เสียงโหวกเหวกโวยวายคล้ายคนบ้า ร้องเรียกหาประชาธิปไตยทุกถิ่นที่ บ้างเสนอแนวทางของตนดี อวดศักด์ศรีอวดเบ่งอวดเก่งกัน บ้างยืนหยัดยึดแนวทางการต่อสู้ ว่าของตูดีเลิศประเสริฐสรรค์ คล้ายปกป้องผลประโยชน์ของตัวมัน เดี๋ยไล่กัดเดี๋ยวไล่กันสนั่นเมือง ยกประโยชน์ประเทศชาติมากล่าวอ้าง ร้องเรียกพลางด่ากันพลางตะเบ็งเสียง นี่นะหรือคือเรื่องของกวนเมือง ต่างเอนเอียงสุดโต่งลงพอกัน รัฐบาลอ้างผลงานของตนเด่น ว่าตูเป็นเช่นเทวามาสร้างสรรค์ ฝ่ายค้านบอกผลงานเอ็งก็เท่านั้น แต่ของกันซิเด่นกว่าทั่วธานี ฝ่ายต่อต้านทั้งประณามทั้งไล่ส่ง ฝ่ายยุยงผสมโรงทุกถิ่นที่ ฝ่ายชอบรัฐก็บอกรัฐทำงานดี ทำประชาชีให้อยู่ดีและมีงาน ต่างฝ่ายต่างเดินทางคนละเส้น เหมือนว่าเป็นประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ความคิดเห็นแปลกแยกคนละทาง เกิดความหมางความหมองลำพองตัว มองตนดีคนอื่นชั่วมั่วไปหมด มองกฎหมู่เหนือกฎหมายกลายกลับหัว ทำลงไปก็เพื่อผลประโยชน์ตัว แล้วก็มัวร้องเรียกหาประชาธิปไตย... เมธีวรรณะสุ 14 มี.ค. 49
7 เมษายน 2549 12:36 น. - comment id 570358
ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับนัยของกลอน อยากให้มีการเว้นบรรทัด ระหว่างบท ในส่วนที่เกี่ยวกับผังของกลอน สัมผัสบางจุดยังผิด เช่นในบทที่ ๓ คุณจบในท้ายวรรคสอง ด้วยคำว่า เมือง แต่บทที่ ๓ มีคำรับสัมผัส คือ เสียง เมือง เอียง และในบทอื่น ๆ ยังมีสัมผัสเผือ ตัวอย่างบทที่ ๕ วรรคที่ ๔ บทที่ ๖ ก็เป็นนะ ...ต่างฝ่ายต่างเดินทางคนละเส้น ...เหมือนว่าเป็นประชาธิปไตยบนเส้นขนาน บทสุดท้ายในวรรค ๒ คำว่ากฏไม่ควรอยู่ตำแหน่งที่ ๒ น่าจะหาทางเลื่อนเป็น ๓ หรือไม่ก็ ๕, ๗ โน่น ...มองตนดีคนอื่นชั่วมั่วไปหมด ...มองกฎหมู่เหนือกฎหมายกลายกลับหัว ในส่วนที่เกี่ยวกับนัยของกลอน ชอบนะ .. เพราะเราเองก็รู้สึกเช่นนี้ อย่าว่ากันนะ ที่เราลงความเห็นซะยืดยาว ก็เพราะข้อความฝากถึงของคุณอนุญาต เราก็เลยแวะมาเพื่อที่จะปรึกษาหารือกันในเชิงกลอน มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
7 เมษายน 2549 14:24 น. - comment id 570400
เขียนอีกครับ
7 เมษายน 2549 21:01 น. - comment id 570460
ขอบคุณ 575445 มากครับสำหรับคำแนะนำดี ๆ ไม่ว่ากันหรอกครับ เพราะเรื่องบางเรื่องเราก็ต้องอาศัยคนอื่นคอยเป็นกระจกส่องให้เรา
9 เมษายน 2549 18:47 น. - comment id 570719
เรนแวะมาทักทายนะคะ.. แว้ปป