่งบทกวีเป็นสื่อแห่งความรักเหล่านั้น .. จิตใจที่จมอยู่กับอดีตอารมณ์ก็จะทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน นึกถึงเรื่องราวดีๆ ร้ายๆที่เกิดขึ้น ..ทำให้เดี๋ยวหัวใจพองโต เดี๋ยวหัวใจแฟบลง แต่ทั้งหมดนี้ก็มิใช่สิ่งที่น่าอายเพราะเป็นธรรมดาของคนธรรมดา ที่มีกามอารมณ์หล่อหลอมไว้นั่นเอง ....ไม่ทราบจะตรงใจหรือไม่ .. ไม่ทราบว่าจะหนักเกินไปหรือเปล่านะคะ... ..ด้วยความจริงใจอย่างยิ่งค่ะ..
20 กันยายน 2546 18:44 น. - comment id 169319
@...ชัยชนะ... กำลังใจจากใจไปสู่เพื่อน คอยย้ำเตือนเรี่ยวแรงแห่งนักสู้ มิโดดเดี่ยวเปลี่ยวหมองครองอดสู ยังมีผู้เรียกว่าเพื่อนมาเยือนใจ ขอบคุณมากค่ะชัยชนะ..ชายที่งดงามในน้ำใจนัก
20 กันยายน 2546 20:44 น. - comment id 169330
...เรน..ชอบ กับ.คำตอบ.. จากคำถาม ของพี่นิว...จัง... .. มัยน๊า.. เรนจะตอบ..อย่างพี่ดอกแก้วได้.. ตอนนี้ เรน พยายาม หัด ที่จะเขียน... ..และหัด ..ที่จะอ่าน... อย่างตั้งใจ... .. ..เรนจะพยายาม....
20 กันยายน 2546 21:18 น. - comment id 169342
อยากจะได้กำลังใจจากใครสักฅน แต่คงเป็นแค่สายฝนพรูพ่างผ่าน เป็นเธอได้ไหมที่ใจฉันต้องการ หากคือวันวานที่ไม่อาจกลับคืน ทุกกวีกานท์กลอนที่เพียรร้อย เพื่อหัวใจพร่ำเพ้อคอยต้องทนฝืน มีเพียงสายลมโอดครวญอย่างขมขื่น และกล้ำกลืนรอฝันแห่งวันเวลา independent
20 กันยายน 2546 23:02 น. - comment id 169364
กลับมาอ่านคำตอบอีกครั้ง สมกับเป็นผู้ที่เจริญ งอกงามในธรรมอย่างแท้จริงครับ การให้ธรรมะ ย่อมชนะการให้ทั้งปวง ขอบพระคุณพี่ดอกแก้วมากครับ ด้วยรักในมิ่งมิตรวงศ์วานบ้านเรือนไทยเสมอมา
21 กันยายน 2546 00:14 น. - comment id 169377
ถึงสุดหล้าฟ้าไกลใจไม่เปลี่ยน กาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปให้เธอรู้ ทุกคำร้อยถ้อยคำยังฝังอยู่ ยอดพธูคู่ใจไม่สั่นคลอน... **** =^-^=
21 กันยายน 2546 00:21 น. - comment id 169379
@...เรนน้อย... จะส่งกำลังใจทั้งที่เป็นกระแสจิต และเป็นวาจา ...เพื่อไปบอกว่า....ให้น้องเรนสมปรารถนาในสิ่งที่หมายทุกประการนะคะ ขอบคุณที่แวะมานะคะคนดีของพี่ดอกแก้ว อีกสักครู่จะตามไปอ่านงานของน้องเรนนะคะ ..รอแป๊บ.. นึง
21 กันยายน 2546 00:24 น. - comment id 169381
@...น้องจ๋า... อย่าหวั่นไหวไปเลยน้องน้อย พี่คนนี้ยังคอยห่วงเสมอ แม้ว่ายังมิได้พบเจอ แต่เธอก็คือคนที่แสนห่วงใย อยู่ไกลไม่อาจพบหน้า จึงมีวาจามอบให้ อย่าช่างคิดน้อยใจ จงก้าวต่อไป..แม้ไม่มีใครเคียงข้างสักคน แต่จะมีพี่ดอกแก้วเคียงข้างไปทุกที่นะคะน้องจ๋า..อย่าเหงา และอย่าร้าวรานก็ความทรงจำที่ฟุ่มเฟือย ขอบคุณที่แวะมานะคะ
21 กันยายน 2546 00:28 น. - comment id 169383
@...บุรุษแห่งสายน้ำ.. ขอบคุณมากค่ะที่กลับมาเยือนอีกครั้ง ขอให้สามารถวางใจอย่างสงบได้ในทุกสิ่ง และพบแต่ความสุขสมปรารถนาโดยเร็ววันนะคะ ด้วยความรักและระลึกในไมตรีจิตระหว่างมิตรที่มีต่อกันเสมอมาค่ะ
21 กันยายน 2546 00:30 น. - comment id 169384
@...เมจิคเชี่ยน.. มอบวจีแน่นหนักว่ารักมั่น จนกว่าสิ้นเธอฉันวันลาร้าง นอกจากนี้อย่าหมายมีความเลือนลาง ในมุมรักจักสว่างแก่สองเรา ดึกแล้ว..ยังอุตส่าห์แวะมา ขอบคุณมากค่ะ
21 กันยายน 2546 03:00 น. - comment id 169434
เพียรถักฝันวันหวานผ่านอักษร เป็นบทกลอนที่กลั่นกรองจากจิตฉัน เพียรถักร้อยถ้อยรักฝากจำนัน ให้เธอนั้นได้รับน้ำใจจากฉันทุกวันเวลา ***เป็นกลอนที่ไพเราะจังเลยค่ะ เลยแวะมารับกำลังใจซะเลย***
21 กันยายน 2546 04:53 น. - comment id 169476
มาแอบอ่านค่ะ
21 กันยายน 2546 22:38 น. - comment id 169622
@...ผู้หญิงไร้เงา... ถักทอฝันคนละด้านประสานผืน เพื่อหยัดยืนบนโลกใบสดใส เหล่าพี่น้องกรองฤดีคลี่สายใย แผ่น้ำใจรินหวังให้ยั่งยืน เอ้า..รับไปเลยน้องตูน..กำลังใจร้อนๆมาแล้วจ้า..
21 กันยายน 2546 22:40 น. - comment id 169623
@...tiki... วันนี้พูดน้อยจังเลย มาแอบอ่าน ..แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะน้องทิกิ ..สบายดีนะคะ..