สีน้ำตาลก้านแห้งแข็งกระด้าง ใบเขียวบางกลายกรอบรอบไร้สี กลีบดอกคล้ำกล้ำกลืนฝืนมาลี กลิ่นเคยมีหมดหอมให้ดอมดม เพียงเวลาผ่านมาไม่นานนัก ดอกไม้รัก....จากฤดีที่สุขสม ก็หมดสิ้นสีงามไม่น่าชม เหลือเพียงซากอารมณ์เคยสมใจ เกิดจากกาลเวลาพาเปลี่ยนแปลง จึงแสดงความจริงสิ่งควรไข เมื่อมีช่วงอ่อนหวานซ่านฤทัย ก็อาจมีช่วงใหม่ที่ขมทรวง จงตักตวงความดีนาทีทอง อย่านั่งมองทุกสิ่งอย่างแหนหวง ดุจมาลีมีค่าลดาดวง พริบตาร่วงหล่นสิ้นไร้อินทรีย์
11 กันยายน 2546 06:29 น. - comment id 166873
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=513 สายน้ำไม่ไหลกลับ วงศ์จันทร์ ไพโรจน์ : : Key Am สาย น้ำเชี่ยวโกรกไหล วกวนแล้วไหล ไป ไหลไปแล้วไม่กลับมา คิด เปรียบไปก็คล้ายเหมือนว่า รักเอยไม่คืนหวนมา จากลาไปยังหนใด คิด ถึงเมื่อก่อนเคย รักฉันเป็นสุขเอย ไหนเลยจึงต้องจากไกล คอย เฝ้าคอยคร่ำครวญหวนไห้ รักเอยจากไปแล้วไย จากไปเหมือนสายน้ำวัง ร้าง ไปร้างไกลสุดหวัง ล่องลอยไปไกลเหมือนดัง สู่วังแม่เอยสายชล ฉัน สิยังคร่ำครวญเพ้อบ่น ไหว้วอนให้สายน้ำวน ช่วยดลให้รักฉันคืน เขา คงไม่กลับมา หัวใจพร่ำเพรียกหา น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน นอนหลับตาต้องผวาตื่น สายน้ำไม่เคยไหลคืน ไม่คืนเสียแล้วรักเอย เขา คงไม่กลับมา หัวใจพร่ำเพรียกหา น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน นอนหลับตาต้องผวาตื่น สายน้ำไม่เคยไหลคืน ไม่คืนเสียแล้วรักเอย คงไม่คืนเสียแล้วรักเอย...
11 กันยายน 2546 08:20 น. - comment id 166893
ขมและหวาน ล้วนพานพบ ประสบฉัน มารำพัน ความจริง สิ่งรักษา ความหวานคลาย ง่ายจัง พลั้งพลาดมา ขมนั้นหนา เพื่อนแสนดี ที่ไม่เชิญ
11 กันยายน 2546 08:51 น. - comment id 166899
อนิจจังชีวิต... พูดอีกก็ถูกอีกอ่ะแหละคับ ชีวิตก็แค่นี้เอง.. แต่งได้ดีมากคร๊าบผม.. ^_^
11 กันยายน 2546 10:45 น. - comment id 166918
หลักธรรมชาติเราบังอาจมองไม่เห็น ไม่เห็นเช่นไม่เห็นชาติวาดเอาไว้ หลับตาพริ้มบิดเบือนตามความนัย พอคิดได้สัจธรรมล้ำมาแล้ว เราจึงทุกข์จึงเศร้าไม่เข้าใจ เหตุไฉนจึงร่วงเหตุใดแผ่ว มิใช่หรือหลักความจริงที่คงแนว สำนึกแล้วน้อมน้ำเข้าสั่งใจ พี่ดอกแก้วครับ บทกวีที่มากมายด้วยหลักธรรมบ่มแฝงไว้อย่างน่าอัศจรรย์นั้น ผมยกให้พี่นะครับ ในบ้านรือนไทยหลังนี้ไม่มีใครเทียบพี่ดอกแก้วอีกแล้วครับ
11 กันยายน 2546 12:10 น. - comment id 166947
แม้ฤดีเหี่ยวเฉาให้หมองจิต เหมือนฅนผิดบาปหนาระอาศัลย์ ให้ร่วงโรยลงดินถูกคะยั้น ด้วยโทษทันจากสวรรค์ชีวาลัย
11 กันยายน 2546 22:14 น. - comment id 167081
กาลเวลาเปลี่ยนแปลงยังแหนงจิต เมื่อต้องไร้คู่เคียงชิดเคยฝันหา เหมือนก่อนเก่าเรามีเขาใกล้กายา แต่ตอนนี้เขาหนามาลาไกล ***เป็นกลอนที่สื่อความหมายได้ดีมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ***
11 กันยายน 2546 22:45 น. - comment id 167110
@...น้องพุดที่รักคะ.. เป็นไปตามบทเพลงที่นำมาฝากไว้ แม้นจะเป็นเพลงที่พ้นสมัยแต่ความหมายก็ไม่เคยพ้นไปจากใจที่ซึมซับนะคะ ขอบคุณมากค่ะน้องรัก
11 กันยายน 2546 22:50 น. - comment id 167115
@...ชัยชนะ... มีสองรสสองอย่างทางชีวิต ทั้งถูกผิดสมหวังและผิดหวัง มีโอกาสหมดโอกาสพินาศพัง จะหมายยังสิ่งใดให้ตรองการณ์
11 กันยายน 2546 22:55 น. - comment id 167118
@...รักคุณคับ.. ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาชมบทกวีลักษณะนี้ ดีใจมากค่ะทีแวะมา
11 กันยายน 2546 23:01 น. - comment id 167123
@...บุรุษแห่งสายน้ำ.. ลำดับแรกต้องแจกใจให้ทราบชัด เพื่อฝึกหัดตรองธรรมนำความหมาย กระเทาะเปลือกเลือกแก่นอย่าคืนคาย เรียนความจริงสิ่งไม่ตายในบทธรรม ...เป็นธรรมดาค่ะบุรุษแห่งสายน้ำ..ที่คนเรามักจะพร่ามัวในสายตา ..ก็เพราะขาดปัญญากันเป็นส่วนมาก ..หากมีสายตามที่สดใสแล้วใจก็จะสุขได้โดยใช้แว่นธรรมค่ะ ....ขอบคุณในกำลังใจที่มอบให้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
11 กันยายน 2546 23:07 น. - comment id 167129
@...น้องจ๋า.. ยังมีช่วงต่อไปในชีวิต ให้ลิขิตความงามตามใจฝัน สิ่งที่เฉาไปแล้วก็ช่างมัน ยังมีวันปลูกขึ้นใหม่ให้งดงาม สวัสดีค่ะน้องจ๋า ..อย่าเฉานักนะคะ
11 กันยายน 2546 23:09 น. - comment id 167131
@...ผู้หญิงไร้เงา.. ก่อนจะพบก็คือเดี่ยวที่เปลี่ยวจิต เมื่อพบมิตรจิตก็ข้องไม่ผ่องใส ครั้นมิตรพรากจากลาไปแสนไกล ก็เปลี่ยวใจเหมือนเดิมรอเติมคำ ..อ่ะอ่ะ น้องตูน..คิดถึงใครอยู่เหรอคะ