๑ ๏ อำนาจฤๅอาจกล้า..................ท้ากาล แค่อยู่ครู่ใช่นาน......................เนิ่นแท้ คนไฉนไม่ขามราญ.................รุกแข่ง ขอเสพเศษเสี้ยวแม้................มุ่งร้ายหมายผลาญ ๚ ๒ ๏ วันวารว้าวุ่นค้น...................วนคิด คอยแก่งแย่งเยื้อปลิด.............ปลดปล้น ใครขวางขัดขาขวิด..................ขึงขู่ ปราดกวัดปัดกวาดพ้น.............เพื่อคว้าครอบครอง ๚ ๓ ๏ ยืนผยองว่าเยี่ยมฟ้า..............ฟ่องหาว ย่ำเหยียบงำเงียบฉาว...............โฉ่ไว้ ปกปิดมิดเม้มคาว.....................ความชั่ว ฝังผนึกลึกเร้นให้......................ห่างผู้พบเห็น ๚ ๔ ๏ จันทร์เพ็ญจางผ่อนร้าง.........รังสี อำนาจอาจเสื่อมมี.....................หมดสิ้น ผลกรรมต่ำช้าหนี.....................นั่นหลุด......พ้นฤๅ สูญเดชเหมือนเปรตดิ้น.............ด่าวเต้นเห็นสลอน ๚ ๛
15 พฤษภาคม 2545 13:40 น. - comment id 49748
ผมไม่เก่งเรื่องโคลง ไม่กล้าออกความเห็น พอดีเพิ่งเรียนจบนอกกลับมา ลืมๆไปเลยเรื่องโคลง
15 พฤษภาคม 2545 14:08 น. - comment id 49768
ใครทำอะไรไว้ ถึงคนอื่นไม่รู้ แต่ตัวเองก็รู้ค่ะ
15 พฤษภาคม 2545 21:04 น. - comment id 49841
สิ่งที่รู้ อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด สิ่งที่คิดอาจจะไม่ใช่อย่างที่รู้ และสิ่งที่ทำอยู่อาจต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
15 พฤษภาคม 2545 22:21 น. - comment id 49868
ฝีมือไม่ตกเลยนะคะ..วฤก...กลอนยังเพราะและมีความหมายเหมือนเดิม... ปล: ถ้าเป็น...โคลอน...แต่งกลอนแนวนี้คงใช้ภาษาไม่ได้สละสลวยอย่างนี้อ่ะค่ะ...:p แต่พออ่านโคลง ของ วฤกแล้ว ได้อีกอารมณ์เลยเนาะ \(o^_^o)/
15 พฤษภาคม 2545 22:24 น. - comment id 49869
อ่า...โคลง ตะหาก...ธ่อ โคลอน ทั้งกลอนทั้ง โคลงปนกานปายหมด ~(-_-+)~
16 พฤษภาคม 2545 01:54 น. - comment id 50012
คิดถึงอาจารย์เช่นกันจ้า ได้มาชื่นชมโคลงสวยๆ อีกแล้ว... ไว้วันหน้าจะเขียนมั่งจ้า...
17 พฤษภาคม 2545 11:46 น. - comment id 50293
ชอบบทสุดท้ายมาก เห็นภาพเลยค่ะ