คำตอบที่ร้าวรานหัวใจ
ดาวประกายพฤกษ์
ในท่ามกลางความเย็นชื่นของอากาศ ในศาลาท่าน้ำไม่มีชื่อ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งง่อนแง่นดูโลเล เหมือนใจผู้คนที่ต่างก็พร้อมจะโอนเอนไปในทิศทางใดก็ได้ เพียงเพื่อให้หลักชีวิตไม่หักโค่นด้วยกระแสแห่งสังคม ยอมแม้จะล้มพับ?ทำได้ แม้จะสูญเสียความเป็นตัวตน เพื่อรักษาความเป็นไม้ผุ ๆ ของตนไว้.
คุณ เคยพบคำตอบที่ร้าวรานหัวใจไหม.. ที่มันคืบคลานมาเกาะจิตใจอย่างเงียบกริบ แล้วกัดแทะโมงยามแห่งความสุขของคุณให้แหว่งวิ่น ด้วยฟันที่คมกริบ มีน้ำพิษฉีดออกมา เพื่อคงความเจ็บปวดนั้นไว้ให้เรื้อรัง กัดกร่อนความเข้มแข็งทีละนิด จนสุดจะฝืนยืนอยู่ได้ ต้องล้มลงคร่ำครวญอย่างบ้าคลั่งให้กับมัน..ใบหน้าของอนาคตจะแสยะยิ้มแยกเขี้ยวให้เห็น ดวงตาที่ปีติของมันจะปูดโปนออกมาอย่างสะใจกับอาการของคุณ ส่วนอดีตจะส่งรอยยิ้มที่ยั่วเย้ยตามมาล่อหลอกให้ใบหน้านองน้ำตาที่กำลังฟูมฟายของคุณต้องกำสรวญเป็นทวี..เมื่อคิดถึงวันวาน..
วันเวลา..เป็นมิตรที่ดีและเป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว มือเรียวงามของโมงยาม จะค่อย ๆ เกลื่อนความรวดร้าวในชีวิตให้จางลง และก็พร้อมจะฉีกบาดแผลให้เปิดกว้างได้อีก เมื่อคุณตกเป็นทาสของอดีต เราต้องยืนอยู่ในจุดสัมผัสของอดีตและอนาคต ปลดเปลื้องตัวเองให้เป็นอิสระกับปัจจุบันกาล รู้จักที่จะปรับความทรงจำให้กับบางสิ่งหลอมละลายไป และดูดซับในอีกสิ่งให้เด่นชัดกับชีวิต..เราต้องเลือกอยู่เสมอว่า จะจำหรือจะลืม เพื่อพาตัวเองขึ้นจากปลักแห่งความเร่าร้อน คล้ายกับหลีกหนี แต่ไม่ใช่ เป็นการถอยออกมาห่าง ๆ เพื่อจะดูว่าก้าวต่อไปของเราจะพ้นหล่มลึกนั่นหรือไม่ ถ้าเกินกำลังของเรา เราก็ลืมเสียว่าได้เดินผ่านเส้นทางนี้ พาตัวเองไปสู่เส้นทางใหม่ แต่จดจำร่องรอยที่ทำให้เราซวนเซลื่นล้มไว้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับตัวเราและปิยมิตรที่ร่วมชะตากรรม..
สายน้ำเจ้าพระยาไหลเอื่อย ลมพัดโบกโบยสะบัดพัดพลิ้วแผ่วไหว ..อาทิตย์ใกล้อัสดง
ฉันนิ่งเงียบในกระแสเสียงที่แทรกผ่านมาสู่ประสาท บางครั้งมองแผ่นน้ำที่พลิ้วกระเพื่อมเข้าสู่ฝั่งตามแรงของเรือยนต์ที่แล่นไปมา ผักตบชวาลอยเปะปะตามน้ำ บางกอติดอยู่ริมฝั่ง หลายกอลอยตามน้ำไป จะเหมือนความรู้สึกที่ออกจะเหนือความจริง ซึ่งนานครั้งฉันจะรู้สึกเช่นนี้..