สตรีหนึ่ง บกพร่อง สองแขนขาด น่าอนาถ ย่ำแย่ แต่กำเนิด เธอกลับมี เจตนา น่าทูนเทิด จิตประเสริฐ เลิศล้ำ มุ่งทำกิน ใช้เท้าคีบ พู่กัน บรรจงวาด เปี่ยมสามารถ เนรมิต วิจิตรศิลป์ ระบายภาพ ล้นหลาม งามโศภิน ทุ่มชีวิน ฝึกฝน จนชำนาญ ไม่น้อยอก น้อยใจ ในข้อด้อย ไม่สำออย คอยให้ ใครสงสาร รู้เตือนตน พึ่งตน ดลบันดาล แม้พิการ มิพ้อ ต่อลำเค็ญ จิตรกร วิบาก พึ่งปากเท้า นั้นเป็นเงา สะท้อน ย้อนให้เห็น กายพร้อมพรัก อย่างไร ใช่ประเด็น หากบำเพ็ญ หน้าที่ มิดีพอ คนมือเท้า ครบถ้วน เที่ยวครวญคร่ำ งานไม่ทำ ขี้คร้าน หาญแต่ขอ หนักมิเอา เบามิสู้ อยู่เพื่อรอ อับอายบ้าง ไม่หนอ แขนก็มี ขอขอบคุณภาพจากinterne
9 พฤศจิกายน 2555 18:28 น. - comment id 1250655
ยอดเยี่ยมค่ะ ขอคารวะเธอด้วยใจจริง ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน คนที่อาการครบ 32 แต่ไม่อยากทำงาน ควรดูคนพิการไว้เป็นตัวอย่างค่ะ
9 พฤศจิกายน 2555 18:42 น. - comment id 1250656
ที่ใช้ปากคาบพู่กันวาดก็มีหลายท่านครับ ซ้ำวาดได้สวย งามมากครับ
9 พฤศจิกายน 2555 20:40 น. - comment id 1250663
ธรรมชาติ ก็สร้างสิ่งพิเศษให้คนพิเศษเสมอ
9 พฤศจิกายน 2555 20:59 น. - comment id 1250673
มีสิ่งพิเศษก็ต้องมุ่งไขว่คว้าด้วยครับจึงจะเกิดผลดีครับ
10 พฤศจิกายน 2555 07:36 น. - comment id 1250682
ขอเห็นต่างสักนิดใช่คิดมาก ทุกท่านอยากจะดีอยากมีหน้า ติดอยู่ที่เวรกรรมท่านนำพา วาสนา จึงต่างอย่าง สิ้นเชิง
10 พฤศจิกายน 2555 09:09 น. - comment id 1250691
นึกถึงน้องคนหนึ่ง ผู้ใช้เท้าแทนมือ น่าเห็นใจนะคะ เธอป่วยบ่อย เข้าเรียนได้ไม่ทันเพื่อน ทั้งที่เธอขยัน เธอก็ยังได้คะแนนไม่ดี ภาวนาให้เธอแข็งแรงค่ะ
10 พฤศจิกายน 2555 09:31 น. - comment id 1250692
พี่พร้อม เรื่องของเวร กรรมเก่า ที่เราสร้าง อาจคั่งค้าง ตามติด ชีวิตได้ เหมือนเป็นหนี้ ก่ายกอง ต้องคืนไป ต้องทำใจ ยอมรับ กับผลกรรม
10 พฤศจิกายน 2555 09:34 น. - comment id 1250693
คุณเพียงพลิ้ว คนด้อยโอกาสมีมากครับ ผู้ที่มีโอกาสดีกว่าควรหยิบยื่น น้ำใจปันให้บ้างครับ ผมก็ทำบ้างเหมือนกันครับ
10 พฤศจิกายน 2555 18:18 น. - comment id 1250716
สัจธรรม..เมื่อมีส่วนที่ขาด ก็ต้องมีสิ่งทดแทน ..คนจนต้องดิ้นรนต่อสู้ ..คนรวยใช้ทรัพย์สินเก่าของบรรพบุรุษ กำไม่แบ.. กรรมบันดาล.. .. ..
10 พฤศจิกายน 2555 18:43 น. - comment id 1250717
อาซ้อโชคดีมากครับ มีทุกอย่างพร้อมมูลสุขสบายกว่า คนอีกจำนวนมาก สงสัยชาติก่อนสร้างบุญกุศลไว้มาก ชาตินี้เลยสุขสบาย อาเฮียว่าจะโทรไปยืมตังค์หลายที แต่เกรงใจครับ
10 พฤศจิกายน 2555 20:40 น. - comment id 1250720
ณ ขณะนี้ เหลือตัวกับหัวใจ ที่นาไว้ปลูกข้าวทานอีก 500ไร่ สวนยางพารา สวนปล์ม ผลไม้ทุกชนิดมีในสวน วันๆไม่ได้ใช้ตังค์เลยสักบาท ไปไหนมีคนจ่ายให้ไม่ได้ถือตังค์ เป็นชาวเกาะพี่บัวทูนเจ้าค่ะ ถ้าอาเฮียอากได้ตังค์ก็มาเอายางพาราเอา ปาล์มเอาข้าวไปขายเอาเถิดเจ้าค่ะ .. ..
11 พฤศจิกายน 2555 10:27 น. - comment id 1250738
เสียดายจัง เฮียทำนาไม่เป็น กรีดยางก็ไม่เคย ถางดินก็ ไม่ถนัด วันๆได้แต่วิ่งเปียแชร์อย่างเดียว เลยหมดสิทธิ์ ตกถังข้าวสาร เฮ้อ..คิดแล้วเสียดายจัง
11 พฤศจิกายน 2555 22:59 น. - comment id 1250768
อาจจะเป็นอดีตชาติของท่านนะ.. ที่สั่งสมจนมาเป็น ..กวีขุนสุนทรวิทย์ ! ในภพภูมิปัจจุบัน (..อาจจะ แค่นั้นนะ ท่าน )
12 พฤศจิกายน 2555 11:47 น. - comment id 1250777
ตั้งแต่ผมเริ่มฝึกหัดเขียนกลอนตอนมัธยม ต้นถึงตอนนี้กว่าสี่สิบปีแล้วครับ ไม่เคยคิด ว่าตัวเองเขียนกลอนเก่งกาจอะไรเลยครับ ผมรู้ตัวดีว่ายังอ่อนด้อยมาก ไม่กล้ารับคำว่า กวีหรอกครับ ขอคืนให้คุณศรีสมภพดีกว่าครับ ขอตั้งให้เลยครับว่า "ผู้สืบสานงานกวีศรีสมภพ" ดีไหมครับ พร้อมกันนี้ผมขอลงกาพย์เก่าเกี่ยวกับงานกวีไว้หน่อยครับ บทกวีควรมีชีวิต อักษร สุนทรศรี บทกวี ที่วิจิตร ยามจะ เนรมิต พึงประสิทธิ์ ชีวิตไว้ ดวงมาน ผสานศัพท์ ยามขานขับ จับต้องได้ ภาพพจน์ จรสไกล จาระไน ให้อารมณ์ ลีลา เคลือบวาทะ ปรุงทักษะ จับผสม คำเปรียบ จงเฉียบคม วโรดม งามกลมกลืน จำนง บรรจงวาด แทรกโอวาท ศิลป์ศาสตร์ดื่น สร้างสรรค์ ฟังครั่นครืน รวมหวาน,ขื่น เป็นผืนเดียว สัมผัส คัดเข้มงวด หมั่นสำรวจ ตรวจเฉลียว วรรณยุกต์ ทุกร่องเกลียว ควรยึดเหนี่ยว เคี่ยวพะพิง ร้อยกรอง ต้องเคลื่อนไหว มีหัวใจ ไม่อยู่นิ่ง อ่านง่าย คล้ายเรื่องจริง เสนาะยิ่ง จึงพริ้งพราย
12 พฤศจิกายน 2555 11:49 น. - comment id 1250778
ขออภัยที่เรียงบรรทัดผิดพลาดอีกแล้วครับ
12 พฤศจิกายน 2555 12:10 น. - comment id 1250783
12 พฤศจิกายน 2555 12:21 น. - comment id 1250784
14 พฤศจิกายน 2555 07:05 น. - comment id 1250886
ทารกน้อย.. ด้อยเดียงสากว่าจะเติบ ยังกำเริบเสิบสานอยากขานขับ ลำพังเพียงเสียงอุแว้เหลือแลรับ ไม่ได้ศัพท์ ไม่ได้เสียงสำเนียงเสนาะ ถวิลหวังตั้งใจกระไรหนา ด้อยภาษาไร้คารมที่บ่มเพาะ เศษธุลีขี้เล็บท่านนั้นคงเหมาะ คงแค่เกาะตะกายฝันตะบันตะแบง ขอบคุณท่านสุนทรวิทย์ ที่อุตส่ากัดฟันชม..
14 พฤศจิกายน 2555 08:53 น. - comment id 1250890
ยิ่งศึกษาวรรณกรรมเท่าไร เราจะรู้สึกว่าตนเองห่างไกล คำว่ากวี ยิ่งขึ้นทุกที เนื่องจากเราจะพบเห็นผู้มีความรู้ ความสามารถอีกหลากหลายที่มีความเชี่ยวชาญแตก ต่างกันไป สิ่งสำคัญที่เป็นความเห็นส่วนตัวคือ จะจมอยู่ กับตำราไม่ได้ เราต้องกล้าเขียนกล้าฉีกแนว ร้อยกรอง จึงจะมีชีวิตไม่จมอยู่กับที่ มีคนมากมายที่ถือความเห็นตน เป็นสำคัญ ไม่ยอมรับกับความเปลี่ยนแปลง ร้อยกรองก็ จะน่าเบื่อเขียนจำเจอยู่อย่างเดิม แต่คนที่กล้าเปลี่ยน แปลงก็มักจะต้องเจ็บตัวโดนตำหนิบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ ครับ คนมาเขียนร้อยกรอง ทุกคนต่างรักภาษาทั้งสิ้น เพียงแต่ความคิดเห็นอาจต่างกันบ้าง ที่เขียนมายืดยาวไม่ใช่จะสอนจรเข้ให้ว่ายน้ำนะครับ เพียงแต่ผมโดนวิจารณ์บ่อยทั้งบวกและลบ บางทีก็อยาก แจกแจงเหตุผลบ้างครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยเขียนกลอน เพราะเบื่อเวลาคนไม่เข้าใจ เพราะคนยึดมั่นถือมั่นกับ แนวเดิมๆก็มีมาก ย่อมกลัวว่าภาษาจะเสียหาย แต่ทุกอย่างมีบวกมีลบทั้งนั้น การเขียนกลอนตลกทำให้มีคน รักกลอนขึ้นมาอีกไม่น้อยเหมือนกันครับ ่