เฝ้าวนเวียนทำนามาชั่วชีวิต เพราะว่าติดหนี้สินที่ดินเขา ทำพอได้กินไปโอ้ตัวเรา พอได้ข้าวแบ่งใช้หนี้ไม่มีกิน ทั้งค่าปุ๋ยค่ายาค่าเช่านา หลายอย่างหนาหาไม่พอจ่ายหนี้สิน พอทำไปหวังจะได้เพลี้ยมากิน ต้องมาสิ้นเงินซื้ยามาฉีดมัน ฝนไม่ตกน้ำแล้งข้าวแห้งเหลือง ต้องขุ่นเคืองแย่งน้ำมาเข้านาฉัน หอยเชอรี่มาระบาทต้องฆ่ามัน บางคืนนั้นนกหนูนามากัดกิน ทนตากแดดถางหญ้าคันนาไร่ ซื้อฉีดไปยาฆ่าหญ้าพาหนี้สิน กว่าจะได้เป็นเม็ดข้าวมาเก็บกิน ค่าที่ดินหักค่าเช่าเอาแบ่งไป ขายข้าวเปลือกถูกกว่าซื้อข้าวสาร ทนทำนานครั้งเมื่อหว่านยันลากไถ เป็นอาชีพของพ่อแม่ปู่ย่าให้ ทนทำไปหวังพอได้ข้าวไว้กิน พอโรงเรียนเปิดเทอมเริ่มปวดหมอง มีข้าวของเอาไปฝากมากหนี้สิน ทำเท่าไหร่ไม่พอจ่ายดอกเบี้ยกิน ก็ต้องดิ้นต้องสู้ทนดิ้นรนไป /font>
8 เมษายน 2553 00:36 น. - comment id 1119491
มาเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะคะ อยากกลับไปทำนาเหมือนกันค่ะ เป็นอาชีพของบรรพบุรุษที่เราควรรักษาไว้ให้รุ่นลุกหลานต่อไป ปีนี้มีผู้ใหญ่บ้านรับทำนาให้ แล้วแบ่งข้าวกันค่ะ เขาได้สองส่วน เราได้หนึ่งส่วน เขาออกค่าปุ๋ย ดูแลทุกอย่าง ที่นาของอนงค์นางเป็นนาลุ่ม มีน้ำขัง เวลาฝนตก ต้องทำนาหว่าน ถึงจะได้ผลกว่าทำนาดำ ที่ของบางคนเป็นนาโคก ต้องทำนาดำ ต้องคอยถอนหญ้าอยู่เสมอ ตอนนี้กำลังศึกษาวิธีทำนาอย่างไรให้ได้ผลผลิตดี ไม่ขาดทุน จะใช้วิธีทำไร่นาสวนผสมหรือไม่ในอนาคต ก็ยังไม่แน่ใจค่ะ ถ้าขาดทุน เราต้องหาอาชีพเสริม ทำในหน้าแล้ง เช่นทอผ้าไหม ขายอาหาร ทำขนมขาย พ่อแม่เคยพาทำตั้งแต่เป็นเด็ก เลยชอบค้าขายค่ะ อย่าเพิ่งท้อแท้เลยนะคะ หนี้สินนั้นมีกันแทบทุกบ้าน ถ้าเราไม่ยอมแพ้ สักวันชัยชนะต้องเป็นของเรานะคะ อยู่เมืองนอกยิ่งลำบากกว่าหลายเท่า ต้องขยัน และอดทนเท่านั้นจึงจะอยู่รอด อยู่บ้านเราจะลำบากยากดีมีจนอย่างไร ยังโชคดีกว่ามากค่ะ กำลังใจสำคัญที่สุดค่ะ
8 เมษายน 2553 09:26 น. - comment id 1119495
น้องม่านแก้วค่ะ พี่สาวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง ไม่มีสี่ค่ะ เรื่องข้าวปลอมนั้นเจอมานานแล้วค่ะ จนจำไม่ได้ว่ายุคไหน เพราะการเมืองบ้านเรา เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
8 เมษายน 2553 11:30 น. - comment id 1119569
ท้อได้..แต่อย่าถอยน่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ..
8 เมษายน 2553 11:32 น. - comment id 1119570
เลี้ยงกบและเพาะเห็ด เป็นรายได้เสริมที่ดีเลยค่ะ ที่บ้านทำอยู่ค่ะน้องชาย
8 เมษายน 2553 12:04 น. - comment id 1119599
แวะมาเป็นกำลังใจให้พี่ชายครับ พอเพียงต้องพอเพียงทุกฅนไม่ว่าจะชาวนาหรือใคร ชาวนาโชคดีมีที่ดินเป็นทุน การปลูกพืชหมุนเวียน ไร่นาสวนผสม เกษตรอินทรีย์ รีสอร์ทอนุรักษ์ธรรมชาติ น่าจะจับมาเกี่ยวพันกันได้ครับพี่
8 เมษายน 2553 14:34 น. - comment id 1119645
อีกไม่กี่ปีต่อไปจะหาข้าวกินยากเสียแล้ว ทั้งๆ ที่เมืองเรา ก่อนเป็นการส่งข้าวอันดับหนึ่ง แต่ เดี๋ยวนี้ตกอันดับไปแล้ว ต่อไปจะหาข้าวกินยากนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
8 เมษายน 2553 14:15 น. - comment id 1119667
คุณป๋องฯ ทำนามีหนี้สินมากมายเลิกทำนาดีกว่า ไปทำไรกันเหอะ หนี้สินจะได้พอกพูนขึ้นทันตาเห็น ..แหะ แหะ
8 เมษายน 2553 16:35 น. - comment id 1119681
ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติใช่ป่ะคะ
8 เมษายน 2553 09:20 น. - comment id 1119715
บทนี้ สะท้อนภาพแห่งแผ่นดินได้ดีเลยนะป๋อง ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะ ยังมีชาวนาไทย อีกมาก ที่ต้องอยู่ใน วงวัฏ ของการ กู้-ยืม...เก็บเกี่ยว...ใช้หนี้...ไม่พอ แล้ว กู้-ยืม...เก็บเกี่ยว...ใช้หนี้....ไม่พอ แล้ว กู้-ยืม...เก็บเกี่ยว...ใช้หนี้....ไม่พอ .. อะไรคือ คำตอบ ณ.วันนี้ ผมว่าวิถีแบบที่ ตุ๊หล่าง ลงมือทำ นั่นแหละคือคำตอบ.... สำหรับผมแล้ว ตุ๊หล่าง คือ ปราชญ์ผู้อยู่บนเงื้อมเงาของแผ่นดิน โดยแท้
8 เมษายน 2553 07:30 น. - comment id 1119718
หวัดดีค่ะพี่ป๋อง ม่านแก้วก์ทำนาค่ะแต่เป็นนาปี สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเป็นเกษตรกรคือต้องหนีให้ไกล ธกส. ดอกเบี้ยโหดร้ายมาก ร้อยละสิบ กู้มาร้อบบาทจ่ายปีแรกสิบบาทเหลือใช้เก้าสิบบาท แถมมีข้อเสนอให้พักชำระเงินต้นต่ออีกสามปี แต่ในช่วงพักหนี้ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละสิบต่ออีกสามปี รวมกับปีแรกก็เป็นสี่ปี หนึ่งร้อยบาท จ่ายดอกให้ ธกส. ไปแล้วสี่สิบบาท เหลือได้ใช้หกสิบบาท เงินต้นยังคงอยู่ หลังจากนั้นก็ส่งใช้งวดแรก ปีต่อไปถึงได้ลดดอกเบี้ยลงอีหนึ่งบาท เพราะนั้นถ้าระยะเวลาส่งใช้ยาว ใครที่กู้ ธกส. แสนหนึ่ง อาจได้ใช้จ่ายจริงๆแค่สองหมื่น ที่เหลืออีกแปดหมื่นส่งคืน ธกส. นี่ไม่รวมเงินกู้นอกระบบ เกษตรกรไทยในระดับชาวบ้านจึงเป็นเช่นนี้แล...
8 เมษายน 2553 08:20 น. - comment id 1119725
น้องม่านแก้ว พี่สาวอยู่ที่นี่ ซื้อข้าวหอมมะลิไทยถุงละเกือบยี่สิบเหรียญ ต้องดุยี่ห้อด้วยนะคะ บางยี่ห้อติดป้ายว่าเป็นข้าวหอมมะลิ แต่กินแล้วไม่ใช่ เหมือนหลอกผู้บริโภคชาวต่างชาติ ตอนนี้ข้าวจากเวียดนามเป็นคุ่แข่งของไทยแล้วนะคะ ถ้าภาครัฐยังไม่มีการช่วยชาวนาอย่างจริงจัง ไม่นานชาวนาเราคงแย่มากกว่านี้
8 เมษายน 2553 08:45 น. - comment id 1119798
หวัดดีค่ะพี่สาว ว้า...แย่จริงมีการย้อมแมว เอ๊ย...ลวงฝรั่งอีกด้วย..แย่จังนะคะ..อีกหน่อย ก็ไม่มีใครซื้อข้าวไทยอ่ะดิ รัฐบาลก็เหอะมะเห็นเป็นเรื่องเป็นราวเลย (งานจะเข้ามั้ยเนี่ย..) หาแต่หนี้ให้เกษตรกร ยิ่งช่วงนี้เค้าคิดแต่ เรื่อง สี ทีเรื่อง ศรี ล่ะม่ายคิดถึง เนาะ อิอิ พี่ป๋อง สบายดีนะคระ
8 เมษายน 2553 08:49 น. - comment id 1119799
พี่ป๋อง....สวัสดีค่ะ... เมื่อก่อนที่นาทั้งหมดที่บ้านจะปลูกข้าวค่ะ แต่พอมาเจอราคาที่เขามาซื้อข้าวเปลือกเราไม่ไหวค่ะ ทั้งจะค่ายาค่าปุ๋ย หักลบและแทบไม่เหลือ เลยแบ่งที่นาบางส่วนมาปลูกผักบุ้งเสริมรายได้ค่ะ ยกทำเป็นล่อง หลังจากทอดยอดแล้ว จะเก็บได้ทุกอาทิตย์หักค่าแรงงานยังพอมีเหลือค่ะ ถ้ารอแต่ข้าวอย่างเดียว คงไม่ไหวค่ะ แต่ก็ยังปลูกข้าวเอาไว้กินคะ เพราะอาชีพนี้ต้องสืบสานทำต่อไปค่ะ
8 เมษายน 2553 10:09 น. - comment id 1119818
ชีวิตเรามีขาขั้นขาลง ชาวนา คือผู้หล่อเลี้ยงโลก เหงื่อทุกหยด เลือดมือทุกคมเคียวบาด ล้วนไหลเลี้ยงข้าว เติบขึ้นเป็นข้าวเปลือก ให้ผุ้คนได้หุงกิน สู้ๆต่อไปครับ ลมแรงที่พัดต้าน ทุกการผ่านเกลียวม่านลม สูดหมอกจนบอดโทรม และสูดลมจนปวดบวม สองขายังกล้าแกร่ง แม้ยับแรงลมซะน่วม ทุกคำและทุกความ ที่ตอกย้ำในสายลม ยัดยืนด้วยลำแข้ง ฝนหรือแล้งหวานหรือขม สู้ฟ้าสู้หน้าก้ม สู้ชีวิตด้วยแรงใจ ขึ้นลงไม่คงที่ จะต้องมีสิวันใหม่ วันงามความเป็นไป วันยิ้มใสอวดฟันงาม
8 เมษายน 2553 21:31 น. - comment id 1119865
ขอบคุณพี่น้องมิตรสหายทุกท่านที่แวะเวียนมาติชมผลงานของผมนะครับ ให้มีความสุขกันทุกท่านนะครับ ก็เขียนเรื่องราวไกล้ตัวที่ได้เห็นมา ตั้งแต่เด็กอาจจะไม่ถูกต้อง 100% ก็ต้องขออภัยชาวนาด้วยนะครับ บางคนอยาจจะทำแล้วรวยก็มีครับ ไม่ต้องไปเช่าที่ดินเขาทำกินก็ไม่ต้องแบ่งใคร รวยอยู่แล้วไม่เดือดร้อน เรื่องเงินทองไม่ต้องไปกู้ยืม ให้ดอกเบี้ยกิน ให้มีความสุขทุกท่านนะครับ
9 เมษายน 2553 10:24 น. - comment id 1119960
มองเห็นภาพที่คุณเขียนเลยค่ะ... พิมเป็นลูกชาวนาที่มี ที่นาเป็นของตัวเองนิดนึง ก็ให้พี่น้องทำกันไป ไม่เคยรับค่าเช่า ชาวนาลำบากค่ะ มีที่นาของตัวเอง ยังไม่ค่อยรอด ถ้าต้องเช่าทำนา ก็คงแค่พอกินจริงๆ เข้าใจ เห็นใจค่ะ และนี่คือเหตุผลที่...ไม่ดำเนินรอยตามบรรพบุรุษค่ะ
9 เมษายน 2553 20:10 น. - comment id 1120034