............. . ฟ้าคล้ำครามเหลืองรายระบายสี ดังลับลี้ลึกล่วงสู่ห้วงฝัน ดินแดนใดซ่อนบังหลังตาวัน ที่ผุดพลันขึ้นมาในราตรี . ดวงตะวันสาดแดงดูแรงร้อน ลับเหลี่ยมสิงขร ณ ตอนนี้ เหมือนจะบอกเรื่องราวคราวเคยมี คงก่อนที่คืนอีกครั้งหลังรุ่งราง . หมู่แมกไม้ยืนซึมเซาเหงาเงียบเงียบ สายไฟเลียบโยงหย่อนคล้อยพาดห้อยขวาง ฟ้าเริ่มมืดชืดเย็นไม่เห็นทาง ไฟเริ่มพร่างสาดแสงขับแต่งเติม . ดาวบางดวงมาเกี่ยวนิ่งกลางกิ่งฟ้า รอเวลาหมู่ดาวพราวแสงเสริม เหมือนผู้กล้าที่ย่ำถางต่อทางเดิม ก่อนจะเพิ่มเพื่อนร่วมทางอย่างที่เป็น . ฟ้าคล้ำครามเหลืองรายระบายสี ดังลับลี้ลึกล้ำตามที่เห็น เมื่อราตรีดาวพร่างกลางแสงเพ็ญ สดใสเย็นย้ำใจกล้า...ให้ฝ่าเดิน . .............
23 เมษายน 2552 18:17 น. - comment id 976140
เลือกเดินดำเนินล่วง สู่แดนดวงสวรรค์นา เงียบงามเกินใดค่า วันที่ฟ้าเป็นสีทอง...! ..................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem83971.html ราตรีฟ้าสีทองผ่องแผ่นดิน http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem82614.html เดือนดวงไม้
23 เมษายน 2552 19:00 น. - comment id 976145
ขอบคุณครับคุณพุด ที่มาเยี่ยม บ้าน ครับ ได้ไปเยี่ยมชม อ่านบทลำนำ ทั้งสองแล้ว งามมากมายเลย ครับ ได้เขียนเม้นท์ ฝากไว้ แล้ว ณ ที่นั้น ตามอารมณ์ ความรู้สึก ตามที่ได้สดับ สิ่งงดงาม ตามที่ประจักษ์แก่ ตาและ ใจ ครับ ขอบคุณที่ให้เกียรติชักชวน ให้ไปชม ครับ
23 เมษายน 2552 22:13 น. - comment id 976220
กลอนยอดเยี่ยม ฝีมือแบบนักกลอนเขียนกลอนแท้ๆ นับถือค่ะ
23 เมษายน 2552 22:20 น. - comment id 976224
คิดถึงเพลงนี้เลยค่ะ..เวลาออกค่าย.. เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาค่ะ.. ประวัติศาสตร์ อาจมี ในหลายด้าน แต่คนที่ทำงาน ไม่เคย จะเอ่ยออกนาม คนที่แบกหามลุยน้ำลุยโคลน คนที่สรรสร้าง จากป่าเป็นเมืองรุ่งเรืองงามเพียงเวียงวัง ด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ของคนทำทาง ถางทาง ตั้งต้น ให้คนต่อไป จากป่าเปลี่ยว เที่ยวไป ในทุกถิ่น ดังโบกโบยบิน พื้นดิน เป็นถิ่นอาศัย หนาวเหน็บเจ็บใจ ภัยร้ายนานา ชีวาว้าเหว่ เช้าค่ำจำเจ เร่ไป ให้คนเดินตาม ทุกย่างเท้าเขา เหมือนเงา เลือนลาง ฝังนาม ฝังร่าง อยู่กลาง แผ่นดิน ฯ.
23 เมษายน 2552 23:24 น. - comment id 976249
สวัสดีงามๆยามราตรีเจ้า อ่านแล้ว พูดได้คำเดียวว่า "เยี่ยม" เจ้า
23 เมษายน 2552 23:40 น. - comment id 976256
เพราะ..สง่างามตามกลอนไทย.. สวยงามในความหมาย.. ผมก้อไม่ใช่เซียนกลอนนะครับ แต่อ่านแล้วเพราะมาก ตรงกับอารมณ์ด้วยมั้งครับ ขอบคุณมากครับ คุณ คนกุลา
23 เมษายน 2552 23:35 น. - comment id 976259
งามแท้ๆ .. ดาวบางดวงมาเกี่ยวนิ่งกลางกิ่งฟ้า รอเวลาหมู่ดาวพราวแสงเสริม เหมือนผู้กล้าที่ย่ำถางต่อทางเดิม ก่อนจะเพิ่มเพื่อนร่วมทางอย่างที่เป็น .. ชอบอะ
24 เมษายน 2552 07:49 น. - comment id 976312
ขอบคุณ ที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจ ครับ ในฐานะคนใหม่ มือใหม่ ก็ขอฝากตัว ด้วยนะ ครับ คุณกันนา ....................
24 เมษายน 2552 07:54 น. - comment id 976314
ตอนนั่งเขียน บางเสี้ยวก็ได้ความคิด และแรงบันดาลใจ จากเพลงนี้ เช่นกัน ครับ . แบบนี้เขาเรียกว่า อ่านได้ทะลุจอ ทะลุใจ หรือเปล่า ครับ นับถือ ครับ ขอบคุณ ที่มาเยี่ยมเยียนกันนะครับ ครูพิม .................
24 เมษายน 2552 07:56 น. - comment id 976317
คุณ ม่านดอย ครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียน ครับ เข้าไปอ่าน อำลา อาลัย มาแล้วใจหาย ครับ ...............
24 เมษายน 2552 08:04 น. - comment id 976318
คุณ พอ ครับ ขอบคุณครับ ที่มาให้กำลังใจ เพราะ . แรงขับฝันของกวีแม้ที่ไหน นอกจากเพื่อหัวใจได้สุขสม ก็เพื่อใครหากได้ผ่านมาอ่านชม เหมือนประพรมน้ำมนต์ใจ..ให้มีพลัง .........
24 เมษายน 2552 08:13 น. - comment id 976320
ขอบคุณ ที่มาเยี่ยมเยียน ครับ คุณ แขม่วแมน . คนกุลาเขียนกลอนเพื่อผ่อนพัก และใจรักการขีดเขียนเพียรสะสม และหากถ้าถูกใจใครนิยม ต้องชื่นชมบรมกลอน..สุนทรครู ................
24 เมษายน 2552 09:47 น. - comment id 976379
กระซิบกับเจ้าดวงดอกไม้ กับสายลมใบไม้ไหว กับเสียงเต้นในดวงใจ ว่าสิ่งใดเล่ายั่งยืนนิรันดร์ เลือกโลกภายในใสว่าง สว่างพร่างพรายปิติขวัญ บุญเบิกบานใจปัจจุบัน อดีตผันอนาคตไกล..อย่าไปกังวล... มาทักทายยามเช้าค่ะ นั่งดู*ลมพัดใบไม้ไหว* ทำให้อยากบอกใครสักคน...
24 เมษายน 2552 10:25 น. - comment id 976405
ทั้งไพเราะและงดงามค่ะ เยี่ยมจริงๆ
24 เมษายน 2552 11:10 น. - comment id 976441
สวัสดีค่ะ เขียนได้ยอดเยี่ยมดีจังเลยค่ะ
24 เมษายน 2552 12:11 น. - comment id 976465
ลมพัดกวัดไกว ใบไม้ไหวทั้งทิว แท้ที่จริงลมปลิว หรือใจพลิ้วแน่นา . ขอบคุณที่มาบอก ความงามในใจ ครับ คุณพุด ...
24 เมษายน 2552 12:13 น. - comment id 976467
ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจ ครับ คุณ นรสิริ .
24 เมษายน 2552 12:14 น. - comment id 976470
ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกัน ครับ คุณ somebody ครับ
24 เมษายน 2552 13:11 น. - comment id 976505
ผู้บุกเบิกย่อมฝ่าฟันอุปสรรคมากกว่าผู้มาทีหลังใช่ไหมคะ
24 เมษายน 2552 16:49 น. - comment id 976660
สงสัยชอบเดินกลางคืน....
24 เมษายน 2552 17:16 น. - comment id 976685
ผู้บุกเบิก ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร จึงทำให้จิตใจทั้งหวั่นไหวและแข็งแกร่งไปในคราวเดียว เวลากลางคืนมืดๆเวลาเห็นต้นไม้ใบหญ้าแกว่งไกวก็ต๊กกะใจเป็นกระต่ายตื่นตูมแล้วล่ะค่ะ...แหะ
24 เมษายน 2552 17:31 น. - comment id 976705
คงเป็นอย่างนั้นมั๊ง ครับ คุณ เพียงพลิ้ว ขอบคุณ ที่มาเยี่ยม เยียน นะครับ ... ชอบภาพที่นำมาแจม ครับ ....
24 เมษายน 2552 17:34 น. - comment id 976709
สวัสดี ครับคุณโคลอน . เป็นมุมมองที่ดี ครับ แถมด้วยอารมณ์ขัน ก็ผู้บุกเบิกก็กลัวผี..เป็นเหมือนกันนี่ ครับ . ขอบคุณที่มาเยี่ยม นะ ครับ .
24 เมษายน 2552 19:52 น. - comment id 976814
การบุกเบิกหนทางเพื่อสร้างสวรรค์ เหมือนตะวันส่องแสงแดงเฉิดฉวี อีกจันทรามาเปลี่ยนเวียนราตรี มวลมนุษย์ที่ทรงปัญญาฟ้าอำไพ. แวะมาเยี่ยมขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมครับ แก้วประเสริฐ.
26 เมษายน 2552 00:50 น. - comment id 977278
ขอบคุณที่มาเยี่ยมและมาแจมกลอน ครับ คุณแก้วประเสริ ฐ ครับ
26 เมษายน 2552 00:52 น. - comment id 977279
เดินกลางคืนมันเย็นดี ไม่ร้อน ครับ คุณ จุด