๏ เราแวะบ้านอ่านกลอนเมื่อตอนสาย แลคลับคล้ายอุราเจ้าล้าถอย ถูกจาบจ้วงล่วงล้ำเจ็บซ้ำรอย อย่าใจน้อยโศกเศร้าเราเคยเป็น คราคิดขีดเขียนกลอนตอนอ่อนหัด ครูจับคัดบ่อยนัก..ถีบ/ผลัก/เข็น สัมผัสเลือนเฝื่อนคำแสนลำเค็ญ กว่าจะเค้นสักถ้อยลบร้อยพัน กลอนอดสูครูล้อห่อกล้วยแขก ครูจำแนกหวังสะกิดใช่คิดขัน เพื่อให้ฮึกเหิมสู้เรียนรู้พลัน เราดื้อรั้นจึงเครียดนึกเกลียดครู เพราะเชิงด้อยน้อยใจในคำกล่าว แอบรวดร้าวบางครั้งนั่งหดหู่ ไม่กล้าเขียนใดใดไม่กล้าดู ด้วยเกรงผู้เวียนแวะชำแหละกลอน ตราบสงสัย/ไม่กล้า/แถมล้าจิต พลอยหงุดหงิดเหลือใจมิไถ่ถอน โดนเหยียบย่ำคำนั้นช่างบั่นทอน แม้นเชิงอ่อนวัยแก่อยากแก้ตัว ใครหมายติเตือนตนอดทนรับ นำมาปรับกระบวนให้ถ้วนทั่ว ใครสัพยอกบอกใจอย่าไปกลัว จะดีชั่วอย่าสะท้านผลงานเรา ๚ะ๛
23 มิถุนายน 2551 12:58 น. - comment id 864849
เก็บดอกไม้ร้อยมาลัยให้อัลมิตรา สู้อุตส่าห์วาดกลอนสอนบทฝัน กำลังใจส่งมอบตอบแทนกัน สื่อสัมพันธ์ฉันทมิตรสนิทใจ เป็นกำลังใจให้ครับ
23 มิถุนายน 2551 13:06 น. - comment id 864860
มาออนไลน์แบบนี้ ไม่กลัว วัยรุ่นวิจารณ์เหรอครับ
23 มิถุนายน 2551 14:12 น. - comment id 864881
เป็นกำลังใจให้ ช่ออักษราลี นะคะ อย่าท้อหรือหมดกำลังใจไปนะคะพี่ ขอบคุณ อัลมิตราด้วยค่ะ ที่ให้กำลังใจสมาชิกบ้านกลอน อาจห่างหายไปสักพัก....แต่อยากมาฝากกำลังใจไว้ที่บ้านกลอนแห่งนี้ตลอดไป
23 มิถุนายน 2551 14:18 น. - comment id 864884
ทุกอักษรจารจดบทเรียงถ้อย ที่ละน้อยด้วยพจน์บทไสว ดีไม่ดีด้วยจิตคิดฝันใฝ่ เพราะหัวใจรักอ่านในคำกลอน มิมีใครผิดแผกหรือแตกต่าง ต่างสรรค์สร้างผลงานคลายหม่นหมอง อาจมีบ้างที่ผิดตามครรลอง ฝึกกลั่นกรองเรียนรู้ดูกันไป มีหลายครั้งคัดเขียนเพี้ยนหลากคำ มีพี่พี่มาย้ำคำเขียนใหม่ ยินยอมรับสดับปรับเปลี่ยนให้ ศิวิไลซ์งดงามตามลำนำ ก็เหมือนเราเข้าเรียนหัดเขียนอ่าน ฝึกชำนานกล่อมเกลาเนาเลิศล้ำ ไยท้อจิตคิดถอยให้ระกำ ถึงใจช้ำสู้ต่ออย่าพ้อใจ สวัสดีค่ะ คุณอัลมิตรา ดอกบัวขอฝากคำถึงพี่สาวที่น่ารักของดอกบัวหน่อยนะค่ะ พี่ค่ะ ดอกบัวก็ผิดเพี้ยนบ่อยๆค่ะ บัวก็ได้พี่ๆเพื่อนๆชี้แนะบัวเสมอมา แต่ก้ยังผิดประจำ เป็นเพราะการขีดเขียนของบัวเป็นเพราะยามว่างยามเหนื่อยก็จะมาอ่านมาเขียนเพื่อเพลิดเพลินเพื่อจะได้ผ่อนคลาย พอหายก็กลับไปทำงานอย่างเดิม คนที่มาชี้แนะให้เรานั้นเท่ากับเขาใส่ใจในตัวเราค่ะ บัวกับดีใจมากที่มีใครๆมาให้คำชี้แนะ ทำให้บัวหันไปทบทวนดูว่าเราผิดเพี้ยนจริง พี่ค่ะคนนั้นอาจอายุน้อยกว่าก็จริง แต่เขาก็อาจจะรู้กว่าเรา ก็เหมือนกับที่ เราอาจเรียนรู้อะไรที่มากกว่าเขาที่ไม่ใช้แนวนี้ไงค่ะ เราแลกเปลี่ยนความรู้กันค่ะ มุมนี้เป็นมุมที่ให้เราได้มาเรียนรู้สร้างสรรค์ มุมผ่อนคลาย มุมแลกเปลี่ยน มุมพบเพื่อน มุมแห่งกำลังใจ มุมแห่งความเข้าใจซึ้งกัน และเป็นมุมที่ทำให้ดอกบัวได้มารู้จักพี่ค่ะ บัวขอให้พี่ และคุณอัลมิตรามีความสุขค่ะ
23 มิถุนายน 2551 15:59 น. - comment id 864901
มาเป็นกำลังใจให้พี่อัษราลีครับ กลอนเป็นศิลป์และมีศาสตร์ผสมหน่อยหนึ่ง ดังนั้นกลอนควรจะมีศิลปะในการสื่อสาร แต่"หอมดอกลำดวก" มันเอาแต่ศาสตร์ ผมไม่เข้าใจว่ามันไม่มีศิลป์ในหัวเลยหรืออย่างไร วิจารย์ ตำหนิ ต่อว่า เยอะเย้ย ถากถาง ชั่วช้า เลวทราม ดังนั้นมันไม่ใช่กวีที่ดีหรอกครับ มันเป็นแค่นักวิชาการจิตตก ว่างงาน ที่เที่ยวกัดคนนั้นทีคนนี้ทีเท่านั้นเอง จริงๆกลอนของพี่อัษราลีน่ะเพราะมากๆเลยนะรู้ไหม แม้บางครั้งผมจะไม่ได้comment เพราะบางครั้งก็commentไม่ออก แต่ว่าผมก็มักจะเข้าไปอ่านทุกครั้งที่เข้ามาบ้านกลอนและเห็นกลอนของพี่ ผมยังคิดเลยว่าผมจะไม่สามารถเทียบชั้นพี่ได้หรอกในด้านของการใช้ภาษา ดังนั้นมันไม่ใช่ว่าพี่ไม่เก่ง ไม่ดี ไม่มีความสามารถ ผมอยากให้พี่เข็มแข็ง สู้ๆนะครับ ไอ้คนอย่าง"หอมดอกลำดวน" นั้นน่ะ ช่างหัวมันปะไร ถ้ามันเก่งนัก เทพนัก ก็ปล่อยมันเทพไป ให้มันไปวิจารย์ๆๆๆ กันจนหัวแตกกันไปข้างหนึ่ง พี่คิดดูสิครับ กลอนของพี่คนชื่นชมเยอะขนาดไหน และพี่ลองถามเพื่อนๆบ้านกลอนดูว่า มีสักกี่คนที่คิดว่าพี่ไม่เก่ง อย่าว่างั้นงี้เลยนะ จะมีสักกี่คนที่เก่งได้เท่าพี่ อนึ่งคนเก่งอย่างไอ้ "หอมดอกลำดวน" นั่นน่ะคิดว่าเขามีความสุขหรือครับที่ทำแบบนั้น เที่ยววิจารย์แบบไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น ไม่ใส่ใจใครเลยเนี่ย จะมีคนยอมรับไหม ในขณะเดียวกันพี่กลับมีคนยอมรับมากกว่า อย่างน้อยๆก็ผมคนหนึ่งล่ะ เข็มแข็งๆนะครับพี่ อย่าพึ่งท้อถอย กับการคุกคามของคนที่ไม่เข้าใจศิลปะ ผมจะเป็นกำลังใจให้ PS. พี่ก่องกิกครับ ผมนี่แหละวัยรุ่น
23 มิถุนายน 2551 16:01 น. - comment id 864903
เราก็เคยเป็นน่ะ ...เสียกำลังใจไปเยอะ กว่าจะกลับมาได้ก็นานโข..จำได้ว่าเพราะอัลมิตราคนหนึ่งที่ทำให้กลับมา.. :) ขอให้พ้นจุดวิกฤตนั้น โดยเร็วน่ะค่ะ คุณช่อฯ ขอเป็นกำลังใจให้..ท้อได้แต่ห้ามนานน่ะค่ะ จากเพื่อน กุ้งหนามแดง
23 มิถุนายน 2551 16:48 น. - comment id 864928
สวัสดีค่ะ พี่ๆทุกคน พี่เจี๊ยบ(ช่ออักษราลี) ไม่สบายใจหรือคะ ช่วงนี้โอเลี้ยงยุ่งหลายอย่าง ไปหัดแต่งบล็อกใส่โค๊ดและงานอื่นด้วย มักมาอ่านไม่ปะติดปะต่อ ขอให้พี่หายไวๆนะคะ โอเลี้ยงเห็นกลอนหายไปอันหนึ่ง คิดว่าพี่แก้ใหม่ไม่ได้ตามอ่านตลอดรายการ ความยากมีเยอะมากทั้งการเดินทางของชีวิตและเดินไต่ใฝ่ฝัน..แต่เราต้องสมหวังแน่ตามที่คุณอัลมิตราบอก ขอเป็นกำลังใจด้วยคนค่ะ
23 มิถุนายน 2551 18:05 น. - comment id 864944
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แวะเข้ามาเลยครับ เพราะเบื่อเรื่องการเมือง พอดีเห็นกลอนคุณ อัลมิตรา (ฤาท้อ..) ก็เลยตาไปดู... เรื่องของงานกวีเป็นเรื่องของการใช้คำและโวหารทั้งคำซ้ำ คำซ้อน ทั้งอุปมาอุปมัย บุคลาธิษฐาน การกล่าวเกินจริง (อติพจน์) ฯลฯ เมื่อบวกกับจินตนาการ จึงเป็นงานที่ อิสระอย่างยิ่ง ไม่มีถูกมีผิด เพียงแต่ผู้อ่าน จะมีพื้นฐานเข้าถึงแค่ไหน .. บางท่อนที่เห็นหยิบมาวิจารณ์เช่น ๏ ลายสือไทยไหวพลิ้วดั่งริ้วเมฆ งามราวเสกสวรรค์สู่บรรจถรณ์ บรรจถรณ์มาเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย ดอกสร้อยศิลป์ผลิช่ออรชร อรชร ใช้เฉพาะกับนารี ผมว่าเป็นท่อนที่ไพเราะมากๆ ความงามที่เราสัมผัสได้จากงานอักษร เราไม่ต้องไปไหน นอนบนที่นอน (บรรจถรณ์( ก็สามารถเสพซึ้งความงามที่กวีบรรยายได้ อรชร ไม่ได้ใช้เฉพาะนารี สุนทรภู่ยังเคยใช้ ... คืนนั้น จันทร มีดารากร เป็นบริวาร เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร ฯ หวังว่า พี่เจี๊ยบจะมีกำลังใจมากกว่าเดิมนะครับ
23 มิถุนายน 2551 19:22 น. - comment id 864959
เย๊ พี่ช่อมาแล้ว เหอๆ อย่าไปสนใจเลยค่ะ จันทร์ไม่อยากรุมด่าใครให้เสียปากค่ะ เหอ ๆเท่าที่ดู ก็อ่วมและ ช่างหัวมันเหอะ สันดร ขุดได้ค่ะ สัน...ขุดไม่ได้ จันทร์รู้ว่าพี่แต่งกลอนไม่ได้หวังโล่เกียติยศ ไม่ได้หวังเป็นกูรู.. เช่นนั้นเราเอง ค่อยพัฒนาไป จันทร์มาที่นี่ทีแรกก็แต่งไม่เป็นเลย ก็มีหลายคนช่วยบอก แต่เค้ามาแบบสันติวิธี บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นค่ะ เราก็นึกขอบใจเค้า... อย่างไรก็ตามจันทร์ก็ยังชื่นชมพี่อยู่ ปล. จันทร์เป็นอีกคนที่ได้สัมผัสพี่บ้าง พี่เป็นคนจิตใจดี .... พี่ต้องเข้มแข็งและพร้อมกลับมาในเร็ววัน น้องสาวคนนี้รออยู่นะคะ
23 มิถุนายน 2551 19:31 น. - comment id 864961
แด่ อาจารย์เจี๊ยบ อาจารย์แต่งกลอนได้ไพเราะค่ะ ไม่ได้เยิย ยกยอ เยินยอค่ะ สมกับจบมาด้านภาษาไทย เท่าที่สังเกตนะคะ ไม่ทราบเว็บนี้เป็นผู้ใด กลอนที่ได้เป็นกลอนขึ้นหน้าแรกนี่ คงถูกใจเจ้าของเว็บมากกว่า มีหลายกลอนที่ถูกใจตัวเองแต่ไม่ได้ขึ้น หน้าแรกในเว็บนี้ แต่ขึ้นหน้าแรกของไหมแก้วฯ เช่น กลอนของคุณฝากฝัน(ขออนุญาตเอ่ย ชื่อ ตัวจริงไม่เคยรู้จักกัน และอีกหลายคน) แต่ต้องขอบคุณบ้านกลอนไทยที่ให้เราได้เก็บกลอนไว้ในเว็บ เพราะถ้าเก็บไว้เป็นหนังสือ อาจหาย หรือชำรุด ได้ และอีกประการหนึ่ง ทำให้ได้รู้จักผู้ที่ชื่นชอบและอนุรักษ์ภาษาไทยค่ะตลอดจน มีเพื่อนคอเดียวกัน ขอเป็นกำลังใจและขอขอบคุณ บ้านกลอนไทยมากๆค่ะ
23 มิถุนายน 2551 20:19 น. - comment id 864975
กำลังใจคะพี่ช่อ.. น่าพิมก็ถ้าเกิดโดนเค้าชำแหระมั้ง คงไม่มีชิ้นดีอะพี่สาว สู้ๆๆคะ..เขียนไปเถอะคะถ้าใจต้องการ(จนกว่าเจ้าของเวปจะปิด)..อิอิ
23 มิถุนายน 2551 20:25 น. - comment id 864979
กิ่งโศก ยินดี อย่างมากที่ครูเจี๊ยบกลับมา... และเอากลอนไปลงไว้เช่นเดิม... ..ผมว่า ความไพเราะ อยู่ที่เราอ่านสัมผัสได้ จากกลอนของพี่ครูเจี๊ยบ.. ผมเข้ามาใหม่ๆ ยังทึ่ง ในการใช้คำ ร้อยเรื่องของพี่เลย.. เหมือนที่คุณแสงเหนือกล่าวละครับ..ไม่มีถูก ไม่มีผิด..ในการ สรรสร้าง ..มธุรสร้อยมาลัยกลอน.. ผมเองมือใหม่ จอมมั่ว..ยังประทับใจ.. ..ผมว่าเหมือนฝึกวิทยายึทธ กำลังภายใน นิยายจีนนะครับ ..แรกๆๆ ก้อต้องไล่จุด ทะลวงจุด โคจรลมปราณ ปรับพื้นฐาน ..เหมือนริเริ่ม แต่งกลอนใหม่ ..กำลังภายในขั้น 1-2-3....มันก้อเปรียบเหมือนเราทำตามฉันท์ลักษณ์ บังคับของกลอน.. จนฝึกปรือสำเร็จกำลังภายในขั้นสุดท้าย อาจจะขั้น 10 นะครับ ..นั่นเราคงหลับตาแต่งกลอนปากเปล่าสดๆๆ คล่องแล้ว.. ..แต่การฝึกกำลังภายใน ขั้นที่ 1 ถึง 10 ก็ยังถูกบังคับให้เคลื่อนย้าย ท่าร่าง ตามเคล็ดวิชาอยู่ดี...มันมีสุดยอดกว่านั้นคือ บรรลุขั้นสุดยอดหนักเข้าไปอีก ในเคล็ดวิชา..คือสูงสุดคืนสู่สามัญ ..คือเก่งมาก แต่คนนอกไม่สามารถรู้เลย ว่าเก่งแค่ไหน..นั่นก็คือ ขยับแบบไหน ก้อเป็นไม้ตายของเคล็ดวิชาได้..ไม่มีรูปแบบ..ก้อเป็นสุดยอดวิชาได้.. นี่แหละครับ ผมถึงเห็นด้วยกับพี่แสงเหนือ ..บทร้อยกรอง ต่อไป อาจจะจินตนาการไร้ขอบเขต...เกิด วรรคทอง ใหม่ๆๆ อีกมากมาย ในบ้านกลอนนี้ ...ยังเชื่อมั่น ในฝึมือครูเจี๊ยบช่ออีกษราลรี อยู่นะครับ ส่วนผมก็จะตะบี้ตะบันแต่งกลอนต่อไป..ครับแม้จะมั่วๆก็เหอะ..
23 มิถุนายน 2551 20:43 น. - comment id 864982
แวะมาให้กำลังใจครับพี่ ผมไม่รู้จะกล่าวอะไร แต่ผมก็อยากให้กำลังใจ ขอให้พี่เจี๊ยบสู้ต่อไปครับ
23 มิถุนายน 2551 20:47 น. - comment id 864984
พี่เจี๊ยบ.. ครูภาษาไทยมิได้เก่งไปทุกเรื่องดอกค่ะ พี่ช่ออย่าได้ท้อเลยนะคะ บ้านกลอนเราอบอุ่นเสมอ.. รักเพื่อน รักบทกวี รักภาษาไทยค่ะ ใช้ผิดบ้าง พลาดบ้าง ก็แนะนำกันนะคะ..
23 มิถุนายน 2551 21:00 น. - comment id 864985
เขียนตามความนึกคิด หมั่นลิขิตตามใจฝัน ไม่ดีก็ช่างมัน คงสักวันจะสมใจ อย่าท้อกับคำคน อย่าได้สนคำหมิ่นใคร พากเพียรเขียนต่อไป ประดับไว้ในบ้านกลอน ใจร่มๆครับ
23 มิถุนายน 2551 22:20 น. - comment id 865019
คุณช่ออักษราลี ผมเคยบอกว่า ถ้าผมไม่ได้เข้ามา อ่านกลอนของคุณผมคงเสียใจแย่ ตอนนี้ผมก็คิดเหมือนเดิมครับ
23 มิถุนายน 2551 22:42 น. - comment id 865025
กำลังเขียนกลอน..เพื่อจะลงกะเข้าด้วย แต่เมื่อเป็นเนื้อหาเดียวกันเลยของเอามา ฝากลงด้วยเลย....... ให้อาเพศเหตุการณ์ในบ้านกลอน มิอาจนอนรับรู้ทนอยู่ได้ เพื่อนฝากฝันนั้นเจ็บจวนเจียนตาย ถูกทำลายย่อยยับกับบ้านกลอน ด้วยนักเลงเก่งกาจฉลาดลึก เขาถูกฝึกด้วยกวีศรีอักษร ยกอาจารย์มาค้ำทุกคำตอน ดั่งถูกสอนมาหมายให้ขจัด หยิบปากกาง่าง้างดาบประหาร น่าสงสารนักกลอนผู้อ่อนหัด เขาไล่เลียงเรียงดะวรรคละทัด เริ่มตวัดสันดานผ่านปากกา ยกคำครูผู้ส่อสันดานสร้าง เพียรกล่าวอ้างเชิดชูดูทีท่า เอากฎเกณฑ์ฉันทลักษณ์สักอัตตา แล้วยกค่างานตนก่นเพื่อนกลอน ใครจะดีเด่นดังก็ชั่งเถิด แม้หรูเลิศครูเก่งคอยเคร่งสอน โปรดเขียนโชว์โอ่ไหวให้ขจร เพื่อนนักกลอนได้อ่านเป็นธารใจ
23 มิถุนายน 2551 22:45 น. - comment id 865026
ขออภัย..เขียนยังไม่ทันได้เกลา แต่อารมณ์มันพลุ่นพล่านไปก่อนแล้ว เลยลงทั้งฉบับร่างนี่แหละ
23 มิถุนายน 2551 23:11 น. - comment id 865036
สวัสดีค่ะคุณอัลมิตรา สวัสดีค่ะพี่ช่อฯ มาให้กำลังใจด้วยคนนะคะ.... ไม่มีใครที่จะวิ่งได้ตั้งแต่เกิด....ทุกคนย่อมมีก้าวแรกและก้าวต่อไปเสมอค่ะ คนที่มองข้ามก้าวแรกที่เป็นพื้นฐานชีวิต...และคิดว่าตนเองเก่งอยู่เสมอ...ต่อไปก็แย่ค่ะ...อย่าสนใจคนแบบนั้นเลยค่ะ แต่ที่แน่ๆ น้องเอ-จิตรำพันคนนี้แหละ...ชอบอ่านกลอนพี่เสมอแม้ว่าบางครั้งจะไม่ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นค่ะ... น้องเอมาบ้านกลอนเพราะรักที่จะแต่ง แม้แต่งไม่ค่อยถนัด...ก็ได้น้ำใจจากเพื่อนๆบ้านกลอนที่อบอุ่นนี้แหละค่ะ ทำให้ค่อยๆขัดเกลา....และจะขัด...เกา ต่อไปเรื่อยๆค่ะ สู้ๆค่ะพี่...รักจะแต่งซะอย่าง....ใครจะทำไม...จริงไหมคะ...อิอิ..
24 มิถุนายน 2551 04:07 น. - comment id 865077
สวัสดีค่ะคุณอัลมิตรา สวัสดีค่ะพี่ช่ออักษราลี แวะมาให้กำลังใจค่ะ
24 มิถุนายน 2551 06:49 น. - comment id 865099
ดีใจครับที่คุณช่ออักษราลีกลับมา
24 มิถุนายน 2551 08:29 น. - comment id 865111
เย กลับมาแล้วพี่ช่อ เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำค่ะ เราชอบแบบไหน มีความสุขตรงไหน ทำไปเถอะค่ะ ความสุขมันกำหนดไม่ได้ด้วยสิ คนบางคน... ยังไม่เคยเสพย์เลยว่า ความสุขเป็นอย่างไร...
24 มิถุนายน 2551 08:59 น. - comment id 865116
สำหรับคุณช่ออักษราลี
24 มิถุนายน 2551 09:17 น. - comment id 865122
คุณแต่งกลอนเก่งเนอะ ให้กำลังใจพี่ช่ออักษราลีในแบบนิ่มนวลดีค่ะ
24 มิถุนายน 2551 10:17 น. - comment id 865137
พี่ช่ออักษราลี เขียนกลอนแนวจินตกวี ผมเองก็ชอบและเขียนแนวนี้เหมือนกันครับ งานที่เขียนต้องอาศัยจิตนาการเข้าเสริม จึงจะซึ้งซาบกับบทกลอนที่เขียนได้ ผมเขียนงานไม่เอาฉันทลักษ์เลยครับ เขียนถูกบ้างผิดบ้าง คำนาม กริยา วิเศษ ก็ไม่เคยยึดติด แต่เวลาเขียนกลอน ก็คิดอย่างเดียวว่า จะเขียนเท่าที่ความรู้สึกอยากจะบอก พื้นฐานฉันทลักษณ์ที่นำมาใช้ก็ถือว่าโชคดีที่จำได้บ้าง ไม่ให้กลอนมันแหวกแนวมากเกินไป ก็พอดูได้บ้างครับ แต่จิตวิญญาญที่พัฒนาขึ้นจาการได้เสพอักษรนั้นคือสิ่งที่มีค่ามากว่าการกำหนดกฎเกณฑ์ฉันทลักษณ์ในงานกลอน เขียนถูกฉันทลักษณ์ทุกกระเบียดนิ้ว แต่อ่านแล้วไม่จับหัวใจคนอ่าน ผมคิดว่าล้มเหลว เขียนดื้อๆ ไม่ยึดติด แต่อ่านแล้วเพราะจับจิต ซึ้งใจผู้ฟัง นั่นถือเป็นความสำเร็จ ถ้าใครถามผมเรื่องฉันทลักษณ์ ผมก็จะตอบโง่ๆ ว่า ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย แต่ถ้าใครถามผมว่าเวลาเขียนกลอน รู้สึก และคิดอย่างไร ทำไมถึงคิดอย่างนั้น เปรียบเทียบอย่างนั้น แปลอย่างนั้น ผมก็จะอธิบายได้บ้างเท่าที่จะอธิบายได้ แต่ถ้าคนอ่านเข้ามาอ่านกลอนแล้วเขามีความสุข นั่นหล่ะใช่เลย คือสิ่งที่ผมอยากให้เป็น วัตถุประสงค์การเขียนกลอนเป็นวัตถุประสงค์เฉพาะตัวคนเขียน ตัวเราเองเท่านั้นที่จะทราบว่าเราเขียนเพื่ออะไร และเขียนเพื่อใครครับ คนอ่านกลอนก็มีหลากหลาย ภูมิหลังและลักษณะนิสัยที่บ่มเพาะมาต่างหากครับที่สำคัญว่าจะซาบซึ้งและเข้ากับทางกลอนที่เราเขียนมากแค่ไหน คนรักฉันทลักษณ์ อ่านกลอนไม่มีฉัทลักษณ์อย่างไรก็ไม่เพราะ ไม่ถูกใจ คนไม่รักฉันทลักษณ์ จะให้เขียนอย่างไรก็ไม่เอาฉันทลักษณ์ หากแต่จิตวิญญาญข้างในได้ตีแผ่ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ผมคิดเช่นนั้น คนละวัตถุประสงค์ คนละแนว คนละทาง แต่อยู่ด้วยกันได้ ด้วยการเคารพหนทางของแต่ละคนครับ เหมือนดอกไม้ ดอกเดียวที่มีกลีบเล็กกลีบน้อย ผสมกันเป็นลวดลายน่าอัศจรรย์ ความหลากหลายของนักกลอน ความหลากหลายทางกลอนในบ้านนี้ก็ช่วยกันส่งเสริมให้บ้านสวยงามครับ เข้ามาให้กำลังใจในการเขียนต่อไปนะครับ ผมคนหนึ่งที่อ่านกลอนอักษราลีแล้วก็ซาบซึ้งครับ อ่านมาตลอดถ้ามีเวลาเข้ามา
24 มิถุนายน 2551 10:39 น. - comment id 865143
หมีกมรกต เคยแสดงความคิดเรื่องการเขียนกลอนไว้ ผมอ่านแล้วก็คิดว่า ตรงใจ อยากให้พี่ช่ออักษราลี อ่านนะครับ จากบทแสดงความคิดเห็นดังกล่าว แสดงถึงความหลากหลายของผู้เขียนกลอน ทุกๆ คนมีแนวทางที่ถนัดและชอบไปคนละแนว แต่ทุกแนวก็มีประโยชน์และมีดีอยู่ในแนวของตัวเองครับ **ผลงานที่งดงามทั้งภาษาสอดแทรกความหมายลึกซึ้งคมคาย แฝงด้วยแง่คิดและหลักปรัชญาอันน่าทึ่ง และยังโดดเด่นด้วยสัมผัสแพรวพราว ผลงานเข้าขั้นวรรณกรรมชิ้นเอกที่ควรจารึกไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา คงต้องยกนิ้วให้ ปรมาจารย์แห่งบ้านกลอน ท่านอาจารย์ วฤก และ ลุงเวทย์ **ผลงานที่โดดเด่น เน้นปรัชญาธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงวัฎจักรและวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ใช้ภาษาสละสลวย ถ่ายทอดจากจินตนาการและประสบการณ์สู่ผู้ฟังได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้คล้อยตาม ไหวหวั่น และ สั่นอารมณ์ คงต้องกล่าวขานนาม ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ พุด พัดชา เทพธิดาแห่งไพร และ นกตะวัน วิหคที่ร่อนท้าทายสายแสงแห่งสุรีย์ **ผลงานวรรณกรรมเชิงสร้างสรรค์ แสดงถึงความคิดของคนรุ่นใหม่ ด้วยจินตนาการอันแรงกล้า ภาษาเข้าใจง่าย แต่คมคายลุ่มลึก สะท้อนสังคมได้อย่างดีเยี่ยม คิดค้นผลงานใหม่ๆ แปลก แหวกแนว ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครอยากเหมือน( อันนี้แซว หุหุ) ผลงานของเขาจะสะกดใจผู้อ่านได้เสมอ สำหรับ วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์ วิจิตรวาทะลักษณ์ และ เชษฐภัทร วิสัยจร **ผลงานที่โดดเด่นด้วยฉันทลักษณ์หลักภาษา แสดงให้เห็นถึงความวิจิตร อลังการของตัวอักษร ด้วยลีลา พลิ้วไหวแม้ดอกหญ้าอันอ่อนช้อยระบำลมยังมิปาน คงไม่มีใครไม่รู้จัก สดายุ และ ตราชู **ผลงานที่แสดงถึงปรัชญาแห่งชีวิตอันสูงส่ง แฝงด้วยแง่คิด คติธรรมอันล้ำลึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสงบนิ่ง เยียบเย็น สุขุม แต่กลับทรงพลังอย่างมหาศาล ผลงานของเธอจะแสดงถึงจิตใจอันเมตตา และความหวังดีแก่ผู้อื่นเสมอ คงไม่มีใครที่จะสรรค์สร้างผลงานได้วิเศษเยี่ยงนี้อีกแล้ว ขอกล่าวชม พี่ดอกแก้ว และ ราชิกา **ผลงานที่แสดงถึงวิถีสามัญ ทั้ง รัก โลภ โกรธ และ หลง ได้อย่างลงตัว อบอุ่นเสมอ ทุกครั้งที่เธอถ่ายทอดผลงานสู่บ้านกลอน ภาษาเข้าใจง่าย แต่ลงตัวด้วยความไพเราะจับใจของเสียงอักษรที่เธอรินร่าย เพื่อแต่งแต้มมนต์เสน่ห์ให้ผู้อ่านหลงใหล คงต้องเอ๋ยเอื้อนถึง ศิษย์ผู้พี่ อัลมิตรา มิตรภาพ ตราบสิ้นฟ้า **และผลงานของทุกท่านในบ้านกลอนไทย ที่กลั่นออกมาจากจิตวิญญาณ เพื่อถ่ายทอด สัจจะ และจิตนาการณ์ อันวิเศษยิ่ง หล่อหลวมรวมเป็นขลุมทรัพย์ที่ทรงคุณค่าตราตรึงไว้ ณ บ้านกลอนหลังนี้ ขอน้อมคารวะด้วยความจริงใจ และเป็นกำลังใจให้เสมอ **ปล.เนื่องจากมีเวลาอ่านน้อย เชื่อว่าผลงานของหลายๆ ท่านที่ข้าพเจ้าไม่ได้อ่าน คงมิได้ ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเป็นแน่แท้
24 มิถุนายน 2551 10:43 น. - comment id 865145
จากการแสดงความคิดเห็นข้างต้นนั้น ผู้อ่านก็ย่อมจะเลือกเสพอักษรและทางกลอนที่ตัวเองชอบอย่างเป็นอิสระ ครับ ไม่มีแนวไหนผิด ไม่มีแนวไหนไม่ดี คนอ่านเท่านั้นที่จะเลือกเสพงานในแนวที่ตนเองมีความสุขครับ หวังว่าพี่อักษราลีคงจะมีกำลังใจมากขึ้นนะครับ ผมเขียนซะยาวเลยแต่นานๆ จะได้เขียนอะไรๆ แบบนี้ สู้สู้ๆ ครับ
24 มิถุนายน 2551 11:16 น. - comment id 865154
มาให้กำลังใจด้วยอีกแรงครับ...รักและคิดถึง เสมอครับ
24 มิถุนายน 2551 11:23 น. - comment id 865157
.. .. แด่คุณช่ออักษราลี หากเป็นผู้หญิงช่างฝัน คงเลือกลบความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ แทนลบงานตัวเองค่ะ เพราะงานที่สร้างสรรค์มาจากความรู้สึกของตัวเอง สวยงามเสมอ ภูมิใจในงานคุณเถิดนะคะ..
24 มิถุนายน 2551 17:15 น. - comment id 865238
คุณลูกกลิ้ง .. รับมาลัยพวงหนึ่งซาบซึ้งจิต มาลัยจากมิ่งมิตรคิดคบหา เสี่ยงมาลัยคืนกลับประทับตรา ตราบสิ้นฟ้าโปรดรับไว้น้ำใจเรา คุณก่องกิก ..การที่ยืนอยู่บนเวที ต้องทำใจกว้าง ๆ นะคะ ในคำวิจารณ์มีดีมีร้าย .. ให้เลือกหยิบเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์ไปละกัน ขืนหยิบไปเสียทุกอย่าง บางทีอาจสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เรื่องเล็กค่ะ สำหรับอัลมิตรา .. รออยู่เหมือนกัน รอจนชักเมื่อย แฮะ คุณโคลอน .. :) คุณช่ออักษราลีเธอทำความเข้าใจกับตนเองได้แล้วค่ะ อัลมิตราเพียงแต่บอกเล่าสิ่งที่อัลมิตราเคยเป็นไป อาจได้แง่คิดบ้าง ไม่มากก็น้อย ... ที่เหลือ ติดไว้ก่อนนะคะ ฝนใกล้จะตกแล้ว .. จะรีบไปเก็บปลาสลิด .. ฮา
24 มิถุนายน 2551 17:44 น. - comment id 865244
คุณช่ออักษราลี น้องขอโทษ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่น้องทำไป ถ้าหากน้องทำให้คุณช่ออักษราลีเลิกเขียน น้องก็คงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต
24 มิถุนายน 2551 18:16 น. - comment id 865280
เป็นกำลังใจให้คุณช่ออักษราลี และยินดีกับผู้กล้ารับผิดในสิ่งที่ทำ
24 มิถุนายน 2551 21:01 น. - comment id 865336
คุณดอกบัว .. เป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่อัลมิตราเองก็เขียนผิดบ่อย ๆ คะ บางคำนึกไม่ออก ยังต้องสะกิดถามเพื่อนเลยว่า คำนี้เขียนไง และก็บ่อยครั้งมาก ที่จู่ ๆ จนแต้มจบกลอนไม่ลง เขียนต่อไม่ถูก ค้างเติ่งไว้ หรือไม่ก็ถามเพื่อนซี้ ให้มาช่วยแก้ ช่วยเกลาหน่อย .. เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ค่ะ ถ้อยหลายหลากหลั่งไหลใจน้องพี่ ร้อยไมตรีมิตรภาพมิสาบสูญ ใครมีทุกข์ทุกหย่อมย่อมเกื้อกูล สุขสมบูรณ์เทียบได้น้ำใจจริง คุณDarkness Hero .. อันที่จริงคนที่คุณกล่าวถึงอาจไม่มีเจตนาไปถึงเพียงนั้นก็ได้นะ เพียงแต่ถ้อยพาทีที่เขาใช้ขาดความละมุนไปนิดหน่อย และโดยสถานการณ์นั้นที่เป็นไป จนคล้ายดูเหมือนการรุกรานเสียมากกว่า อย่างไรเสียก็ต้องรับฟังในเหตุผลของเขาด้วย คนตรง ๆ อาจใช้วาจาตรง ๆ ทื่อ ๆ ไม่ได้ปรุงรสให้เจือหวานนิด ๆ ทำให้วาจาแปร่งหูไปหน่อย ซึ่งตรงนี้อาจจะปรับปรุงกันได้ ถ้าให้โอกาสเขา เขาก็จะเลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมขึ้นเองค่ะ คุณกุ้งหนามแดง .. ว่าแต่ว่าเวลากินกล้วยแขก สังเกตบ้างไหมว่า ถุงที่ใส่มีกลอนของอัลมิตรามั๊ย คุณโอเลี้ยง .. คุณช่ออักษราลีพร้อมที่จะโลดแล่นบนเวทีอักษรต่อไปแล้วล่ะค่ะ :) เพียงลมพัดผ่าน .. เคยฟังเพลงนี้มั๊ย คุณแสงเหนือ .. อืมม การที่จะวิจารณ์งานใครสักชิ้น ต้องดูแล้วดูอีกว่า เจ้าของผลงานยินยอมมั๊ย เพราะการที่ใครสักคนคิดคำลงกลอนได้ นั่นก็ย่อมหมายถึงว่า ไตร่ตรองมาในระดับหนึ่งแล้วค่ะ อัลมิตราเองก็ต้องปรามตัวเองอยู่บ่อย ๆ เวลานึกคัน นึกอยากชำแหละกลอนใครสักคน ..ไม่ควร ไม่ควร.. แต่ก็ใช่ว่า อัลมิตราจะไม่เคยชำแหละกลอนผู้อื่นนะคะ เคยเหมือนกันในกรณีที่ถูกเชื้อเชิญอย่างชัดเจน ส่วนใหญ่แล้ว หลังจากนั้นมานั่งขำ ๆ กันมากกว่า .. ไม่เป็นกรณีที่จะต้องบาดหมางกันค่ะ คุณช่ออักษราลี .. อืมม เพราะเป็นครูสอนวิชาภาษาไทยนี่เอง จึงทำให้คุณรู้สึกแบกรับจนหนักแอก สมมุตินะ .. สมมุติว่าอัลมิตราเป็นคนวิจารณ์กลอนของคุณ อัลมิตราจะไม่ย้ำหรอกว่าคุณคือครูภาษาไทย จุดไหนที่อัลมิตราเห็นว่าน่าจะใช้คำนั้น คำนี้ หรือบางวรรคที่ถอดความแล้ว อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ อัลมิตราก็คงถามไปตรง ๆ ว่า .. วรรคนั้นที่คุณเขียน แท้จริงมีนัยยะความหมายอย่างไร ทำไมถึงใช้คำนี้ จะว่าไปแล้ว อัลมิตราเองก็คิดคำเองหลายคำที่พจนานุกรมไม่เคยปรากฏ แน่นอน ราชบัณฑิตคงส่ายหน้า ตัวอย่าง อิทิสังฉันท์ ถอดความเพลง wind of change ภาษาไทยอัลมิตราใช้ชื่อว่า "พระพายอันกลายผัน" http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem32554.html เช่นคำว่า พิไรลม .. ณ เส้น ณ คีย์ .. สองคำนี้ ถ้าคุณไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อน คุณอาจนึกไม่ออกว่า .. อัลมิตราหมายถึง ผิวปาก และ กีตาร์ .. :) ซึ่งอัลมิตรายืนยันในคำอธิบายเทียบคำตามสิ่งที่อัลมิตราเลือกใช้ค่ะ ดังนั้นหากใครสักคนถาม นั่นหมายถึงชิ้นงานนั้นเป็นจุดสนใจ คุณอธิบายได้คะ ตามสิ่งที่อยู่ในใจของคุณ และจะเป็นการดีมาก หากคนที่แสดงตัววิจารณ์ ใช้วิธีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในกรณีที่คิดไม่ตรงกันกับคุณ ทั้งหมดนี้จะนำมาซึ่งความสัมพันธ์ในเชิงบวกมากกว่า แล้วจะไม่ส่งผลมาในเชิงลบแบบนี้ ดูสิ ! .. เพื่อน ๆ ของคุณหลายคนนั่งไม่ติด พลอยกังวลแทนคุณ บางคนอาจรู้สึกโกรธไปด้วย ฉะนั้นหากคุณรักเพื่อน คุณต้องไม่เศร้า ไม่น้อยใจ .. เพราะคุณคือตัวแปรที่จะให้สถานการณ์เป็นในรูปแบบใด ค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่คุณได้ลงกลอนชุดนั้น ให้อัลมิตราได้อ่านอีกหน อัลมิตรามอบยาหม่องถ้วยทองแทนถ้วยรางวัลให้ละกัน ฮา .. คุณมณีจันทร์ . .:) ช่างได้กี่กิโลแล้วคะ ? เอาน่า เรียนรู้กันไป คุณไหมแก้วสีฟ้าคราม .. แท้จริง กลอนที่ได้ขึ้นหน้าเวปถูกใจผู้ดูแลระบบมากกว่า ค่ะ คุณพิมญดา .. โถ ต้องมีสักชิ้นน่า ที่ดี .. อารายจะไม่ดีไปเสียทั้งหมดเล่า คุณกิ่งโศก .. วาทะจอมยุทธ ๕๕๕ .. อัลมิตราใช้บ่อยนะพฤติกรรมนั้น คุณรัมณีย์ .. ไม่รู้จะกล่าวอะไร ก็เปลี่ยนเป็นร้องเพลงให้ฟังละกัน เพลงเล่าสู่กันฟังนะ คุณครูพิม .. เพื่อนอัลมิตราเรียนคณะอักษรศาสตร์จุฬา บางคนแต่งกลอนไม่เป็นเล้ย คุณกุ้งก้ามกราม .. แน่นอน ต้องใจร่ม ๆ สิ หมู่นี้ฝนตกบ่อย (เกี่ยวไหมเนี่ย) คุณไร้อันดับ .. อื้อ คุณช่ออักษราลีคงรู้แล้วล่ะ คุณฝากฝัน .. เก็บค่าเช่าแผงลอยยี่สิบบาท งดเชื่อ เบื่อทวง ค่ะ คุณจิตรำพัน .. อื้อ ทุกคนย่อมมีก้าวแรกเสมอ คุณช . แหะ แหะ กระทู้นี้ อัลมิตราตอบชักเหนื่อยแล้ว ขอพักกินน้ำก่อนน๊า
24 มิถุนายน 2551 21:12 น. - comment id 865348
คุณช่ออักษราลี (อีกหน).. ไม่เป็นไร อัลมิตราคิดตังค์คะ ตามชั่วโมงค่าแรงจริง ๕๕๕ คุณ Darkness Hero .. โอ้ เย้ ร่วมด้วยช่วยดีใจ คุณยาแก้ปวด .. เอาน่า ยาก็มาแล้ว จุดที่ปวดคงไม่ปวดแล้วล่ะ คุณแทนคุณแทนไท .. โหย ใจร้ายแฮะ ลงทุนเหงื่อหยดสามติ๋ง ไม่ได้สักดอก คุณบุษย์น้ำทอง .. ไม่ได้คุยนา .. เขียนกลอนเป็นก่อน ก.ไก่ อีก แฮ่ม ... (โม้ จ้า โม้) บุรุษแห่งธาร .. ปู้ปี้ ปู้ปี้ .. หมดแรงแหล่ววววว สรุปว่า สู้ ๆ เนอะ คุณอินสวน .. อ้าว ไม่ลงชื่อผู้รับ แบบนี้หารสองสิ คุณผู้หญิงช่างฝัน .. ใจดำเหมือนใครก็ไม่รู้ พกมาแค่สองดอก แต่ไม่ให้สักดอกอ่ะ แง๊ คุณหอมดอกลำดวน .. อย่าลืมไปคลี่คลายคดีกับบางคนที่คุณไปปรึกษาด้วยนะคะ รู้สึกว่า. มีคนตามลายแทงแผนที่ที่คุณวาดคร่าว ๆ ไปแล้วบังเอิญไปพบบางข้อความ แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่เป็นประเด็นใด ๆ ก็แล้วแต่คุณค่ะ ตรงนี้ไม่ซีเรียส :) คุณแม่มดใจร้าย .. ยืดอกพกถุงผ้า ประมาณนั้นป่าวอ่ะ
24 มิถุนายน 2551 22:47 น. - comment id 865391
ในสังคมไทย จะมีคนอยู่สามประเภท... ประเภทแรก... รู้สึกอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น ชอบก็บอกว่าชอบ...ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้... สอบไม่ได้ก็บอกว่าสอบไม่ได้ โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร ว่ากันหน้าจอเลย ประเภทที่สอง... ห่วงภาพพจน์ตัวเองมาก จะระวังมากที่จะพูดอะไรออกไปตามความคิดตัวเอง พวกนี้จะต้องขัดเกลาคำพูดให้ฟังดูดีก่อนเสมอ เนื่องจากเป็นพวกที่แคร์ความคิดผู้อื่น เรียกว่าชีวิตจิตใจ...depend on บุคคลที่สาม ว่างั้นเถอะ....ลักษณะที่คล้ายๆกันของ ประเภทนี้คือ...มีอะไรจะคุยหลังไมค์ พวกที่หากอยู่ในห้อง chat รวม...จะชอบ ชวนคนโน้นคนนี้ไปกระซิบกระซาบ... อิๆๆ....มีพฤติกรรมชอบนินทากล่าวร้าย ลองสังเกตดู...อย่าเพิ่งเชื่อผม ประเภทที่สาม.... พวกอีแอบ.... พวกนี้จะเยอะสุด...แอบศึกษาเรียนรู้ แอบอ่าน ฟัง ที่คนคุยกัน แล้วไปจินตนาการ...สร้างเรื่องเป็นช่องเป็นฉาก ว่าคนนั้นรักกับคนนี้ คนนี้เกลียดกับคนนั้น ทำเป็น...ผู้หวังดี..เที่ยวเสือกเรื่องส่วนตัว ของชาวบ้าน.... พวกอีแอบนี้...ถึงจะชอบงานใครอย่างไร จะไม่มีทางแสดงความชื่นชมอย่างออกมา ซึ่งหน้าได้เลย.... อะอะ จันทร์โดนว่าอันเนื่องมาจาก อันนี้ค่ะ และอันนี้ก็เป็นสาเหตุค่ะ... ตอนแรกไม่อยากเอามาลงแล้วละค่ะ แต่ว่าก็อยากให้รู้ว่า คนเราบางทีเค้าใช้บทกลอนเป็นที่ระบายอารมณ์ คลายเครียด หรือ หามิตรภาพที่ดีงามค่ะ มิได้ต้องการเป็น ศิลปินเอกก้องโลก และคนที่นี่ก็เข้าใจกันค่ะ มิได้มานั่งตอ... หรือสร้างภาพอะไร จริง ๆ แล้วอยากเขียนมากกว่านี้ แต่อยากให้เพื่อน ๆ ตัดสินเองค่ะ...
25 มิถุนายน 2551 17:08 น. - comment id 865700
คุณมณีจันทร์ .. จำได้ว่าไม่กี่วันก่อน คุณหอมดอกลำดวนกล่าวกับอัลมิตราในกระทู้ของเขาว่า อัลมิตราไม่ได้จัดอยู่ทั้งสามประเภท ที่มาของความคิดนั้นคงมาจากเนื้อหาตามที่คุณยกคัดลอกมา อัลมิตราเคยบอกเล่าเกี่ยวกับบุคคลเหมือนกันในเรื่องสั้น นานมาแล้ว แต่อัลมิตราเล่าว่า มี 4 ประเภท นกอินทรี - หมี - กระทิง - และหนู ... สัตว์สัญลักษณ์ทั้ง 4 มีอุปนิสัยและวิถีการดำรงแตกต่างกัน ถ้าจะยกเทียบอย่างง่าย ๆ ก็น่าจะเป็นดังนี้นะคะ นกอินทรี .. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เฉียบคม หมี .. อยู่ในกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด สันโดษ กระทิง .. ทะลุดุดัน มุ่งมั่น กล้าชน หนู .. น่าเริง ชอบการประนีประนอม หากคำถามว่า ในชีวิตคนเรา เป็นไปได้ไหม ที่จะอยู่ในสภาวะใดสถานภาพเดียว อัลมิตราขออนุญาตตอบทันใดเลยว่า เป็นไปไม่ได้หรอก ที่เราจะดำรงอยู่ในสภาพเดียวตลอดชีวิต เมื่อคราวที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ใด สภาวะ นกอินทรี หมี กระทิง หรือ หนู ก็จะอัตโนมัติเป็นทันที เช่นว่า เมื่อคราวคับขัน อยู่ในสถานการณ์ต้องตัดสินใจ เราอาจเป็นนกอินทรีโดยไม่รู้ตัว ต้องประเมิน,ประมาณการ เมื่อคราวที่ต้องการอยู่คนเดียว ก็จะกำหนดขอบเขตของตัวเองไม่อยากให้ผู้ใดล่วงล้ำ ตอนนั้น เราคือหมี เมื่อคราวที่จะต้องสู้ ต้องฟันฝ่าให้ได้ โดยมุมานะแน่วแน่ในแนวทาง เราจะกลายเป็นกระทิง และเมื่อคราวที่เราต้องการผ่อนคลาย อยากฮาเฮ อยากเข้ากลุ่มสังคม ไม่พกเรื่องหนักใจ เราใช้จิตวิญญาณหนู ทั้งหมดที่อัลมิตรากล่าว คือสาระประโยชน์ที่อัลมิตราเก็บมาได้จากการไปสัมมนาเมื่อนานมาแล้ว การที่ใครสักคนจะบอกว่าเราจัดอยู่ในประเภทใดนั้น ความเป็นไปได้ที่ถูกต้องอาจมีแค่ส่วนเสี้ยว และการที่เรายืนยันว่าตนเองจัดอยู่ในประเภทใดนั้น แท้จริงแล้ว เรามองตนเองอย่างลุ่มหลงหรือเปล่า ? เมื่อเช้าได้รับแจ้งถึง คห.ที่ 38 ทว่า อัลมิตราติดพันมีงานยุ่งมาก และต้องออกไปข้างนอก (ไปห้องพยาบาล รู้สึกปวดหลังมาก คงยกของหนัก) ช่วงบ่ายพอจะมีเวลาอยู่นิดหน่อย จึงเข้ามาอ่าน ข้อความยาวนะ หมายถึงที่คุณมณีจันทร์ยกคัดลอกมาวาง .. ได้อ่านแล้ว ได้พิจารณาแล้ว และก็ยังคงปวดหลังอยู่ (เกี่ยวกันไหมเนี่ย ?) ยิ้มนะ .. สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว บางทีก็สุดวิสัยที่จะกลับไปแก้ไขใด ๆ หรือ มีคนหลีกเลี่ยงที่จะแก้ไข ที่ทำได้อาจเป็นเพียงประคับประคองให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายลงจนเกินไปนัก ฉะนั้นบางถ้อยคำอย่าไปใส่ใจนัก ที่สำคัญ.. หากมีการขอโทษขอโพยเกิดขึ้น ในส่วนที่ให้อภัยกันได้ก็ให้อภัยกันนะคะ มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
25 มิถุนายน 2551 18:17 น. - comment id 865717
ขออนุญาตคุณสดายุ นำข้อความมาลงไว้ใน ที่นี้นะคะ และขอบคุณคุณสดายุอย่างยิ่ง ช่ออักษราลีจำเป็นต้องนำข้อความเหล่านี้ มาลงไว้ ถ้าคุณอัลมิตราเห็นว่าไม่สมควร ก็ลบทิ้งได้ค่ะ บางข้อความก็ตัดทิ้งไปค่ะ ให้รัดกุมขึ้น เอก.... ผมไม่ไปอ่านประเด็นที่ว่าหรอก... บอกได้เลย และ..... ผมชอบพูดอะไรตรงไปตรงมา อ่านให้ดีดี ประการแรก.... คนเราโดยสามัญสำนึก...การเอาชื่อใคร ไปเที่ยวอ้างต้องบอกกล่าวเจ้าตัวก่อน หากเขาอนุญาตจึงค่อยเอาไป.... แต่กรณีนี้ผมไม่รู้เรื่อง... กรณีนี้...ถือเป็นการตู่เอาเอง..ทำโดยพละการณ์ เหิมเกริมไม่เข้าเรื่อง....หากจะพูดกัน ด้วยสำนวนไทย...ก็ต้องพูดว่า...ลามปาม เล่นกับหมา..หมาเลียปาก.. ประการที่สอง.... นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมเห็น.... เอกเที่ยวทำตนเป็นผู้รู้...เที่ยวไปแนะนำสั่งสอน ชาวบ้าน ครั้งแรกก็ไปสอน..ศารทูล.... ทั้งๆที่ในสายตาผม....งานเอกยังสู้... ศารทูล..ไม่ได้เลย แทนที่จะสร้างงานตัวเองให้ดีก่อน แล้วให้คนเขาค่อยๆชื่นชม....เข้ามาขอคำแนะนำ ซึ่งต้องใช้เวลา... กลับเที่ยววุ่นวาย....เร่าร้อน...ต้องการแสดงออก ถึงความรู้ของตัวเอง...เพื่ออะไร...? ต้องการการยอมรับ..ยกย่อง...? ในเมื่องานเรายังไม่ดีพอ....ใครเขาจะฟัง...? คนเราหากจะชื่นชมใครสักคน...คงไม่มีใครว่า และเสือกไม่ได้....แต่อย่าเอาคนนี้ไปเที่ยว ข่มคนนั้น..คนโน้น...ลูกผู้ชายที่แท้จริง เขาไม่ทำกัน รวมทั้งคำพูด...คำแสดงความรอบรู้ต่างๆนั้น หากว่าเที่ยวจำเขามาแล้วไปพูดต่อ...มันจะเป็น ความสามารถตัวเองที่ตรงไหน เพราะฉะนั้น...ต้องบอกว่า ที่ขอโทษเขาน่ะสมควรอยู่.... และ...ควรขึ้นกระทู้ขอโทษเขาด้วยซ้ำ ที่จริง...คุณช่ออักษราลี...เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และรู้จักกับผมดี....เขาไม่ใช่คนที่..คนอย่างเอก จะไปเที่ยวแนะนำ..สอนอะไรได้หรอกนะ... มันไม่คู่ควร เอกยังเด็กมาก....เรียนยังไม่จบมหาวิทยาลัยเลย ความรู้ก็ใช่จะมากมายอะไร.... ทำไปได้ไงนะ...ผมสงสัยจริง ส่วนเพื่อนๆคุณช่ออักษราลี...ที่เขาเจ็บแค้นแทน ผมเข้าใจ...และที่ลากผมเข้าไประบายอารมณ์ ด้วยนั้น...ไม่เป็นไร...ผมรับไว้เอง ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะมีคนเอาชื่อผมไปวุ่นวาย.... จะมาขอโทษอะไรกันตอนนี้ล่ะ มันไม่จำเป็นแล้ว.... เมื่อเจอเด็กที่คิดไม่เป็นอย่าง..เอก.... จะให้ผมทำอย่างไร การคิดเป็นถึงความควร...ไม่ควร..นี่ มันขาดมากอยู่แล้วในสังคมเชื่อเชื่องแห่งนี้ หวังว่าคุณช่ออักษรา..คงหนักแน่น และเข้าใจอย่างที่พูดนี่...ก็พอใจแล้ว ที่เหลือ....ผมไม่สนใจ....
25 มิถุนายน 2551 21:14 น. - comment id 865747
วานลบคอมเม้นท์บนนี้แล้วกันนะคะ คงไม่สมควร ขอบคุณค่ะ
25 มิถุนายน 2551 21:54 น. - comment id 865752
อิๆๆ... เอาเรื่องแบบนี้มาถาม... สาวเชียงใหม่กับสาวแถวลาดพร้าว... ยิ่งชอบเหน็บผมว่าคำถามน่ะสั้นนิดเดียวเอง แต่คำตอบน่ะ...ย๊าว..ยาว....ทุกทีเลย อ่านจนเจ็บตา....ฮาๆๆ คนใจแคบ... จะมีลักษณะปกป้องตัวเองสูง.... เห็นบ่อยๆไป...ที่เล่นสัมผัสเลือน เช่น...เอา.... อาย ไปสัมผัสกับ ไอ กำ....สัมผัส....กาม ไร....สัมผัส....ราย พวกเขาคิดแต่ว่าเอาเสียงพูดเป็นสำคัญ หารู้ไม่ว่าที่พูดกันน่ะผิด น้ำ...อ่าน...น้าม ได้...อ่าน...ด้าย ไม่รู้สึกรู้สากันเลย.... แทนที่จะช่วยรักษาร้อยกรองที่สืบทอดมา แต่โบราณ...กลับกลายเป็นการทำลาย กลอนแบบเด็กๆที่คำอาจจะเกินบ้าง แต่ใช้คำให้ถูกต้องยังดีเสียกว่า คิดว่าจำนวนมากยังไม่รู้เลยว่า สัมผัสบังคับ...กับสัมผัสในหรือสัมผัส ไม่บังคับมันต่างกันอย่างไร การเขียนร้อยกรอง.... แปลว่าคำที่จะใช้ต้องคิดกลั่นกรองให้ดีก่อน กรอง...แปลว่า...คัด กรองน้ำ...คือคัดขยะปฏิกูลหยาบๆออกก่อน กรองกะทิ...คือคัดกากมะพร้าวออกก่อนเอาแต่น้ำ กรอง...คือการคัดสรร... (สรร...แปลว่าเลือก ส่วน.สรรค์..แปลว่าสร้าง...เลือกใช้ให้ถูก อย่ามั่วกันเน้อ....) หากไม่ต้องการเสยเวลาคัดสรรคำมาเขียน ก็เขียนร้อยแก้วไง....ไม่มีใครบังคับ แล้วอาการ...หมาหางด้วน...หรือ..องุ่นเปรี้ยว ก็หนีไม่พ้นให้คนจับจองเล่นบทบาท... ว่าอย่าไปยึดติดกับกรอบกฎเกณฑ์บ้างล่ะ อย่าไปยึดคิดกับรูปแบบ..บ้างล่ะ ร้อยแก้วไง....ไม่มีกรอบ...หากไม่สามารถ หรือทำไม่ได้ที่จะคัดสรรกรองคำ...ก็ไปเล่นอีก ดิวิชั่น...อิๆๆ กระดาน Thaipoem เป็นกระดานเด็กๆ.... ยังเหมือนกบในกะลากันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีพัฒนาการ....สนุกสนานกันไปวันๆ เขียนผิดๆ...ก็ยัง... เพราะจังเลยค่า.... ฟังรื่นหูจังเลยนะคะ.... เยี่ยมมากเลยครับ.... อันไหนกลอน...อันไหนโคลง...ฉันท์...เด็กๆพวกนั้น มันยังไม่รู้จักแยกแยะเลย....คือโลกของเขามีแต่ กลอน....ร้อยกรองทุกชนิดคือกลอน....อิๆๆ เราอย่าไปโกรธเลย.... เดาว่าคนที่เกิดกรณีกันจะเป็น...ผู้ชาย อาการบ้ายอ...ที่เขียนอะไรนิดหน่อย แล้วเด็กอนุบาลชมกันใหญ่..จะทำให้ทน คำชี้แนะจากคนที่รู้กว่าไม่ได้ ผมก็เคยโดน... แต่รายนั้น...บอกว่า...บทกวีอยู่ที่ใจ...ฉันทลักษณ์ ว่าไปนั่นเป็นกรอบให้ใจไม่อิสระ....ฮะฮา ใจอิสระมันอยู่ที่เนื้อหา.... แต่ฉันทลักษณ์เป็นการท้าทายภูมิคนเขียน เมื่อประเมินดูแล้วว่า...อารมณ์ และ อาการดังนั้น ต่างกันเกินไปที่จะพูดคุยด้วย...ก็ต้องละไว้ วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนในแวดวง นักเขียนหรือศิลปินนี่...จำนวนมาก ยังยังขาดอยู่...บกพร่องอยู่โดยมาก ลองดูกรณี...จิตรกร...ที่วาดรูปพระกับอีกา จนเกิดกรณีพิพาทออกสื่อใหญ่โตว่าหมิ่นศาสนา หรือไม่...คงจำกันได้.... เมื่อถูกวิพากย์จะมีการปกป้องตนเองสูงมาก (แน่นอน...คนวิพากย์หากแสดงทัศนะแบบขาย ขี้เท่อ...ออกมาก็ไม่คู่ควรต่อการรับฟังใดๆ... อันนี้เห็นด้วยอยู่แล้ว) ส่วนอาการรุมด่าช่วยพวกนั้น....เป็นอาการแห่ตาม ที่มีอยู่เป็นปกติในสังคมเชื่องเชื่อนี้.... ตอนงานผมถูกขโมยโดยสมาชิกเวป...แจ่มใส ของ..สนพ.แจ่มใส...แล้วผมไปโพสต์ประจาน ในห้องสมุด ถนนนักเขียน พันทิป หัวข้อ "หัวขโมยแห่งแจ่มใส"....มันยังส่งลิ่วล้อ ตามมารุมด่าผมถึงในบล็อคนี่เลย ก็แค่ล็อคอินแล้วลบมันทิ้งเมื่อเห็นเท่านั้น...จบ คงโกรธที่เอาชื่อ..."แจ่มใส"...มาปู้ยี่ปู้ยำ แต่มันคิดผิดจริงๆ.... ผมจะด่าทุกครั้งที่มีโอกาส.... จนกว่าจะตายกันไปข้าง...หรือไม่ เจ้าของแจ่มใส ถูกยิงทิ้งแล้วค่อยหยุด...อิๆๆ นี่คืออาการหาแห่ดมกลิ่นเยี่ยวแบบหมาจรจัด ตามถนน...ที่จะฮือกันเข้ามาพร้อมๆกัน แต่หากเราวิ่งย้อนเข้าใส่...มันจะแตกฮือ ไปคนละทิศละทาง...ลองดูสิหากไม่เชื่อ อย่าไปคิดอะไรมาก.... เอกก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ.... วิธีหนึ่งที่อาจจะใช้ได้ผลสำหรับกรณีแบบนี้ ต้องแสดงตัวเป็นผู้หญิง....หากจะไปบอกผู้ชาย เขาจะยอมรับได้มากกว่า...แล้วคำพูดต้อง เป็นประเภทว่า...เคยเห็นบางคนว่าเป็นอย่างนี้ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกัน...คือต้องแสดงว่า เราก็ฟังเขามาอีกที...อะไรทำนองนี้ สันดานบางคนมันจะพอรับได้...อิๆๆ เรื่องเดียวกัน...มีวิธีจัดการต่างๆกัน วิธีไหนจะได้ผลกับคนประเภทไหน ต้องผ่านประสบการณ์ด้วยตนเอง แล้วจะพอมองออก เชื่อหรือไม่..? โดย: สดายุ IP: 124.121.230.44 22 มิถุนายน 2551 18:31:40 น. .................................................................... "กระดาน Thaipoem เป็นกระดานเด็กๆ.... ยังเหมือนกบในกะลากันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีพัฒนาการ....สนุกสนานกันไปวันๆ เขียนผิดๆ...ก็ยัง..." นี่คือคำพูดของผู้ที่ประเมินตนเองว่ามีภูมิรู้และ มีวุฒิภาวะสูงหรือ .................................................................... "อันไหนกลอน...อันไหนโคลง...ฉันท์...เด็กๆพวกนั้น มันยังไม่รู้จักแยกแยะเลย....คือโลกของเขามีแต่ กลอน....ร้อยกรองทุกชนิดคือกลอน....อิๆๆ" นี่คือประโยคที่จะก่อให้เกิดแรงใจแก่ผู้คิดจะฝึกหัดเขียนร้อยกรองกระมัง ................................................................... "เราอย่าไปโกรธเลย.... เดาว่าคนที่เกิดกรณีกันจะเป็น...ผู้ชาย อาการบ้ายอ...ที่เขียนอะไรนิดหน่อย แล้วเด็กอนุบาลชมกันใหญ่..จะทำให้ทน คำชี้แนะจากคนที่รู้กว่าไม่ได้" ประโยคนี้คงมาจากประสบการณ์ตรงและจิตสำนึกของเจ้าของคำพูดกระมังจึงเข้าใจเหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจเขา .................................................................... "วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนในแวดวง นักเขียนหรือศิลปินนี่...จำนวนมาก ยังยังขาดอยู่...บกพร่องอยู่โดยมาก" ประโยคนี้คงรวมถึงเจ้าของคำพูดด้วยกระมัง ................................................................. "นี่คืออาการหาแห่ดมกลิ่นเยี่ยวแบบหมาจรจัดตามถนน...ที่จะฮือกันเข้ามาพร้อมๆกัน แต่หากเราวิ่งย้อนเข้าใส่...มันจะแตกฮือ ไปคนละทิศละทาง...ลองดูสิหากไม่เชื่อ" แต่เมื่อจนตรอกหมามันก็สู้นะครับ หมาก็มีศักดิ์ศรีไม่ต่างกับคนนะครับ .................................................................. "อย่าไปคิดอะไรมาก.... เอกก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ.... วิธีหนึ่งที่อาจจะใช้ได้ผลสำหรับกรณีแบบนี้ ต้องแสดงตัวเป็นผู้หญิง....หากจะไปบอกผู้ชาย เขาจะยอมรับได้มากกว่า...แล้วคำพูดต้อง เป็นประเภทว่า...เคยเห็นบางคนว่าเป็นอย่างนี้ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกัน...คือต้องแสดงว่า เราก็ฟังเขามาอีกที...อะไรทำนองนี้ สันดานบางคนมันจะพอรับได้...อิๆๆ" แล้วตกลงเอกทำถูกหรือทำไม่ถูกครับ วิธีการดังกล่าวจะดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่นมากไปกระมังครับ เค้าว่ากันว่าสันดานเด็กมักจะดูได้จากผู้ที่เขาคลุกคลีและสนิทสนมนะครับ .................................................................. ตอนแรกก็ว่าจะวางเฉยในกรณีนี้ครับ แต่เมื่อได้มาอ่านคอมเม้นท์ของคุณมณ๊จันทร์และของคุณช่ออักษราลีแล้ว มีความรู้สึกว่าความคิดเห็นของคนๆเดียวกันในกรณีเดียวกัน ไฉนจึงต่างกันราวกับนรกกับสวรรค์โดยสิ้นเชิง และการดูหมิ่นสมาชิก thaipoem ไม่น่าจะหลุดออกจากจิตใจของผู้ที่ประเมินตนเองว่ามีความสามารถด้านร้อยกรองและวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง จึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้ ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งซึ่งมาเขียนกลอนด้วยใจรัก และเพื่อฝึกฝนพัฒนาตนเอง ขอบคุณครับ หากความเห็นกระทบกระทั่งถึงจิตใจของผู้ใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
26 มิถุนายน 2551 01:01 น. - comment id 865772
ลุงกุ้งขอรับ... "ดูไปดูมา..ใครชั่วกว่าใครครับ.... หรือเด็กชั่วเพราะผู้ใหญ่สั่ง" อ้ายกระผม..มันงงขะรับระหว่างความเป็น ผู้ดี..ความเป็นปราชญ์..หรือความเป็นเปรต.. มันต่างกันตรงไหนนะขอรับ
26 มิถุนายน 2551 09:08 น. - comment id 865817
ท่านเจ้าบ้าน..ที่เคารพ. อ้างถึง ความคิดเห็นที่ 38 ลงมา... ขออนุญาต..พูดคุยนิดกับลูกบ้าน...ในประเด็นนี้ ควรมิควรแล้วแต่จะกรุณา...หากเห็นไม่เหมาะสมสามารถลบทิ้งได้ทุกเมื่อ... คุณกุ้งชาย.. นรก/สวรรค์.....เรายังไม่ถึงเวลาที่จะไป...เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งด่วน/รีบ....ควรจะอยู่บนโลกมนุษย์อีกสักพัก ศึกษาผู้คนก่อน...อย่าพึ่งตัดสินใจว่าใครดี/ ร้าย...พระเจ้าท่านยังพิพากษากันวันสุดท้ายเลย... เมื่อสถานการณ์แตกต่างไป...เขาคนนั้น ก็แก้ไขแล้ว/ ขอโทษแล้วนี่นา.....คุณช่อฯ เลยโพสมาลงไว้ให้อ่านกัน...อย่าได้คลางแคลงใจต่อไปเลย... :) อภัยน่ะ ใจเย็นๆ ส่วนเรื่องที่พวกเราเด็กอนุบาล...จะเขียนกันต่อไปหรือไม่ ก็อยู่ที่พวกเราอีกนั่นแหละ....คงไม่ซ้ำชั้นไปนานหรอก ยังไงก็ต้องได้ขึ้นปอหนึ่งอยู่ดี.... :) เราก็หวังว่าความเห็นของเรา จะไม่กระทบใจนายเช่นกัน...ในฐานะเด็กหัดเขียนก็ทำได้เท่านี้แหละ ... .................................................................. คุณช่อฯ ไม่น่าจะต้องลบคอมเมนต์นะ จะได้อ่านแล้วคิดตามได้...ไม่ขาดตอนและประเมินสถานการณ์ได้.....เชื่อว่าผู้อ่านแยกแยะได้ค่ะ.. เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ :) .................................................................... คุณฝากฝัน.. ในฐานะชื่อกุ้งเหมือนกันขอตอบแทนแล้วกัน.... ขึ้นชื่อว่าเด็ก....เราก็ต้องยอมรับ..ในวุฒิภาวะ.....เมื่อเด็กขอโทษแล้ว เราจะไม่ให้โอกาสเขาอีกเลยหรือ...(เมื่อเราขึ้นชื่อว่าโตกว่าเขา :) ) ส่วนผู้ใหญ่...ก็อาจมีหลงๆ ลืมๆ มีบ้างที่สอดส่องไม่ทั่วถึง....เมื่อรู้ก็ปรามไปตามสมควรแล้ว...ก็นับว่าได้ทำหน้าที่แล้วค่ะ....จริงไหม? :) หวังว่าคงเป็นคำตอบที่พอเหมาะพอดี กับคำถามน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ... กุ้งหนามแดง .................................................................. สุดท้ายนี้ขอให้เจ้าบ้านรักษาสุขภาพด้วย เพื่อรับวันที่ภาระกิจสำคัญจะมาถึง...ในเร็ววันนี้.. :) ....................................................................
26 มิถุนายน 2551 13:42 น. - comment id 865919
คุณช่ออักษราลี + คุณกุ้งก้ามกราม .. ขออนุญาตตอบรวบสองท่านเลยนะคะ อ่านจากข้อความที่คุณทั้งสองคัดลอกมา ซึ่งข้อความต้นฉบับมาจากบุคคลเดียวกัน คุณช่ออักษราลีเหมือนกับจะบอกว่า ไม่ได้ติดใจอะไรเลย ให้อภัยคุณที่วิจารณ์กลอนไปแล้ว คุณช่ออักษราลีต้องยืนยันกับตนเองนะคะ ว่าคิดอย่างนั้นจริง ๆ อัลมิตราคงไม่ลบ คห.40 ค่ะ ส่วนคุณกุ้งก้ามกรามเหมือนกับยังมีข้อข้องใจ แต่ไม่ใช่กับคนที่วิจารณ์กลอนของคุณช่ออักษราลี เข้าใจว่าคุณกุ้งก้ามกรามพบข้อความที่โยงมาเวป และเหมือนว่าจะรู้สึกกระทบกระเทือนใจอย่างแรง เอาไงดี .. ล่ะ ถ้าจะต้องตอบคอมเมนท์นี้ ฐานะของเจ้าของกระทู้กลอนนี้ ต้องคิดให้ดีก่อนตอบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องตอบเพื่อเอาใจใคร ถ้าได้อ่านทุกถ้อยคำตั้งแต่เริ่มต้นเหตุการณ์------------------> จบ โดยไม่ตัดทอนบางคำบางประโยคออก ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า คนที่เข้ามาอ่านและได้รับรู้จะรู้สึกกระทบกระเทือนใจเหมือนคุณหรือเปล่า ? ชอบให้ตอบตรง ๆ มั๊ย อัลมิตราอยากเป็นหมี ไม่อยากเป็นกระทิง ในตอนนี้ .. ( ทั้ง ๆ ที่ อัลมิตราเชียร์กองหน้าของสเปน ชาวหงส์แดงด้วยกันอย่างสุดใจ ฮา.. ) .. ถ้อยคำ(ที่กล่าวถึงเวป) ที่แรงกว่านี้ก็ยังเคยเห็น ..ทว่า .. อัลมิตราไม่ได้เก็บมาใส่ใจต่างหาก .. เรารักบ้านของเราก็ดีแล้ว ถึงแม้ว่าใคร ๆ จะนึกรังเกียจก็ตามแต่ .. สุขตามประสากันเถิดเรา ..จริงมั๊ย ? คุณฝากฝัน .. แหะ ๆ คุณกุ้งก้ามกรามต้องเป็นคุณตอบคุณแหง๋เลย สายตาของคุณเล็งเป้าใหญ่นะนั่น คุณกุ้งหนามแดง ..อืมม !! .. ยังปวดหลังอยู่อีกนิด แต่ก็ทุเลาจากเมื่อวานไปแยะ ทว่า..สงสัยจะเริ่มปวดหัวแทน แต่คาดว่า ถ้าได้จิบไวน์ขาวจากที่ลุงแก้วประเสริฐจะหนีบจักกะแร้มาฝาก .. คงหายเมื่อย หายปวดหลังเป็นปลิดทิ้งเชียว ปล. ขอมอบสายสะพายตำแหน่งนางงามสันติภาพให้ .. เอ้า เดินรอบเวทีหน่อย แล้วหมุนตัวเกลียวสามชั้นด้วยจ้า
26 มิถุนายน 2551 21:47 น. - comment id 866039
อ่านแล้วก็นึกถึงตอนตัวเองเขียนงานในบ้านกลอนแรก ๆ ยังนึกขัน อ่านกี่ทีกี่ทีก็ทำให้คิดว่าที่นี่แหละที่ช่วยให้กรเขียนกลอนได้ดีขึ้น เพราะพี่ ๆ เพื่อน ๆ และครูหลาย ๆ คนที่ให้คำติชมรวมทั้งกำลังใจ พี่อิมเอาไปเลยพวงมาลัย ช่างคิดให้นึกขันได้จริง ๆ กลอนน่ารักดีคับ
26 มิถุนายน 2551 22:14 น. - comment id 866045
ศิษย์น้อง .. เหมือนหนังไทยเป๊ะ ที่ตำรวจเพิ่งโผล่มา ตอนหนังใกล้จบเรื่องแล้ว โห..ก่อนหน้านั้น เขารัวยิงกันระเนระนาดกระสุนเกลื่อนกลาด.. สงสัยมัวกลัดกระดุม หรือไม่ก็กะว่าจะมาเก็บปลอกกระสุนไปขายทำทุนเรียนต่อเฉพาะทางสาขา ไม่สิ ต้องเปรียบเทียบว่าเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอก (คุณช่ออักษราลี) ทว่าคงลืมใส่อานบนหลังม้า .. กว่าจะกระโผกกระเผกมาได้ ศิษย์พี่รอตั้งนาน .. ศิษย์น้องชอบคำว่า บ้านวรรณกรรมไทย มั๊ย .. ชุดพละที่ทำให้เด็กนร.บ้านท่าระพา ก็สกรีนตรงหน้าอกซ้ายว่า "บ้านวรรณกรรมไทย" ด้วยนะ .. ไว้จะถ่ายรูปมาให้ดู เออนี่ .. บ้านวรรณกรรมไทย ทรงบ้านคล้ายกะลาจริง ๆ เหรอ .. ชอบนะนั่น เหมือนท้องฟ้าจำลองเลย เคยไปที่นั่นมั๊ย โค้ง ๆ มน ๆ ... คุณกวีปกรณ์ .. มีแบงค์พันเหน็บมาด้วยป่าว เอ่ย ...
26 มิถุนายน 2551 21:06 น. - comment id 866050
สวัสดีครับพี่น้องชาวไทยโพเอ็มทุกท่าน พึ่งเข้ามาอ่านเจอกับเหตุการณ์ กว่าจะเข้าใจก็เล่นเอาซะหิ่งห้อยบินมาตอมตา ต้องหยิบแว่นตามาพอประทัง ขอกล่าวชื่นชมคุณหอมดอกลำดวนในส่วนที่ว่า เป็นคนตรงไปตรงมา รู้สึกอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น วิพากษ์วิจารณ์บทกลอนของคุณช่ออักษราลีได้อย่างถึงพริกถึงขิง จนหมึกมรกตมิสามารถละสายตาได้แม้เพียงพยางค์เดียว และอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ หายากนะครับบุคคลเช่นนี้ หมึกมรกตคิดว่าการได้รับคำวิจารณ์จากคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะโดยลำพังเราไม่สามารถที่จะมองตัวเองได้อย่างทั่วถึง บางครั้งเราก็จำเป็นต้องใช้กระจกเงาในการสำรวจตัวเอง ในส่วนของกระจกเงาหากใสสะอาด ไม่มีรอยตำหนิและแสดงภาพของผู้ส่องได้ตามความเป็นจริง(ไม่ใช่อ้วน แต่พอส่องกระจกแล้วผอม หรือส่องแล้ว เอ..ทำไมหน้ามันบานจัง หุหุ) ย่อมที่จะทำให้ผู้ส่องหมั่นตรวจตราตัวเองตลอดเวลา แต่ก่อนเมื่อครั้งสมัยเรียนมัธยมเวลาทำข้อสอบวิชาภาษาไทย เคยหยิบหนังสือเฉลยมาดูพร้อมกันถึง 5 เล่ม หลายๆ ข้อ ที่คำตอบแทบจะไม่ตรงกันเลย ทั้งๆ ที่ผู้เฉลยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถทางภาษาในระดับสูง นั่นแสดงให้เห็นว่า ภาษาไทยไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว ความรู้หลายๆอย่าง มาจากการคิดวิเคราะห์ ซึ่งก็แตกต่างไปแล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน ถ้ามีคนถามว่า 1 + 1 เท่ากับเท่าไหร่ แล้วผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูคณิตศาสตร์ตอบว่า 3 ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะหัวเราะเย้ยหยันและกล่าวประณามว่าเหตุไฉนไยกล้ามาเป็นครู!! สิ่งหนึ่งที่หมึกมรกตคิดว่าเป็นมนต์เสน่ห์ของสังคมไทย ที่หายากจากสังคมอื่น คือการมีสัมมาคารวะ รู้จักนอบน้อมผู้ที่มีอาวุโสกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะวิจารณ์ไม่ได้ แต่เราก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร (ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นปัญญาชน) **เว้นก็เสียแต่ไม่ใช่** ถึงแม้หมึกมรกตอยากจะสำรวจตรวจตราตัวเองเสมอๆ ก็คงไม่เลือกที่สำรวจกับกระจกที่มีรอยแตกร้าว หรือมีจุดด่างดำ แม้มันจะบอกเราได้ก็ตาม :) ซึ่งเชื่อว่าคนอื่นๆ ก็คงจะเหมือนกัน หมึกมรกตอยากบอกกับพี่น้องชาวไทยโพเอ็มว่า ณ บ้านวรรณกรรมไทย(สร้างกระแสให้ศิษย์พี่สักหน่อย แหะๆ)หลังนี้เป็นที่ที่อบอุ่นที่สุดจากทุกแห่งเท่าที่เคยแวะเวียนผ่าน มีความเป็นพี่เป็นน้อง มีความห่วงใย และมีความหลากหลายของบทกวี และที่สำคัญบ้านวรรณกรรมหลังนี้ยังสร้างนักกลอนที่มีชื่อเสียงมาแล้วหลายท่าน "Thaipoem เป็นกระดานเด็กๆ เหมือนกบในกะลา ไม่มีพัฒนาการ สนุกสนานไปวันๆ" ดีจังเลยนะครับที่บทกวีทำให้เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย ที่ไหนที่มีเด็กเยอะ ที่นั่นมักจะเต็มไปด้วยความสุข และเสียงหัวเราะเสมอๆ คนที่ผ่านการเป็นผู้ใหญ่ทุกคน ล้วนแล้วแต่ต้องผ่านวัยเด็กกันทั้งนั้น เพราะมันคือพัฒนาการ เว้นเสียแต่ว่า **ไม่ใช่คน** เป็นกบในกะลาก็ยังดีกว่าเป็นกบที่ไม่มีบ้านให้อยู่ บางครั้งกะลาอาจใช้เป็นที่หลบภัยได้เป็นอย่างดี (ปลอดภัยร่ะก็ค่อยออกจากกะลาร่ะกาน หุหุ^ ^ ) ถ้าเราลองไปอ่านบทกวีที่เคยได้รับรางวัลซีไรต์เราจะพบว่าบ่อยครั้งที่ผู้ประพันธ์ไม่ได้ยึดตามฉันทลักษณ์หลักภาษาเลย เช่น เอา ก็เอามาสัมผัสกับ อาว ไอ ก็เอามาสัมผัส กบ อาย แต่ผู้ตัดสินท่านได้เล็งเห็นถึงความคิดสร้างสรรค์มากกว่า ด้วยมองถึงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ความหมายแยบคายแฝงด้วยแง่คิดที่เป็นประโยชน์ ทั้งยังไม่ทิ้งความไพเราะ ท่านจึงตัดสินให้ชนะเลิศ ผู้ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ในโลก ก็มักจะมีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป เพราะเขารู้ดีว่า บางครั้งความคิดที่แตกต่าง นำมาสู่แนวทางที่สร้างสรรค์ หมึกมรกตเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ชนิดที่ไม่มีการปราณี ถึงกับหลงเข้าไปในวังวนของมารยา แต่เวลาและประสบการณ์สั่งสมให้เราเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะมากขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้คุณอักษราลีสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองต่อไปครับ คุณหอมดอกลำดวนอายุยังน้อย และมีฝีมือ กระผมว่าสักวัน คุณอาจจะเป็นกระจกที่ใสที่สุดเท่าที่เคยมีมา :) และเข้าใจคุณช่ออักษราลีดี
26 มิถุนายน 2551 22:27 น. - comment id 866067
อรึ๊ยยยยย...!!! กรอ่านกลอนจบก็ตั้งใจคอมเม้นท์ แต่พออ่านคห ทุก คห ถึงกับอึ้ง สถานการณ์น่าจะคลี่คลายแล้วนะคับ ให้กำลังใจพี่ช่อฯด้วยนะคับ กรก็เด็กฝึกหัด มาร่วมหัวจมท้ายกันในกะลาที่งดงามแห่งนี้กันต่อดีกว่า อย่างน้อยก็มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
27 มิถุนายน 2551 07:09 น. - comment id 866139
อรุณสวัสดิ์คุณกวีปกรณ์อีกครั้ง ..เรื่องราวก็มีที่มาที่ไปแบบนั้นแล จากที่มาของกลอน และก็มีเรื่องที่เหนือไปกว่านั้นนิดหน่อย ในเรื่องของควรหรือไม่ควร ทำนองนี้ แต่ทุกอย่างก็จบด้วยดี ไม่ถึงกับเอาเป็นเอาตายแค้นฝังลึก หรือเลิกคบหากันไป บางทีวิสัยทัศน์ที่แตกต่าง หากพูดโพล่งออกไปแล้ว อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ บางคนรู้สึกผิดหวังในสิ่งที่พบที่เห็น บางคนรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ บางคนรู้สึกซึมเซ่อจังงัง เวปบ้านวรรณกรรมไทย ..ก็ถูกลากมาเกี่ยวโยงด้วยทั้งที่มันไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องถึง และแล้วมันสำคัญซะที่ไหนกับคำกล่าวเหล่านั้น :) ... สุขกันเถิดเรา สเปนเข้ารอบชิงแล้ว เห็นชาวหงส์แดงที่ออกกองหน้ามั๊ย ดูสิ !! ขนาดท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำ เขายังเริงร่าเลย
27 มิถุนายน 2551 13:31 น. - comment id 866245
สวัสดีพี่ๆทุกคนและเพื่อนชาวเราบ้านกลอน(ในกะลาครอบ) โอเลี้ยงเคยเจอแบบคล้ายๆพี่ช่อเมื่อ4ปีก่อน ตอนอยากกลับมาเรียนไทยอีกหน หลังสอบเทียบครั้งที่2 (มอ3) ตอน12ขวบ งานและการเรียนหนักที่นี่ ทำให้โอเลี้ยงอยู่หอนาน ไม่เคยได้กลับไปเรียนไทยกับป้า(แม่บ้านอีก) จนวันหนึ่งเมื่อไปฝึกงานในที่ๆหาคนคุยยาก โอเลี้ยงจึงเข้ามาโลกเน็ตและได้เปิดไปที่ไทย...ติดใจเพลงลูกทุ่งไทยมากๆจนอยากรู้ความหมาย จึงเริ่มพลิกคดี เอ้ย เริ่มหัดเรียนด้วยตนเองใหม่อีกรอบ (หลังจากนั้นเคยกลับไปไทยยามประชุม ลองคุยกับแม่ค้าขายขนมไข่นกกระทา แทบทรุดตัวเองแทบพูดไทยไม่ได้แล้ว) แต่วันนั้นกลับมาที่นี่อีก โอเลี้ยงจึงตั้งต้นเรียน พูด เขียน ไทยอีกหน เริ่มจาก ก ไก่เลย (ตอนนี้เป็นกบในกระลาจริงๆ ไม่ทักคุยกับเพื่อนคนไทยที่เวบไหน เขาสวนมาอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน บางคนพยากรณ์กระแทกหน้ามาว่า "อยากหัดไทยหรือ ฆ่าตัวตายไปเกิดใหม่สิ รับรองเรียนรู้เรื่องแน่" โอเลี้ยงเป็นนักผจญภัย ชอบปีนเขาอยากรู้ภูเขาลูกไหนบ้างปีนไม่ได้ จากปลายปี2006 งานโอเลี้ยงไหลออกมามากมายทั้งๆที่คนคิด ..ยังคิดด้วยไทยไม่เป็น และเขียนไทยบนแป้นที่ไม่มีภาษาไทย แถมฟ้อนไทยก็มีถึง๔ชนิดให้ปวดหัว แต่โอเลี้ยงก็ไม่ยอมแพ้ เขียนกลอนเปล่า นิยาย เรื่องสั้น ความเรียงด้วยการเรียนโดยใช้ข้อมูลเจากประสบการณ์ที่พบเห็นมา และเมื่อตุลาปลายเดือนปีที่แล้ว โอเลี้ยงเร่ร่อนไปเล่นที่เวบแห่งหนึ่ง คนด่ากึ่งแนะกลอนเปล่าโอเลี้ยงว่า "นี่เธอเรียนไทยเป็นไหม กลอนแปดที่ไหนใครเขียนแบบนี้ โธ่โง่เป็นควายยังสะเออะอยากเรียนไทยนะ" นั่นเป็นจุดแรกที่โอเลี้ยงเริ่มหัดกลอนแปดเลิกเขียนกลอนเปล่า ที่นี่คือคลังหนังสือชั้นเยี่ยม โอเลี้ยงแวะมาอ่านเสมอ จนกลับไปเล่นที่เวบที่เคยถูกคนด่า แต่บุคคลเหล่านั้นสูญสลายไปแล้ว แต่โอเลี้ยงยังอยู่ จากกลอนแปดโอเลี้ยงกระโดดไปกลอนกลบท ยังยอมเชื่อคนเก่งๆบอกอย่าเลยหัดไปแกงอย่างไรก็ไม่อร่อย โอเลี้ยงไม่ค้านเลย...แต่ไม่เชื่อ คนไทยสมัยโบราณเล่นกันมานานแถมคนเก่งๆทั้งนั้นที่เล่น จิกซอร์อักษรนี้ต้องมีดีแน่...ทุกวันนี้ยังเขียนยังค้น ยังหัดไม่ท้อ ไม่ใช่อะไร แค่ฉลองศรัทธาคนด่าทุกคน ที่บ่นมามากมายขอภัยพี่ๆและเพื่อนๆทุกคนที่นี้ด้วยนะคะ แค่อยากเน้นให้เห็นว่า...บางทีคำด่าติ วิจารณ์ จะเป็นยาพิษฆ่าเราได้ แต่ก็ไม่ใช่จะช่วยให้เราเป็นมนุษย์ไม่กลัวสารพัดพิษไม่ได้เช่นกันนะคะ...แค่เรากล้ายืนต้านต่อไป
27 มิถุนายน 2551 15:56 น. - comment id 866286
555+ พอดีกำลังหัดขี่ม้าอยู่นะครับ เผื่อได้เป็นพระเอกกับเขามั่ง หานางเอกยังไม่เจอเลย แอบหลบไปไหนแล้วหล่ะครับศิษย์พี่ ช่วงนี้ศิษย์น้องนอนดึกไปหน่อย(ก็แต่ละคู่น่าดูทั้งนั้นจะให้พลาดได้ไง ^ ^) ชอบครับ ^ ^ ไว้จะรอดูรูปสวยๆ รอยยิ้มหวานๆ บาดตาบาดใจของศิษย์พี่นะครับ สงสัยๆ โค้งๆ มนๆ ไว้จะให้ศิษย์พี่ พาไปดู แหะๆ
28 มิถุนายน 2551 21:49 น. - comment id 866750
คุณโอเลี้ยง .. เรื่องของกะลา เรื่องของการถูกเปรียบเทียบว่า ที่นี้กระจอก ห่วย ต้อยต่ำ ถ้อยทำกระทบเหล่านั้น ไม่ได้ส่งผลให้อัลมิตรารู้สึกว่า กระจอก ห่วย ต้อยต่ำ ตามไปด้วยเลย ใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเขา ความสุขของเรา เรากำหนดได้เองค่ะ ศิษย์น้อง .. ศิษย์พี่ขี่ม้าเป็นนะ มีรูปตอนขี่ม้าด้วย แต่ไม่โชว์ภาพหรอก มุบมิบ มุบมิบ พรุ่งนี้ ต้องเชียร์สเปนนะ ไม่งั้น เสกให้เข็มฉีดยาเข้าท้องจริง ๆ ด้วย
30 มิถุนายน 2551 13:08 น. - comment id 867386
ศิษย์น้องเชียร์เยอรมันอ่ะคับ ว่ายุอารายแปล๊บๆที่ท้อง อิอิ ล้อเล่นๆ ค๊าบบบ เพราะเชียร์สเปนร่ะครับ ถึงได้ชนะ ปล.ไม่เอามาโชว์เดี๋ยวจะแอบไปดู
20 กรกฎาคม 2555 05:52 น. - comment id 1239077
ลบเถอะค่ะ กระทู้นี้