เหวยเหวยวนวากย์กลั้วกันเอง เศียรจ่อสุมเชลงล่อล้อ มธุรสประพจน์เลบง.ระบัดบ่ม หนอช่างพากย์พรายพ้อ..พร่างพร้อยเหลือหลาย ฯ โลกกลายไยมืดครึ้ม.ครอบหัว สูงส่งสายตามัว...ม่านฟ้า ขอบโค้งเคลื่อนสอดสลัว...ลามล่วง ฤๅว่ากะลาคว้า.ขวักคล้อยคลุมเศียร ฯ วนเวียนละเลียดล้วน..เลอนัย วิเคราะห์เจาะวิจัย...จัดจ้าน แปลกปลอมผ่านพิสัยแสดงศักดิ์ ปราชญ์เปรื่องเมลืองสะท้าน.ถั่งถ้อยรอยกถา ฯ ราตรีรึงรัดสิ้นสูรย์แสง ฤๅเปรียบมานะแสดง........ดั่งนั้น ทิฐิสรรพส่อแสลง...ลงล่าง หยดหยาดก็อาตม์รั้น..ร่ายร้อยพลอยขำ
23 เมษายน 2546 16:39 น. - comment id 130354
จริง ๆ คุณก็แต่งดีนะ แต่ฉันอ่านกลอนแบบนี้ไม่ค่อยเป็น เอาเป็นว่าแวะมาทักทายแล้วกันนะ
23 เมษายน 2546 16:59 น. - comment id 130366
ขอบคุณเด้อที่แวะมาทักทาย แบบนี้ครือ...โค-ลง...ปลัก..เอ๊ย...สี่สุภาพ....หรือ...โคลงสี่เรียบร้อย...ฮิๆๆ....บ่ใจ้กลอน....
23 เมษายน 2546 17:26 น. - comment id 130374
ฮะๆๆ....แซวข้ามกระดานหน่อย ทางโน้นน่ะ ทางไหนหว่า .. ไปเรือ หรือ ไปรถ ดีล่ะ
23 เมษายน 2546 20:33 น. - comment id 130411
ไม่รู้จะขำเท่าไร.. แบบว่า.. อ่านแล้วยัง งง น่ะค่ะ เอาเป็นว่า..แวะมาชื่นชม โคลงเรียบร้อยก็แล้วกันค่ะ.. เขียนแบบนี้ไม่เป็น..ขอชื่นชมนะคะ
23 เมษายน 2546 23:33 น. - comment id 130525
.....ทรายงามยามล่องพริ้ว...............พราวประกาย ผุดผ่องมองความหมาย..................ซ่อนเร้น ชีวิตจิตโยงสาย-............................เป็นหนึ่ง มากเผ่าเราต่างเว้น........................จากมล้างพงษ์เดียว ฯ