นิทานอิสปสมัยใหม่

อิงค์ฟ้า

บ้านของเราเช่าไว้เฉพาะชายโสดอยู่รวมกันล้วนๆ ภายใต้เงื่อนไขที่ใช้บังคับให้ทุกคนต้องเฉลี่ยค่าเช่า, ค่าอาหาร โสหุ้ยอื่นๆ
ตลอดจนแรงงานในอัตราครือๆกัน  เพื่อจรรโลงเรือนปั้นหยาสับปะรังเคนั้นให้เป็นโลกลูกน้อยๆ อันอบอ่นที่สุดเท่าที่สามรถจะทำได้
พวกเราหนุ่มๆทุกคน ตละล้วนฝังหัวแน่วแน่ในลัทธิประชาธิปไตย  เราเคยคิดกันว่า ในเวลานี้คำว่า Democracy ในการเมืองชักจะ
อ่านออกเสียงให้ฟังเป็น The-most-crazy ไปทุกทีเสียแล้ว จึงมามั่วสุมลงความเห็นกันเป็นเอกฉันท์ว่า  ในการบ้านของเรานี้
ลองมาปลุกปล้ำสร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบกันสักตั้งดูทีหรือ  และเพราะว่าเราศรัธาแน่วแน่ในอุดมการณ์อันที่ว่า
บ้านชายโสด  ของชายโสด  โดยชายโสด  อันนี้เอง เราจึงอยู่กันสืบมาตราบจนบัดนี้ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขภายในบริเวณเล็กๆของเรา
   เราดำเนินการตามระเบียบในระบอบประชาธิปไตยทุกอย่าง ตั้งแต่ระบบเลือกนายกของบ้านเป็นผู้นำทุกๆปี เลือกมนตรีว่าการ
ทำกับข้าว, ว่าการกวาดบ้านและล้างส้วม, ว่าการดายหญ้าที่สนามและล้างท่อน้ำเน่า, ว่าการคลังคือมีหน้าที่เที่ยวทวง และบ้างทีก้อปล้ำเอาเงิน
จากทุกคนมารวมกันจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าทุกๆวันต้นเดือน แต่ละคนของเราต้องมีภาระผูกพันต่อกันและกันทั้งนั้นตามหน้าที่
ซึ่งประชุมใหญ่ออกเสียงลงมติกำหนดมอบหมายให้แต่ละคนต้องช่วยตัวเองและช่วยคนอื่นๆพร้อมกันไปด้วย  
การที่เรารู้จักหน้าที่ของตนและเข้าใจในภาระรับผิดชอบต่อความเป็นปึกแผ่นต่อบ้านนนี้เอง  ทำให้อาณษจักรน้อยๆ 
ของเราไม่เคยเกิดการคอร์รับชั่นขึ้นเลยสักครั้ง แต่ก็มีอยู่บ้างหรอกในบางกรณีที่เราจะต้องคอร์รับชั่นกับคนนอกบ้าน
เป็นตนว่าในยามฐานะการเงินตกต่ำฝืดเคื่อง เราจำต้องแต่งทูตที่ช่างเจรจาออกไปใช้เลห์ลิ้นทำสัมพันธไมตรีกับมหาอำนาจ
ตาชั้นเดียวที่ตั้งร้านขายเครื่องชำอยู่หัวแง่  เพื่อเชื่อเหล้า บุหรี่ กาแฟ และอาหารแห้งๆ มาบรรเทาท้องของประชาชนใน
บ้านชั่วครั้งชั่วคราว  ทว่าเราคอร์รับชั่นหรือ?  รัฐบาลเองท่านยังเป็นหนี้ต่างประเทศนับร้อยๆล้าน เราแค่กระหยิบมือเดียวเอง 
ไฉนจะเป็นหนี้ชนต่างประเทศสักเดือนละห้าหกร้อยบ้างไม่ได้?
   ก็เมื่อบูชาประชาธิปไตยโดยสุจริตแท้เช่นนี้  เราจึงมีธรรมนูญของเราขึ้นบ่งระบุสิทธิและหน้าที่ของเราให้ละเอียด
ชัดแจ้งลงไป  ธรรมนูญฉบับนี้เรามิได้ขอร้องจากผู้ใด และมิได้ร่างแล้วซ่อนไว้ใต้ภาชนะอะไรให้เป็นเรื่องสัปดน
เราพร้อมใจกันเปิดประชุมและร่างขึ้นเองประกอบด้วยหมวดและมาตราต่างๆ ไม่สั้นเจิ่นเจ่อและไม่ยาวฟุ้งเฟ้อนัก มาตราสำคัญๆมี  
อาทิ บ้านชายโสดเป็นอาณาจักรอันแบ่งแยกมิได้แม้จะด้วยอิสตรีก็ตาม  และมาตราที่กำหนดอายุสมาชิกภาพไว้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อตาย
ลาออกไปอยู่ที่อื่น และมีเมีย  เป็นต้น  เพียงเท่านี้ท่านก็คงวาดเค้าได้รางๆแล้วว่าธรรมนูญปกครองของเรามีรูปโฉมไปทางไหน
พูดสั้นๆ ธรรมนูญของเรามิได้เต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาซึ่งไพเราะโลมใจ แต่เต็มไปด้วยข้อเท็จจริง
   บ้านของเรา ประกอบด้วยสมาชิกชายโสด 7 คน สมุนพระรามปุลลึงค์ 1 ตัว หมาที่ซื่อสัตย์เท่าๆกับความทนอด
อย่างพวกเรามนุษย์ๆ 1 ตัวและนกกระจอกซึ่งมาอาศัยชายคาบ้านป็นเสรีรัฐอีกฝูงหนึ่ง ติดกับพรหมแดนซ้ายของเรา
เป็นคฤหาสน์หลังมโหฬารของท่านผู้ดรเก่าร่ำรวยมหาศาล แต่ขี้เหนียวอย่างจับสังเกตุได้ง่ายนิดเดียวตรงการที่ปล่อยให้คฤหาสน์
นั้นอับเฉาเซาซึมเหมือนป่าดงดิบในดงพระยาเย็น  ช่างเป็นสิ่งที่หน้าประหลาดมหัสจรรย์อะไรเช่นนั้น ที่ขณะที่บ้านของเราคลาคล่ำ
ไปด้วยผู้ชายหนุ่มๆ คฤหาสน์ของเจ้าคุณคนนั้นสิ  คับคั่งไปด้วยผู้หญิงสาวๆ หน้าขาวปากแดงลานตาไปหมด
   พวกคุณเธอดังกล่าวเป็นลูกท่านหลานโตเป็นสาวไล่ๆเลี่ยๆกันของเจ้าคุณเศรษฐี        สิ่งที่หน้าพศวงไปกว่านั้นก็คือ
นานๆ ครั้งวันดีคืนดี พวกคุณเธอๆจึงจะออกมาปรากฎกายนวยนาดในที่แจ้งให้เราเห็น  คล้ายกับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ถูกกักกันอยู่แต่
ในกรงทองของจารีตประเพณีคร่ำครึ ในเวลาเย็นๆเมื่อพวกเรากลับจากงานมาสุมหัวด้วยกัน  เราจะเล่นสนุกสนานกลางแสงแดดอ่อน
แบดมินตันบ้าง, ตะกร้อบ้าง, ไล่ปล้ำกันบนผืนหญ้าดกชอุ่มบ้าง  เหมือนเด็กเล็กๆ ตามโรงเรียนคินกาเดอร์กาเต็น          แต่พวกคุณ
เธอเพื่อนบ้านของเรากลับหมกตัวอยู่ภายในคฤหาสน์ทึบๆ ปิดประตูหน้าต่างเสียจนหมดแทบทุกบานก็ว่าได้  คฤหาสน์ของท่านเจ้าคุณนี้สูง
ตั้งตระหง่านจนพวกคุณเธอสามารถแอบเมียงมองจากชั้นบนเฝ้าดูเรากระโดดเล่นเฮฮากันอย่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวาได้ถนัด  แต่ข้าพเจ้า
ไม่อาจเดาได้ว่า  คุณเธอเหล่านกำลังเกลียดขี้หน้าหรือกำลังอิจฉาเราอยู่ในใจ
   ข้าพเจ้าเกือบจะลืมเล่าสิ่งสำคัญไปประการหนึ่ง  ครัวของคฤหาสน์หลังนี้อยู่ชิดติดกับรั้วซึ่งห่างจากระเบียงบ้านของเราราว 1 วา
แม่ครัวของท่าเจ้าคุณมักจะทอด  หรือปิ้ง  หรือปรุงอาหารอันวิเศษล้ำอยู่เสมอ  กลิ่นฟุ้งของมันจึงจรุงขจายกรุ่นกรายมาเตะจมูกพวกเรา
จนพากันกลืนน้ำลายเอื้อกๆไม่เว้นวัน  ในยามปลายเดือนซึ่งกับข้าวกับปลามื้อเย็นของเรามีได้อย่างมากเพียงน้ำพริกผักต้มและแกงจืดซ้ำซาก
เราต้องมามุงกันแน่นที่ระเบียง  ในมือถือชามข้าวและสูดเอากลิ่นอันจรวยชวยชื่นด้วยมนต์ไก่อบบ้าง เนื้อย่างบ้าง  พริกขิงบ้าง
จะละเม็ดเจี๋ยน  พิราบทอดบ้างเหล่านั้นเข้าไปในจมูกให้สอดคล้องกับจังหวะกลืนน้ำพริกฝืดๆคอ  เป็นการช่วยเพิ่มรสโอชาแก่ชิวหาโดย
มิพักต้องซื้อหามาสิ้นเปลือง  ยามหิวโหย กลิ่นของกับข้าวราคาแพงประหนึ่งว่าจะซึมซาบอาบเอมเข้าไปในวิญญาณของเราทีเดียว 
เสียงน้ำมันที่เดือดฉ่าๆรอบชิ้นไก่หรือปลากะพงช่วยให้กรอบอร่ามนั้นฟังเสนาะดั่งทิพย์ดนตรี
   มีอยู่บ้างบางวัน  ขณะที่พวกเรามุงกันเสพสูดกลิ่นอันโอชะมูลค่าฟรีเหล่านี้อยู่เพลิน  ท่านเจ้าคุณจะโผล่งหน้าออกมาจากหน้าต่าง
ครัวและถมึงตาเข้นมาที่พวกเราทีละคนๆ ด้วยประกาย  ถ้าจะกล่าวเป็นวาจาก็คงจะฟังได้ว่า ไป๊-ไปให้พ้น  อ้ายพวกโจร! แกกำลังปล้น
ความร่ำรวยและสวัสดิมงคลไปจากฉัน!  กลิ่นปลาดุกอุยย่างตัวนี้เป็นสมบัติของฉันเท่านั้น  แกไม่มีสิทธิอะไรจะมาสูดมันเข้าไปในท้องกิ่วๆ
ของแก  ไป-อ้ายกระยาจก!  
   แต่ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่กินกันอย่างข้นแค้น พวกเราทุกคนก็ยังเต็มไปด้วยความร่าเริงแจ่มใสและพลานามัยที่แกร่งกำยำเหมือนลำต้น 
กิ่งก้านของตะแบก  มันเป็นเพราะว่าพวกเรามักออกไปสู่แดดและลมทุกๆวัน  บางทียามค่ำเย็นเราจะล้อมวงกันเล่นดนตรี  นายจอมเป็นมือไวโอลีน
ที่ไม่เลว  เจ้าเชิดคล่องแบนโจ  สรัชก็ไม่ใช่ขี้ไก่ในเชิงชักแอกคอร์เดียน  อาคมถึงจะเพิ่งหัดจับแซ็กโซโฟน  แต่ก็เป่าสวิงพอที่จะโซโลได้เร้าใจ
ข้าพเจ้าถนัดกีตาร์  และอีก 2-3 คนแม้ไม่ประสีประสาในดุริยางคศาสตร์ก็พอจะดีดยูคูลีลีตอดจังหวะกล้อมแกล้มไปกันได้ทุกครั้งที่เราเล่นดนตรี
เรามักจะอยู่ในอารมณ์ที่เหมือนใจลอยลิ่วจากโลกไปสำราญอยู่ ณ ที่หนึ่งซึ่งระริกไปด้วยเสียงสรวลสันต์ของนางไม้  และกลิ่นพิไลของประวาลพฤกษ์
   หัวเราะ  เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เรามีอยู่และที่เราหยิ่งภาคภูมิ  มันทำให้เห็นความจนเป็นความหวัง, ความหิวเป็นของขบขัน  และ
ความแพ้เป็นมานะ  จอมเป็นคนช่างหัวเราะ  ดูเหมือนเขาเกิดมาเพื่อหัวเราะแท้ๆ และถ้าตายไป  หัวเราะก็คงทำริมฝีปากที่ไร้วิญญาณของเขาให้งดงาม
เหมือนกลีบมะลิ  บางครั้งเมื่อเขาผิดหวังจากงานกลับมาเขาจะเข้าไปในห้องกลาง  ยืนก๋าหน้ากระจกบานใหญ่  ตีหน้าตาแปลกๆ
ยั่วตัวเองไปมา  แล้วระเบิดหัวเราะเหมือนได้ดูแชบปรินมาทำตลกอยู่ข้างหน้า  พลางวิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้แพร่เชื้อโรคหัวเราะของเขาให้ระเบิด
ไปในหมู่พวกเรา
   ในความลำเค็ญ  เราจะหาความสุขจากการหัวเราะได้โขทีเดียวถ้าเรารู้จักปลุกอารมณ์ขันของเราเป็น  เป็นต้นว่า ในวันท้ายๆของ
เดือนวันหนึ่ง  ระหว่างที่ทุกคนหน้าแห้งไปตามความแห้งของกระเป๋านั่งจับเจ่ากันอยู่ที่ระเบียงบ้านั้นเอง  เจ้าเชิดจะกลับจากงาน
เดินส่ายไหล่อาดๆ ทำข้อกาง  ในมือหิ้วห่อใหญ่น่าสงสัยห่อหนึ่งเข้ามาอย่างสง่า
   อะไรนะเชิด?  ซื้อเสื้อเชิตมาใหม่หรือ?  ใครคนหนึ่งถาม
   กันลืมบอกพวกแกไป  เชิดตอบอย่างไม่สนใจให้ตรงคำถามนัก
   ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของกัน  เพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อตอนออกจากกระทรวงนี่เอง  เลยซื้อเป็ดสองตัวติดมือมาสำหรับฉลองกันตามมีตามเกิด
เฮ้ย  ใครเครดิตยังดี  วิ่งไปเจรจาเอาโขงร้านอ้ายฮงมาสักขวดปะไร  โซดาอย่ากินกันเลย  เอาน้ำแข็งตบตูดดีกว่า
   แต่- - จอมขัดพลางกลืนน้ำลาย เมื่อเช้าไหนนายว่ามีทรัพย์อยู่สามบาทเท่านั้นยังไง  ทำไมตอนเย็นเสือกรวยพอซื้อเป็ดมา
ตั้งสองตัวล่ะหว่า?
   อ้ายเชิดโบกไม้โบกมือหัวร่อร่า คนเราเกิดมาไม่ได้มีปากไว้กินข้าวกินเหล้าอย่างเดียวนี่หว่า  ถึงคราวจำเป็นมันต้องรู้จักใช้ปาก
ทำหน้าที่ขอหยิบยืมเพ่อนฝูงบ้างซี  นายตุลย์-ช่วยไปเอาโขงมาเรวๆทีเถอะ  ติดบุหรี่มาสักสามซอง น้ำแข็งก้อนใหญ่ๆสักก้อนด้วย
   พอแม่โขง, บุหรี่ และน้ำแข็งมาถึง  พวกเราก็รู้สึกไปตามๆกันว่า  ลำคอที่ผากเป็นผุยผงเมื่อกี้ชักเริ่มจะมีน้ำลายมาหล่อเลี้ยง
บ้างแล้ว  เรามองอย่างไม่กะพริบตาเมื่อเชิดเริ่มแก้ห่อเป็ดในมือ
   ห่อถูกเปิดออก  อ้ายเวร!  แมวดำๆตัวผอมหยองกรอดตัวหนึ่งกระโดดแผล็วออกมา  เจ้าเชิดกระโดดตัวลอยตบมือหัวเราะฮ่าๆ
เมื่อเห็นพวกเราพากันยืนตะลึงพรึงเพริดอ้าปากค้างไปตามๆกัน
   จอมเป็นคนแรกที่โจนเข้าจะเตะก้นเจ้าเชิด  แต่เสือนั่นระวังตัว  กลัวประชาทัณฑ์จะเล่นงานอยู่ก่อนแล้วจึงหลบทันแล้ววิ่งปุเลงหนี
ไปรอบๆบ้าน  จอมไล่กวดไม่ลดละ  พวกเราที่ล้อมวงอยู่ก็หัวเราะเฮฮาติดหมัดกันขึ้นทุกที  ความกลัดกลุ้มที่สุ่มเร่าอยู่ในใจเมื่อกี้หายดั่งถูก
ปลอดทิ้งออกไป  โลกที่ขุ่นมัวเป็นโคลนตมกลับเต็มไปด้วยสีสันอันเฉิดฉายอีกวาระหนึ่ง
   นี้แระคือความสุขของคนจนๆ!
   อีกครั้งหนึ่งไม่นานมาเท่าไรนี้  เราถังแตกกันขนาดต้องแบ่งสันปันข้าวเย็นกินกันคนละไม่ถึงครึ่งที่ว่างในกะเพาะ  มันเป็นค่ำคืนที่
ทุรนทุรายไปด้วยความโหยแสบใส้  ข้าพเจ้าพยายามเอากีต้าร์ออกมาดีดเพื่อให้ทุกคนสนใจในเพลงจะได้ลืมหิวไปชั่วคราว  แต่ดีดไม่กี่นาที
ก็มีเสียงสบถ  เสียงคำราม  และเสียงถอนหายใจดังขึ้นรอบๆข้าง  ตกลงกันเราแยกกันเข้านอนคืนนั้นด้วยอารมณ์ที่อยากจะตะโกนด่าท้องฟ้า
และดวงดาว
   ขณะที่เรานอนพลิกกลับกระสับกระส่ายไปมา  พยายามข่มตาให้หลับนั่นเอง  เราก็ได้ยินเสียงครางเบาๆ  ฝ่าความเงียบเข้ามา
ทีแรกเราไม่สนใจ  คิดว่าไม่ขรัวไหนก็ขรัวหนึ่งละที่อ่อนแอต่อความหิว กระทั่งร้องให้ไม่รู้จักอายเหมือนเพศที่นุ่งนิวลุค  แต่เสียงนั้นยิ่งดังขึ้นทุกที
คล้ายคนกำลังเจ็บหนักจวนสิ้นใจ
   จอมลุกขึ้นเปิดไฟและเดินไปที่เจ้าของเสียงในห้องถัดกันไป  เป็นอะไรไม่ทราบจ๊ะ  พ่อเทวดาอาคม? เขาถามเสียงเขียว
ดันเป่าปี่อยู่ได้  โธ่-เดี๋ยวพอเตะตกเตียง!
   โอย-โอยเจ็บเหลือเกิน อาคมคราง
   เรา  คนอื่นๆจึงลุกขึ้นพร้อมกันขมีขมันไปดูอาการป่วยกะทันหันของเพื่อน  จอมถามว่า  เจ็บตรงไหน?
   ที่ท้องอาคมตอบแผ่วๆ  กัน- -อ้า- -กันมีท้อง  นี่คงใกล้จะออกลูกเต็มทีแล้ว  ช่วยไปตามหมอตำแยที
   ออกลูก!  มีท้อง!  พวกเราร้องอึงขึ้นพร้อมกัน  ฮ้า- -ก็นายมันเป็นผู้ชายนี่หว้า  ไหงจะดันไปมีท้อง?
   จริงๆ....ไม่ใช่พูดเล่น  กันตั้งครรภ์มานานแล้ว  แต่กันอายเลยปิดพวกแก  อาคมสารภาพหน้าเซียว
เรามองดูท้องของเขา  จริงๆ น่ะแหละ  มันตุ่ยโตออกมาผิดปกติ  จอมก้มลงถามว่า  มีท้องกับใคร  อาคม?  กับผู้หญิงหรือผู้ชายว่ะ?
   ไม่ได้มีกับพวกแกแน่ๆ  อย่าตกใจที่จะต้องเป็นผัวกันเลย  เขาตอบพลางเอามือปิดหน้า  กันเสียตัวกับคนคนหนึ่ง  แต่- -อย่า
เพิ่งรู้เลย  กันอายจิงๆ
   ทำไมแกรู้ว่าท้องหล่ะ  มันอาจปวดท้องก็ได้-อาจหิวเกินไปก็ได้  จอมขัด
   ลองเอามือจับดูซี  เด็กข้างในกำลังดิ้น  จับดูแล้วแกจะได้รู้สึกสักทีเดียว
   พวกเราเอามือลูบไล้ไปเบาๆ  บนเสื้อตรงหน้าท้องของเขา นรกช่วย!  มือของเรารู้สึกว่ามีอะไรสิ่งหนึ่งซึ่งมีชีวิตดิ้นอยู่หน้าท้องนั้นจริงๆ
แล้วมนุษย์ผู้จู่ๆ  ก็มีสภาพคล้ายอิลราชา  ยันกายอย่างอ่อนโรยขึ้นนั่ง  เขาถอดเสื้อออก  เปิดให้พวกเราเห็นท้องซึ่งมีผ้าคาดไว้รอบๆ
   กันพันไว้แน่นไม่ให้มันป่องออกกมา กันขายหน้า- -!  เขาชี้ที่ผ้า และค่อยๆแก้มันออก  ยังไม่ทันผ้าจะถูกปลด  กบตัวหนึ่งก้อ
กระโจนออกมา  ตัวเจ้ามารยาถลันพรวดหนีออกไป
   พวกเราบ้างคนถึงกับนอนลงกลิ้งซัดเสียงอหายเพราะความขัน  จอมกับอีกสองสามคนไล่กวดรวบตัวอิลราชาสมัยใหม่ไว้ได้
พาแบกขึ้นไหล่เฮกันไปที่สระน้ำหลังบ้าน
   แล้วร่างของอาคมก็ถูกโยนลิ่วลงกระทบน้ำในสระดังตูมใหญ่  คืนนั้นเราคิกคักกันไปมาจนดึกไม่รู้สรางขัน  เราม่อยหลับไป
พร้อมกับฝันอันงดงาม  ไม่มีใครบ่นอุธรณ์ถึงข้าวเย็นกันอีกเลย
   
   หัวเราะนี้แหละเป็นยาขนานวิเศษสำหรับรักษาความทุกข์ของคนจนๆอย่างเรา!
   เวลาได้ล่วงผ่านไปพร้อมกับเราสังเกตเห็นว่า  คุณเธอสาวๆ เพื่อนบ้านของเรานับวันจะซูบเซียวผ่ายผอมลงทุกที  จณะที่เราซึ่งยากจน
กลับกระปรี้กระเปร่าและกระชุ่มกระชวยด้วยชีวิตชีวา  หน้าตาพวกเราสดใสและเรื่อด้วยเลือด ขณะที่คุณเธอบ้านนั้นเหลืองและตอบลง
บางครั้งเราได้ยินเสียงไอในตอนกลางคืนดังแว่วมา  เริ่มด้วยเจ้าคุณไอโขลกๆ ก่อน  ครู่เดียวแทบจะทั้งบ้านก็ไอกันเสียงแหบเสียงแห้งไปตามๆกัน
มันฟังคล้ายเสียงสุนัขที่หอนเยือกเย็นน่าขนลุกดังมาแต่ไกล  เรารู้ว่าเพื่อนบ้านในคฤหาสน์ใหญ่เหล่านั้น  มิได้ผ่ายผอมซูบซีดลงด้วย
การขาดอาหารแต่อย่างใด  เพราะแทบทุกวัน  เรายังได้กลิ่นหอมละไมของอาหารร้อนๆ  ลอยฟุ้งตลบมาจากครัวของเขาเช่นเดิม
   วันหนึ่งเป็นวันปลายเดือน  ภาวะเศรษฐกิจของเราทรุดหนักกว่าทุกๆครั้ง  ทูตของเราที่ส่งไปเจรจาเปิดสินเชื่อกับมหามิตรร้านหัวมุม
ก็หน้าเหยกลับมาด้วยความล้มเหลว  ตกเย็นเราจึงหุงข้าวเปล่าเต็มหม้อแล้วกระเย้อกระแหย่งกันชูคอ  สูดกลิ่นอันเรียกน้ำลาย
ให้สอชุ่มลิ้นจากห้องครัวข้างบ้านกันแน่นขนัด  ครู่เดรยวท่านเจ้าคุณก็โผล่หน้าออกมาที่หน้าต่าง  แสยะปากจ้องพวกเราอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
ทีละคนเป็นเวลานาน  จนพวกเราพากันใจเต้นไปตามๆกัน ครั้นแล้วท่านก็ปิดหน้าต่างครัวนั้นกระแทกดังปัง!
   แต่อาหารอันโอชารสในครัวเบื้องหลังหน้าต่างปิดสนิทนั้นยังส่งกลิ่นระรวยชวยมาเอื้อเฟื้อพวกเราอย่างช่วยไม่ได้
   ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น  ตำรวจนายหนึ่งก็เดินลงสันปังๆ  เข้ามาในบ้านเรา  และแจ้งว่าสารวัตรขอเชิญเจ้าบ้านไปยังโรงพักโดยด่วน
ในข้อหาว่าการปล้นสมบัติของท่านเจ้าคุณเจ้าของคฤหาสน์ติดๆ กัน
   สมบัติอะไรหว่า? เชิดเกาหัวแกรก  ร้องถาม อ้าย - - 
   อ้าว-คุณอย่าพูดหยาบคายกับเจ้าพนักงานซี  ตำรวจขัด ไปโรงพักเถอะ  อย่าร่ำไร  เจ้าทุกข์เขารออยู่ที่นั่นแล้ว  หรือคุณขัดขืนเจ้า
หน้าที่?
   เขาทำท่าทางงัดกุญแจมือออกมา  จอมร้องว่า ฮะ  ทำไมเฮี้ยบนักล่ะ  พี่ชาย  พวกเราไม่ใช่อาชญากรนา  ไป-พวกเรา-ไปโรงพัก!
   เมื่อเดินขบวนไปถึงโรงพัก  เราก็พบข้อกล่าวหาจากท่านเจ้าคุณว่า  พวกเราในบ้านชายโสดได้ทำการปล้นสมบัติส่วนตัวจากบ้านท่าน
มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว!
   ท่านสารวัตรเองก็ทำหน้าเหมือนกินกาวผสมเหล้าโรงเข้าไปเหมือนกัน  เมื่อโดนแจ้งความอันยากจะเข้าใจอันนี้  แต่ในหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ท่านจำเป็นต้องเรียกตัวพวกเรามาให้การแก้ข้อกล่าวหาของเจ้าทุกข์ตามระเบียบ
   เรานั่งลงบนเก้าอี้ยาวข้างหน้าสารวัตร  ถัดเราไปเป็นแถวของเจ้าคุณกับลูกสาวสี่ห้าคนซึ่งล้วนผอมโกโรโกโสเหมือนไม้ไผ่ และเซียว
เหลืองเหมือนไก่ต้ม  ทุกๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยของโรคพยาธิและความละเหี่ยระโหยในชีวิต
   ว่าไงพวกคุณ - -  สารวัตรเปิดฉาก ท่านเจ้าคุณท่านนี้มาแจ้งความว่า  พวกคุณทำการขโมยและปล้นสมบัติส่วนตัวจากท่านไป - -
   อะไรไม่ทราบครับ  สมบัติส่วนตัว?  จอมถามงง
   เจ้าคุณลุกพรวดเหมือนกับโทสะที่อัดมานานได้ระเบิดขึ้นแล้ว  ท่านเชี้หน้าพวกเรา  ร้องด้วยเสียงแห้งๆ ว่า อย่ามาทำไก๋ พวกแกนี่
แหละ  อ้ายหัวขโมย  แกปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธล่ะว่า  เวลาที่คนครัวของฉันปรุงอาหาร  พวกแกไม่ได้มายืนออใกล้ๆครัว  ขโมยเอากลิ่นอาหาร
อันมีค่าของฉันไปหมด
   สารวัตรสะดุ้งเหมือนผวาในผันร้าย  จอมยิ้มกว้างตอบว่า  พวกผมไม่ปฏิเสธครับ  ผมรับว่าผมสูดกลิ่นอาหารอันโอชะที่ลอยมา
จากครัวของใต้เท้าเข้าไปในปอดจริงๆ
   น่าน!  น่าน!  เจ้าคุณเต้นเขนเหมือนออกโขน  สารวัตร!ฟังซี  ผู้ต้องหายอมรับสารภาพแล้ว  จดไว้ซี - -   แล้วท่านก็หันมา
ทางพวกเรา    แกจะปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธว่า  ขณะที่ผู้คนในบ้านฉันซึ่งร่ำรวยมั่งคั่งพากันผอมแห้งอมโรคไปตามๆกัน  พวกแกที่ยาก ๆ จน ๆ 
กลับแข็งแรง มีอานามัยดี เพราะเหตุที่ว่าพวกแกแย่งเอาความสุขไปจากบ้านฉันอย่างอุกอาจ?
   ผมไม่ปฏิเสธ จอมตอบ
   ท่านสารวัตร  เจ้าคุณร้องพลางไอแค็งๆ  ผู้ต้องหาสารภาพหมดสิ้นแล้ว  จับมันเดี๋ยวนี้
   แต่- - ท่านสารวัตรขอรับ  จอมลุกขึ้น  ก่อนที่จะจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดกับพวกผมลงไป  ผมขอพูดกับท่านเจ้าคุณและคุณสาวๆ
เหล่านั้นสักนิดได้ไหม?
   ไม่ขัดข้อง  สารวัตรตอบสั้น
   จอมเดินอย่างผึ่งผายไปหยุดตรงหน้าเจ้าคุณและคุณสาวๆที่ผอมสูบกลุ่มนั้น  ท่านกล่าวหาว่าพวกผมขโมยสูดกลิ่นอาหาร
และขโมยความสุขสำราญไปจากบ้านท่าน จนพวกผมคนจนๆ  พากันอ้วนท้วนแข็งแรง  และพวกท่านเองกลายเป็นกุ้งแห้งลงทุกวันๆ ใช่ไหมครับ?
   เจ้าคุณหน้าเขียว  สะบัดเสียงว่า ใช่
   ถ้าเช่นนั้น  พวกผมจได้ชำระชดใช้ค่ากลิ่นอาหารและค่าความสุขคืนแก่เจ้าคุณเดี๋ยวนี้  เขาเดินกลับมาที่พวกเรา  พลาง
หยิบหมวกใบหนึ่งหงายขึ้นแบออกมา เอ้าพวกเรา  ควักสตางค์ทั้งหมดในกระเป่าใส่ลงไปในหมวกใบนี้
   เราทำตามอย่างเดาไม่ถูกว่าจอมจะไปไม้ไหนแต่เราก็ควักธนบัตรบ้าง  เศศสตางค์ห้าบาทบ้าง  ใส่ลงไปในหมวกใบนั้นทั่วทุกคน
ครั้นแล้วจอมหันไปทางสารวัตรที่เบิ่งตาโพลงมองดูเหตุการณ์อยู่  ท่านสารวัตรผู้ทรงความยุติธรรม  ผมได้ปล้นกลิ่นอาหารและขโมย
ความสุขจากบ้านท่านเจ้าคุณจริง  แต่ผมจะชำระตอยแทท่านให้ดูเดี๋ยวนี้  โปรดเป็นพยานด้วย
   เขาเดินกลับไปที่หมู่เจ้าคุณแล้วเขย่าหมวก  เสียงสตางค์ดังกรุ๋งกริ๋งกระทบกันกราวไปหมด  เจ้าคุณและคุณสาวๆ  แหงนหน้าเอียงฟังเสียงนั้นอย่างงงงวย
จอมถามคุณเธอคนหนึ่งว่า  คุณได้ยินแล้วไม่ใช่หรือครับ?
   เธอไอสองสามโขลกแล้วจึงพูด  ได้ยินอะไรคะ?
   เสียงของเงินของผมน่ะซี
   ได้ยินค่ะ
   ถ้าเช่นนั้น  ผมก็ได้ชำระหนี้ค่ากลิ่นอาหารและกลิ่นความสุขให้แก่พวกคุณด้วยเสียงของเงินนี้เรียบร้อยแล้ว
   สารวัตรทุบโต๊ะปัง  เลิกแล้วกันไป!  พวกคุณพ้นข้อหา
   พอโขยงของเจ้าคุณพากันยกขึ้นรถยนต์กลับไป  สารวัตรที่กลั้นอึดอัดอยู่จนคับอกก็ปล่อยก๊ากออกมาเสียงอหาย
   คนเราแม้ยากจนข้นแค้นเพียงไรก็สามารถหาความสุขเลิศล้ำได้จากการหัวเราะทุกเวลานะท่าน!
ชี้แนะด้วยนะฮ่ะ
				
comments powered by Disqus
  • แก้วนีดา

    5 เมษายน 2548 14:59 น. - comment id 449586

    โอ้ย...................เรื่องสนุกมากจ๊ะ............แต่ว่า.............มันยาวไปหน่อย.........เลยทำให้ต้องเสียเวลาในการอ่าน........อิอิอิ.........ขอสั้นลงสักนิดก็จะดีนะจ๊ะ.........ว่าขอ..............ขำก่อนนะ..............ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..................
    
    ก็อ่านแล้วขำนะ...........สนุกดีจ๊ะขอชม....เข้าใจเขียนเรื่อง......อิอิอิ.........พอปะมาบอกแค่นี้นะ...........ไม่พอเอาไว้มาบอกใหม่นะค่ะ.......เอิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆยังขำอยู่นะจ๊ะ.
    
    
  • อิงค์ฟ้า

    5 เมษายน 2548 16:49 น. - comment id 449661

    ยังไงก้อขอขอบคุณฮ่ะที่อุตสาอ่านจนจบแน่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน