๏ รักอักษรกลอนกาพย์กำซาบรส ซึ้งในพจน์เพลงกานท์ขับขานเสียง ควรรู้ลึกฝึกฝนกลจำเรียง ให้พอเพียงเพื่อสานงานประพนธ์ เพียงเรียงร้อยถ้อยความตรงตามกรอบ ใช่ว่าชอบชื่อกวีมีสับสน คำไม่งามความไม่ชัดวิบัติจน ตัวติดกลกระสวนกลอนรวนเร ฉันทลักษณ์กักกรอบรึครอบคิด บ้างหลงผิดผลักดันทำหันเห ให้สื่อความตามมโนที่โฉเก แม้นจะเฉฉีกกรอบก็ชอบชม บ้างว่าคำนำมาคร่ำคร่าครึ เขารุรึรับศัพท์ควรทับถม พ้นสมัยใครเล่าเขานิยม อ่านพร้อมจมจับสมุดขุดวจี จึงเขียนกลอนกร่อนกลวงขึ้นลวงโลก บริโภคเพียงอรรถร้อยบัดสี ยกย่องกันนั่นนะคือกวี พ้นนาทีสมัยก็ไร้งาม กวีแท้แค่ศัพท์เหมือนกับทาส ใช้วางวาดว่าไรก็ไม่ขาม ฉันทลักษณ์หลักมั่นประพันธ์ตาม มิเสียความคลายรสบทนิพนธ์ รักษ์อักษรกลอนกาพย์รับทราบแล้ว คือเก็จแก้วภาษาน่าฝึกฝน เพื่อสืบสานกานท์สมัยในสกล ให้นานจนจวบกัลป์จึงบรรลัย ๚ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗
19 พฤษภาคม 2547 23:54 น. - comment id 271018
ร้อยอักษรกลอนบท...หวังพจน์พร่ำ เรียงเป็นคำแทนนัย...ขยายบ่ง ถ้อยวลีชี้ชัด...ไม่ขัดโคลง ความหมายตรงเอ่ยกล่าว...จึงเข้าใจ...
20 พฤษภาคม 2547 00:23 น. - comment id 271026
เพราะรักรวมหลงไหลไล่ลำนำ จึงจดจำจารึกมาฝึกฝน ขีดเขียนคำเข้าคู่ดูวกวน ไต่เต้าตนตั้งต้นจนเชี่ยวชาญ ก็กล้ากรอกกลอนกรองประลองเล่น และเปรียบเป็นประหนึ่งมิตรสนิทสถาน ร่วมเล่นร้องเริงร่วนล้วนกลอนกานท์ หมายมาตรแม้นเหมือนสราญงานร้อยกรอง เมื่อมิกล้า เริ่มดำริ ชำนิชำนาญ อาขยาน อาขยับ สดับสนอง ต่อกวี ตีเพลง ประเลงประลอง เล่นทำนอง ร้องทำเนา ประเล้าประโลม ประหนึ่งเป็น เช่นครู ผู้สอนสั่ง ประหนึ่งดัง ตราสาส์น ให้หาญโหม ประหนึ่งแรง แกร่งเกรียว มาเหนี่ยวโน้ม ประหนึ่งโคม ประทีปทอง ส่องเส้นทาง จึงรักจะ ประดิษฐ์ จะคิดเล่น เมื่อฉุกเห็น ประเด็น หรือเว้นว่าง ตัดสินใจ ก้าวไป ในเส้นทาง ครูท่านวาง แบบอย่าง สร้างสรรค์ไว้ เผดียงเผื่อ เพื่อบอก เพื่อตอกย้ำ ท่วงลำนำ ทำนอง ลองหลั่งไหล มาขับกล่อม เกลาสะกิด ทุกจิตใจ รับรู้ไว้ ว่ากวี นี้งดงาม . .๚
20 พฤษภาคม 2547 01:21 น. - comment id 271040
. ..มีต้นแบบแยบคายระบายบอก เมื่อเปลือกปอกปล้องเปรยได้เชยเห็น ข้อกำหนดจดจรัส ก็ชัดเจน คงได้เบนถูกบ้าง ....แหมบางตา............. ค่อยเป็นค่อยไปนะ..คุณหมอ
20 พฤษภาคม 2547 05:21 น. - comment id 271066
ยอกรวอนผ่านฟ้า ฟากสวรรค์ กวีหนึ่งรำพันสรร ส่งสร้าง นบนอบต่อชนบรร บวรก่อ เกื้อนา แนะว่าควรมิร้าง เร่งรู้ครูไข จารจำจึงดลใจ ให้เขียนไว้ในลำนำ พากเพียรเวียนกระทำ มิลืมได้ฤาใหลหลง มุ่งหมายย้ายภาษา บรรพชนมาให้ชนคง คู่ฟ้าและอยู่ยง ตราบสิ้นเราเยาว์ยังจำ เวลาวารีมีค่า รดรินใจมา ชื่นฉำดื่มดำดวงแด มุ่งหวังการใดใยแล อาจเพียงจอกแหน ยามบานสีหวานพราวสวย ตักขึ้นวางเรียงรายรวย ผึ่งแดดสานกรวย ก็ก่ออีกเกื้อเจือจาน ใจคนมุ่งหมายสมัครสมาน ผนึกคำประสาน ด้วยรักจึ่งมีกานท์ไข บางบทอาจด้วยเยาว์วัย เหล่าท่านนั้นไซร้ ยังหวังร่วมสร้างสานเสริม ขอคารวะแด่ครูผู้สั่งสอน อรุโณทัย อาภาภัส ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗
20 พฤษภาคม 2547 05:58 น. - comment id 271073
เสพถ้อยอิ่มทิพย์ สุขถ้วนบึ้งมโน แล เรียม
20 พฤษภาคม 2547 09:03 น. - comment id 271112
สืบสานตำนานนี้ งานกวีร้อยอักษร เรีองร้อยเป็นบทกลอน ครูสอนไว้ให้งดงาม @@@@@@@@ ความหมายดีมากเลยครับ
20 พฤษภาคม 2547 14:15 น. - comment id 271239
กับความงามบทกลอนที่ริเริ่ม ค่อยแต่งเติมเสริมคำหมั่นฝึกฝน วางร้อยเรียงจัดเกณฑ์และอดทน หวังเป็นคนเก่งกาจฉกาจกลอน หยดน้ำคำนำความคิดเขียนผิดถูก เปรียบดังลูกคนเล็กยังต้องสอน วางสระสัมผัสนอกบอกเป็นกลอน คำอักษรผิดพลาดบ้างอย่าดูแคลน คำกวีมีค่าเกิดกล่าวอ้าง กวีสร้างความงามตามแบบแผน สุนทรียจึงเกิดอ้างวางเป็นแกน ตามแบบแผนครรลองแห่งความงาม
20 พฤษภาคม 2547 15:01 น. - comment id 271261
มาร่วมคารวะด้วยครับ
21 พฤษภาคม 2547 05:48 น. - comment id 271668
มาอ่านบทกลอนประชดประชันดี