๑) ฝนตกในบางช่วง น้ำตาร่วงในบางที่ ฟ้าใสเหมือนใจดี (แต่)ชาวนาจมหนี้กันอีกครา ข้าวกำลังตั้งท้อง ต้องหม่นหมองกันถ้วนหน้า พายุที่ไหนมา... พัดโค่นชีวาลงไปกอง อยากเห็นฟ้าใสเหมือนใครเขา กลับต้องเศร้ากลางนาฟ้าสาดส่อง ข้าวออกรวงเป็นเหลืองทอง เพิ่งตั้งท้องต้องแท้งทิ่มแทงใจ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้หนี้ ชีวิตดีดี..มีบ้างไหม นี่แหละชาวนาไทย เห็นเขาร้องไห้ชั่วชีวิต .................................. ประทับหน้าเป็นหนี้ชั่วชีวิต ๒) มิเคย..ได้ค่าราคาข้าว มือใครยาวสาวผลจากคนผลิต ตีราคาเพียงน้อยนิด เพราะคิดอย่างนายทุน ทุ่งนาไม่ได้มีเพียงข้าว แต่ความหวังยังพราวใต้แสงอุ่น เขาหวังมากไป..ใช่ไหมคุณ จึงเป็นหุ่นไหม้ฟางกลางโลกา ..................................... ....................................
9 มิถุนายน 2551 09:37 น. - comment id 859200
ทำไมวันนี้เราเขียนเรื่องชาวนาเหมือนกันน๊อ.. คิดถึงยายตา..ปู่ย่าของเรา ก็ทำนาเลี้ยงลูกมาทั้งนั้น... เวลาฝนตกกระทบหลังคาสังกะสี นี่ระทึกจริงๆ เลยเนอะ...โดยเฉพาะตอนที่ต้องหาหม้อ อ่าง ถัง ฯลฯ ไปรองตรงที่มันรั่ว..อลหม่านจริงๆ เลย..
9 มิถุนายน 2551 10:00 น. - comment id 859225
รักภาพรวงเรียวที่กำลังเกี่ยวเศร้า ฝากรานร้าวให้กับชาวนาค่ะ งานยอดเยี่ยมเสมอนะคะ ด้วยรักค่ะ พุดไพร สาวบ้านนา http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem113256.html รวงระย้า..รับ..ฟ้างาม..!สาวบ้านนา http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem114452.html อกแผ่นดิน....สาวบ้านนา ...................... วิมานข้าวเปลือก (Rice Field Palace) ลำน้ำน่าน งามเดือนทองศุกร์สกาวเช้าวันพระ อายตนะหนาวเหมันต์อันอ่อนไหว ผกายดาวประจำเมืองรองเรืองไป ลอยครรไลละเมอเสียงโกกิลา งามฤดูรอยเกวียนอย่าเปลี่ยนแปร สวยกระแสสายนทีปรารถนา ข่าวคนไกลฝากลมเหนือเจือล่องมา สะอื้นกล่อมนนตราข้าวนาปี อุษาโยคย่ำรุ่งเพลตะโพน ทยอยโยนยั่งยืนอยู่ฤดูวิถี อณูหนาวมนตร์รวงทองรองรุจี เสรีอารยธรรมธัญมณฑล รวงราวเลื่อมรงทองผองยวงเมฆ ฤาปัจเจกสวรรค์แสร้งเวหาสหน เลื่อนวิมานเทวดาจาตุรนต์ ระนาบทุ่งตำบลทิพย์ตระการ รวงเครียวรวงโอบรวงห่วงอาทร ใบเครียวใบบรรจถรณ์โอนอ่อนหวาน ระวางคูนพวงระหงทรงบาดาล ปานป่านผ้าทิพย์ไหมฝ้ายสยายใย จ้าวปิ่นแก้ว...ข้าวนาสวนสบเดือนสาม อุโฆษนามรวงพันธุ์บรรพสมัย สลายรวงอำลาลานนาไป โพสพไซร้เหน็บหนาวโศกเศร้าตาม ดอกมะลิรวงขจรหอมอ้อนทุ่ง มาเจิมยุ้งทิพย์แผ่นดินถิ่นสยาม ทุ่งกุลาหย่าร้องไห้ท่วมนาทาม อุทกข้ามสุวรรณภูมิธาตุธาตรี เนรมิตความเป็นไทอสงไขยฤดู เกิดดับอยู่เอกราชชาติศักดิ์ศรี อิ่มพระคุณเมล็ดข้าวอิ่มความดี อิ่มเมตตาบารมีเจ้าแผ่นดิน งามข้าวกล้าสายวสันต์วันวัยเยาว์ ตื่นจากเขลาขุนชีวิตตราบโผผิน หุงข้าวใหม่หวานน้ำข้าวดื่มกิน ลิ้มทรัพย์สินภูมิปัญญาบรรพชน ฤดีครวญฤดูคราวหนาวเหมันต์ เหลืองอำพันรวงข้าวสุกทุกแห่งหน แต่งทิวทับวิมานทองผองคนจน อวลระคนสุนทรียภาพตราบกาลกัลป์ เพรงบุญคุณ..ข้าวแดงแกงร้อนรอด ไม่วายวอดขายนาน้อยอาถรรพ์ กลิ่นข้าวเก่าค้างปีไม่มีวัน กลายพันธุ์เนรคุณดวงชีวา สิ้นเดือนทองสะท้อนแอกสางแปดค่ำ รุ่งลำนำวิมานรวงปวงบุปผา ลมหายใจรินรินร้าวทาสชาวนา พลีวิญญาญ์อยู่นิรันดร์เพื่ออันใด ----------------------------------------------- วันนี้วันว่าง ข้าพเจ้านอนดูเฆมที่เคลื่อนคล้อยมาจากสารทิศ โอบอุ้มเมฆฝนหนักอึ้ง เพื่อมาโปรยลงในแผ่นดินสุวรรณภูมิ ข้าพเจ้าหยิบหนังสือเล่มงามนาม ข้าวของพ่อ หนังสืองามที่รจนาเพื่อเทอดทูนพระเจ้าหัวอยู่ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก พลีพระปณิธานเพื่อพัฒนาการกสิกรรม อันเป็นภูมิปัญญาทองของสยาม และกล่าวถึงพระคุณของ ข้าว แห่งสยาม ข้าพเจ้าน้ำตาไหลเมื่ออ่านจบ สายวสันต์สั่งลาฟ้าแล้ว เหลือเพียงฝนไล่ท้องข้าวที่ปราดมาบางขณะ ทำให้จิตประหวัดไปถึงทุ่งข้าวแห่งความฝัน ที่ไปฝากฝันฝากดวงใจไว้ เมื่อยามต้นวสันต์ ที่ขณะนี้นั้นกำลังจะสุกเหลืองระยับไปทั้งทุ่ง วัวควายจะได้ลิงโลดใจ ที่ท้องทุ่งกลับมาเป็นของพวกเขาอีกครั้ง หลังจากที่อุดอู้อยู่ในคอก กินหญ้าเกี่ยว มานานหลายเดือน ลมหนาวเริ่มโรยตัวลงอาบท้องทุ่งที่ราบสูงแล้ว จิตวิญญาณชาวนาอย่างข้าพเจ้าก็บรรเจิด ด้วยสีสันแห่งฤดูกาล ทำให้ความสุขสงบ เรียบง่ายเกิดขึ้นในดวงใจอยู่เสมอๆ ท้องทุ่งรวงทองสีเหลืองระยับจักกลับมาเยือนแผ่นดินถิ่นนี้ ริ้วลมหนาวนำหมอกมาโรยไว้เหนือท้องทุ่ง วิมานข้าวเปลือกในจินตนาการก็กลับคืนสู่หมู่บ้าน มะม่วงพุ่มหนาจะแตกช่อสีขาวหม่นขึ้นคลุมต้น อารยธรรมอันดีงามแห่งแผ่นดินจะกลับมาหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณผู้คน ไม่มีความสุขไหนจะงดงามไปกว่านี้อีกแล้ว *พ่อบอกว่า เป็นคนไทยไม่ควรลืมพระคุณข้าว และอย่าให้เหมือนกับคำเปรียบเปรยคนโบราณที่ว่า ไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อน ข้าพเจ้าอ่านแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้ง* สิ้นเดือนทองสะท้อนแอกคืนแปดค่ำ รุ่งระบำวิมานรวงปวงบุปผา ลมหายใจรินรินร้าวผองชาวนา พลีวิญญาญ์อยู่กับกัลป์เพื่ออันใด ----------------------------------------- ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ แด่รวงข้าวทุกๆ รวง
9 มิถุนายน 2551 13:02 น. - comment id 859334
ข้าว .. ผักเผือก รูปสวยจัง มีครั้งหนึ่งที่จอมยุทธเมรัยถามว่าเคยเห็นทุ่งสีทองมั๊ย ก็ตอบว่า ไม่เคยเห็น บางทีมองจากรถไฟ ยังคิดแปลกใจเลยว่า ทำไมปลูกแต่หญ้า ไม่นานมานี้ ก็เคยเดินลงไปที่ทุ่งนา ที่สะเมิงน่ะ อย่าว่างั้นงี้เลย แอบเด็ดมารวงนึง
9 มิถุนายน 2551 13:14 น. - comment id 859346
เขียวขจีบอกแผ่นฟ้า ....... สวยงาม กาลล่วงรวงเหลืองลาม .... อร่ามพื้น หยาดเหงื่ออาบไหลตาม .. กายผ่าน พรรณนา ยังจะหยัดรอยรื้น ............ ร่วมร้อยประคองหวัง
9 มิถุนายน 2551 15:47 น. - comment id 859408
9 มิถุนายน 2551 15:54 น. - comment id 859412
9 มิถุนายน 2551 20:14 น. - comment id 859570
เห็นรวงข้าวแล้วให้นึกถึงอดีตในวัยเยาว์ ผู้หญิงไร้เงาเคยมีโอกาสได้ถือเคียวเกี่ยวข้าวด้วยหละ อิอิ (แวะมาชื่นชมในผลงานค่ะ)
10 มิถุนายน 2551 07:59 น. - comment id 859706
ไพเราะมากๆครับ...ลุ่มลึก....ขอบคุณมากครับสำหรับลำนำเพราะเช่นนี้....
10 มิถุนายน 2551 08:59 น. - comment id 859745
สวัสดีครับคุณกุ้งหนามแดง ถึงหน้าฝนก็แต่งกลอนหน้าฝน ฝน ฝน ฝน กับคนฝัน เรื่องรักเศร้าเคล้าน้ำตาก็หน้าฝน แต่เรื่องจริงของชาวนา ลึกลงไปก็ฝนอีกนั่นแหละ บรรพบุรุษเป็นชาวนาครับ หน้าดำหน้าแดงสลับกันไป ลูกหลานเรียนหนังสือกันหมด เหลือนาให้เขาเช่า แต่ก็ใช้ควายเหล็กช่วยเยอะครับ ปีนี้ ได้ข้าวจากบ้านปู่มากินนะ เขาว่าได้เกวียนละ 11,000 ดีที่สุดเท่าที่ได้มา เราเองน่ะ..จะบอกว่ารู้จักชาวนาได้อย่างไร ทำนาก็ไม่เป็น เกี่ยวข้าวก็ไม่เป็น ฟังปู่ย่าตายายเล่า ก็สนุก ขี่ควายยังไม่เป็นเลยคุณ แต่รับรู้ และรู้สึก.. ยามที่อะไรต่ออะไรเปลี่ยนแปลง มันรุกรานไปถึงวิถีชีวิตของบรรพบุรุษเรา ..
10 มิถุนายน 2551 09:28 น. - comment id 859750
คุณอัลมิตรา.. จำไม่ได้แล้วว่าที่สะเมิงตอนนี้เป็นอย่างไร ไปมานานแล้ว แต่คงไม่เงียบขนาดที่ว่า นอนฟังเสียงหนวดงอกแบบที่เคยเล่าให้ฟังหรอก เห็นทุ่งนาภาคเหนือที่แม่ฮ่องสอน ก็ยังเขียวขจีเมื่อถึงฤดู แต่ก็ถูกรุกรานเป็นเมืองท่องเที่ยวไปเสียนี่ เพราะใคร ๆ ต่างก็เขียนว่า.. เป็นเมืองโรแมนติก ที่มีกาแฟ กับบรรยากาศเก่า ๆ รุกรานวิถีเดิมที่เขาเคยอยู่ กลางคืนก็ไม่สงบสงัดเหมือนเดิม เพราะต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีทุกฤดู ส่วนการเดินทางไปบ้านหรือที่ไหน ๆ ถ้าไปไหนไกล ๆ แล้วเห็นทุ่งนาท้องนาก็อดคิดถึงบรรพบุรุษไม่ได้ ความหวังในแต่ละปียามข้าวแตกรวงเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ใครบ้างไม่เคยมีความหวัง เขาไม่ได้สร้างขึ้นมากลางอากาศหรอกนะ ความหวังมีอยู่จริง..นั่นไง เพียงแต่ก็ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศ ซึ่งคำพยากรณ์ก็ไม่เท่ากับชะตากรรม ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ที่ต้องเผชิญ อดเศร้าไม่ได้ยามที่รับข่าวสารเรื่องกระดูกสันหลังของชาติ ได้รับยกย่องอย่างนั้น ชั่วนาตาปี ยากจนอยู่อย่างนั้นชั่วนาตาปี เมื่อไรที่ชาวนาไทยจะได้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ที่เงยตาอ้าปากได้สักที ..
10 มิถุนายน 2551 09:15 น. - comment id 859755
สวัสดีครับ พี่พุดไพร ผมเคยเขียนกาพย์ เรื่องชาวนามาครั้งนึง นานมาแล้ว และก็ยังรู้สึกชอบงานเก่า ๆ ของตัวเองชิ้นนั้นอยู่ ไม่ดีเด่อะไร แต่ก็รู้ว่า เขียนอารมณ์เดิมแบบนั้นไม่ได้ กลับเอาไปเทียบของเดิม.. มันก็รู้สึกไม่ต่างจากเดิมเท่าไร เลยมองว่า ชาวนาก็ยังเป็นชาวนาผู้ยากไร้ต่อไป ฝากกลอนไว้ให้อ่านอีกบทนะครับ เขียนไว้เมื่อรู้ข่าวคราวหลังฤดูกาลหว่านฝันของชาวนา ฝันว่าจะมีเงินใช้หนี้ เห็นทองเต็มท้องนา อีกวัน เจอเพลี้ยลง จนเจ้าของนาทำใจไม่ได้ และยิงตัวตาย วันนั้นเศร้าสุด ๆ เศร้าและเข้าใจ.. กำลังจะลืมตาอ้าปาก วาดหวังไว้ ใครเล่าจะห้ามไม่ให้ใครมีความหวัง แม้รู้ว่าการคาดหวังหรือวาดหวัง มันอาจจะต้องผิดหวัง ๑) ฝนตกในบางช่วง น้ำตาร่วงในบางที่ ฟ้าใสเหมือนใจดี (แต่)ชาวนาจมหนี้กันอีกครา ข้าวกำลังตั้งท้อง ต้องหม่นหมองกันถ้วนหน้า พายุที่ไหนมา... พัดโค่นชีวาลงไปกอง อยากเห็นฟ้าใสเหมือนใครเขา กลับต้องเศร้ากลางนาฟ้าสาดส่อง ข้าวออกรวงเป็นเหลืองทอง เพิ่งตั้งท้องต้องแท้งทิ่มแทงใจ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้หนี้ ชีวิตดีดี..มีบ้างไหม นี่แหละชาวนาไทย เห็นเขาร้องไห้ชั่วชีวิต .................................. ประทับหน้าเป็นหนี้ชั่วชีวิต ๒) มิเคย..ได้ค่าราคาข้าว มือใครยาวสาวผลจากคนผลิต ตีราคาเพียงน้อยนิด เพราะคิดอย่างนายทุน ทุ่งนาไม่ได้มีเพียงข้าว แต่ความหวังยังพราวใต้แสงอุ่น เขาหวังมากไป..ใช่ไหมคุณ จึงเป็นหุ่นไหม้ฟางกลางโลกา ..................................... .................................... ขอบคุณครับที่เข้ามาพูดคุย
10 มิถุนายน 2551 09:43 น. - comment id 859759
มองรวงทองผ่องฟ้า......เรืองงาม สร้างใฝ่สร้างฝันตาม....จากนี้ ความหวังผลินิยาม.......ความสุข อยากปลดอยากลดหนี้..ก่อนสิ้นเรี่ยวแรง คุณสบายดีนะครับ ก้าวที่...กล้า ดีใจที่ได้พูดคุยกันอีก ...
10 มิถุนายน 2551 09:46 น. - comment id 859761
ขอบคุณมากครับคุณโคลอน คุยบ้างก็ได้นะครับ ขอบคุณครับ ดอกบัว ขอบคุณสำหรับดอกไม้ รอยยิ้ม และกำลังใจ (อันนี้คิดเอาเอง)
10 มิถุนายน 2551 09:57 น. - comment id 859765
สวัสดีครับ คุณผู้หญิงไร้เงา เคยถือเคียวเกี่ยวข้าวจริงเหรอ ผมเคยแต่ไปนั่งข้างเถียงนานะ เกี่ยวข้าวไม่เป็นหรอก ปู่ให้นั่งดูเขาเกี่ยวข้าว จะได้รู้ว่า กว่าจะได้ข้าวมากิน มันยากเย็นแสนเข็ญ ปู่ไม่ชอบคนกินข้าวเหลือหรือทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ยุคนี้ ข้าวแพง น้ำมันแพง ค่าแรงต่ำ พ่อค้าคนกลางยังลอยนวลเอ๊ย..ยังสบายเหมือนเดิม ขอบคุณครับที่แวะมาคุย เรื่องเครียด ๆ ..
10 มิถุนายน 2551 10:01 น. - comment id 859768
ขอบคุณมากครับคุณฝากฝัน วันนี้เราใจตรงกันที่เขียนเรื่องชาวนา แม้จะคนละท่วงทำนอง แต่ก็กลั่นกันมาจากใจ เราคงได้คุยกันในโอกาสต่อ ๆ ไป นะครับ..