เพียงแค่เรือนกายเราปรากฏ ก็เป็นบทสนทนาอยู่ต่อเนื่อง ว่าเป็นเหตุเภทภัยในบ้านเมือง จะก่อเรื่องให้ยุ่งระยำยับ แค่โผล่ให้เห็นก็เรียกเหี้ย สาดเสียเทเสียแถมโขกสับ ไม่เคยมีใครเต็มใจรับ มีแต่ขับแต่ไล่ไปทั้งนั้น คิดแต่เราคืออัปมงคล ความเป็นเหี้ยกับคนมีขีดขั้น ชั่วดีถี่ห่างก็ต่างกัน จนลืมความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ว่าที่รักที่ใคร่ที่ใกล้ชิด ก็ออกนามโดยสนิทว่าเหี้ยห่า ที่ชิงชังที่ขึ้นชื่อว่าชั่วช้า เหี้ยก็เป็นคำด่ามาเนิ่นนาน รักก็เหี้ยเกลียดก็ด่าว่าเหี้ยอีก เกินจะหลีกเลี่ยงคำที่เรียกขาน ความเป็นเหี้ยจึงถูกจิกถูกประจาน แค่พ้องพานก็กล่าวหาว่าตัวซวย เราเคยทำร้ายใครบ้างหรือ ก็แค่ชังชื่อออกฉาบฉวย คิดเองเออเองแบบเอออวย เดินเฉียดเราเข้าก็ป่วยแล้วทางใจ เราจึงถูกตั้งข้อรังเกียจ ไม่มีใครเคยเฉียดเข้ามาใกล้ ด้วยมีความเชื่อว่าอัปราชัย อัปรีย์จนต้องไปปัดรังควาน ในความเป็นเหี้ยเราเสียใจ ที่คนใช้เฉพาะชื่อเราสื่อสาร ยึดแต่ชื่อโดยไม่ยึดพฤติการณ์ เราจึงเป็นตำนานความน่ากลัว ...คนเกลียดเรากลัวเราก็เข้าใจ ว่าคนไร้เหตุผลจนถ้วนทั่ว แค่เราอยากมาเยี่ยมเยือนเพื่อนบางตัว ยังพาดหัวว่าพวกเราบุกเข้าสภา..." ปล. อาจารย์เอ่ยให้ฟัง เมื่อ ๓ พฤษภาที่ผ่านมา
6 มิถุนายน 2554 08:46 น. - comment id 1197820
ผู้เขียน ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์บทความ) ปีพุทธศักราช 2551 ก้าวข้ามขั้นบันไดของขุนพลอักษร ทะยานสยบภูผาวรรณกรรม กวีศิลป์ จากต้นธารสู่ปลายสายธารา เขามักจะถ่อมตนเองเป็นดั่ง แพไม้ไผ่ อาจารย์อดุล อดีตข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 9 สังกัดสำนักงาน ก.พ. ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวินัยและรักษาระบบคุณธรรม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง อันถือว่าเป็น หน้าที่ ส่วนนามปากกา อัคนี หฤทัย เป็น ปัญญา ธารี ถือเสมือนเป็น อารมณ์จากสามบทบาท เมื่อรวมความ เขารู้ตัวเองว่า ต้อง ทำอะไร ควร ทำอะไร และ อยาก ทำอะไร ตุลาการกลั่นกรองกวีศิลป์ เขาเป็นนิติกรที่ไม่ใช่เนติบริกร เขาเป็นคนเรียนนิติศาสตร์ที่ใช้ความเป็นนักกฎหมายอย่างคุ้มค่า เขาเป็นตุลาการผู้ตัดสินคดีมนุษย์กับความสัมพันธ์ต่อสังคม เขาซื่อตรงและเดินตามข้อบทกฎหมายราวไม้บรรทัด เขาเป็น ท่าน ของแวดวงกฎหมาย และเป็นพ่อและสามีของครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์ครอบครัวหนึ่ง แต่เขาไม่ได้มีภาพเดียว เบื้องหลังภาพและเบื้องหน้าอันเด่นชัดนี้ยังมีกลิ่นอายหลังกรอบภาพอันลุ่มลึก เป็นกวีผู้มีจินตนาการเป็นเลิศ ดุจกวีผู้อุทิศตนเป็นแพไม้ไผ่ล่องไปในสายธารกระแสสังคมและเป็นคนเขียนหนังสือที่มีใจมุ่งมั่นคนหนึ่ง ภาพภาคขยายของตุลาการหัวหน้า คณะศาลปกครองกลาง ผู้ถือตำรากฎหมายและปากกากวีไว้ในมือข้างเดียวกัน โดยภาพลักษณ์ เขาเป็นนักกฎหมายที่ใครหลายคนในแวดวงวรรณกรรมสงสัยว่าทำไมถึงจึงกล้าก้าวจากบัลลังก์ตุลาการมาเป็นกรรมการตัดสินงานวรรณกรรมได้ การที่เคยเคยตัดสินกวีซีไรต์ในรอบกวีนิพนธ์ 2 สมัย อีกภารกิจคนของแผ่นดิน เขาได้สร้างสรรค์กวีนิพนธ์ เพื่อสื่อสารแก่สังคมให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ ร่วมรู้สึก ร่วมคิด ทั้งคิดย้อนและคิดแย้ง ทำให้เกิดพลังทางปัญญาและได้รับความสะเทือนอารมณ์อย่างลุ่มลึกไปพร้อมกัน กว่า 40 ปีของการสร้างสรรค์กวีนิพนธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีจุดยืนอันแน่วแน่ในการรักษาความจริง ความถูกต้อง และความเที่ยงธรรม พร้อมกับยืนหยัดในการปกป้องเสรีภาพทางความคิด และการกระทำ กวีนิพนธ์ของท่านจึงมีความโดดเด่นในด้านพัฒนาการทางความคิด ทางอารมณ์ เปี่ยมด้วยพลังทางวรรณศิลป์ จนได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2551 มองย้อนไปในปลายปี 2510 ได้สร้างผลงานกลอนชื่อ บทเพลงเหนือสุสาน โดยใช้นามปากกา ธารี กวีบทนี้ได้รับรางวัลเกียรตินิยมวรรณกรรมของชมรมวรรณศิลป์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทกวีนี้มีเนื้อหาต่อต้านการที่รัฐบาลไทยส่งทหารไปช่วยสหรัฐอเมริกาทำสงครามเวียดนาม โดยเฉพาะจดหมายจากเวียดนาม กราบเท้าแม่ และ คิดแบบเหี้ย ตอกย้ำสภาพสังคมในยุคนั้นได้อย่างถึงแก่นกระพี้ ในนามปากกา อัคนี หฤทัย คอลัมน์ ณ กาลเวลา ของหนังสือพิมพ์ข่าวสดประจำฉบับวันอาทิตย์ ต่อมาถูกรวบรวมเป็นหนังสือบทกวีของเขาที่มิตรรักนักกลอนกวีศิลป์ไม่ควรพลาดในการหามาอ่าน
6 มิถุนายน 2554 09:28 น. - comment id 1197825
สวัสดีเจ้า คุณแทนคุณแทนไท : ^o^ เกิดมาเป็น ตัวเหี้ย เสียใจนัก ถูกคนดัก ด่าเอา อย่างง่ายง่าย ไม่รู้ว่า ทำอะไร ให้เขาอาย เขาจึงคล้าย เกลียดชัง อย่างที่เป็น ก็ไม่รู้ ว่าสภา เขาห้ามเข้า เห็นคนเขา มากมาย เราได้เห็น เขาเดินเข้า เดินออก เช้าจรดเย็น เราก็แค่ อยากเดินเล่น จึงเข้าไป แล้วมาด่า เราทำไม ให้เจ็บช้ำ เราแค่ทำ เฟอะฟะ หน้าซื่อใส อยากจะรู้ คนเข้า ไปทำไม เราจึงตาม ไปดูบ้าง เท่านั้นเอง จะว่าเหี้ย ก็เหี้ย เรายอมรับ จะโขกสับ อย่างไร เราไม่เบ่ง จะด่าทอ ต่อว่า ท้าตะเบ็ง ก็ไม่เกรง หรอกถ้า มาต่อตัว ก็ไม่รู้ ทำไม ว่าเราซวย ใครจะช่วย ไขที อย่ามีมั่ว ก็อยากรู้ เหมือนกัน ไม่หวั่นกลัว เราทำตัว ยังไง ถึงได้ซวย ไม่เข้าใจ สงสัย อยู่ในจิต คร่ำครวญคิด หนักใจ ใครจะช่วย ไม่อยากเดา เอาเอง แบบเอออวย ใครที่ป่วย เพราะเราบ้าง แม้ทางใจ เกิดเป็นเหี้ย มันเศร้า และเหงานะ หวังว่าจะ มีสักคน เอาใจใส่ คอยปลอบโยน ดูแล และห่วงใย จะเป็นเหี้ย ก็มีใจ เหมือนเหมือนกัน แฮ่.... หนูหิ่ง ฯ กลายร่างเป็นตัวเงินตัวทองชั่วคราวเจ้า ในสมัยโบราณ คงไปทำอะไรสักอย่างมั้งคะ จึงถูกขนานนามเช่นนี้ มีความสุขสม่ำเสมอเจ้า ปล. หนูหืิ่่ง ฯ ไ่ม่ค่อยได้อ่านหนังสือหรอกค่ะ แฮ่.... จริง ๆ แล้วอยากจะบอกว่านู๋ชอบของฟรีน่ะค่ะ อิ ๆ ๆ ๆ
6 มิถุนายน 2554 12:48 น. - comment id 1197854
หวัดดีขอรับ...ท่านแทนคุณฯ ได้คิดๆๆ...ขอรับ...อิอิ เอาด้วย..ขอรับ... เหี้ยหนึ่งคำย้ำเสียง...เรียงประดิษฐ์ เหี้ยหนักเบา...เดาคิด...ด้วยจิตเห็น เหี้ยเบาเบาเหล่าเพื่อน...เอื้อนประเด็น เหี้ยเน้นเน้น...จงเกลียดและเดียดชัง คิดแบบเหี้ย...เหี้ยคงเห็นคนว่า สนทนา...แบบเหี้ย...เขี่ยคำคลั่ง ด่าว่าคน ก่นเหน็บ เจ็บใจจัง เห็นคล้อยหลัง...ด่าก่น...ไอ้คนเลว ถึงว่า...ถึงเจอในสภาบ่อยๆ...อิอิ ขอรับ.. เจ้ย... วันนี้...พูดไม่เพราะ...อิอิ
6 มิถุนายน 2554 14:06 น. - comment id 1197868
ปริศนา ในสภาครามีเหี้ย กลิ่นเน่าเสียชวนเชิญจึงเดินเข้า ในส่วนลึกนึกตรองต้องพวกเรา รสนิยมของบ่มเน่า..เราชอบกัน หวัดดีเพื่อน เป็นไงดูใหญ่ยิ่ง ได้ดิบดี มีแล้วทิ้ง นิ่งก๋ากั่น ลืมกำพืด สกุลเหี้ย เสียแล้วนั่น มาด่ากัน ว่าเหี้ยสิ้น..กลิ่นเน่าโชย !
6 มิถุนายน 2554 16:08 น. - comment id 1197883
พิมว่า thaipoem น่าจะมีปุ่มกด like เนอะ ชอบค่ะ
6 มิถุนายน 2554 17:43 น. - comment id 1197887
เอากิ๊ฟติดผมไปสามอัน..
6 มิถุนายน 2554 21:24 น. - comment id 1197908
เห็นแค่ชื่อ....ก็สะดุ้งเลย แรง....
6 มิถุนายน 2554 23:48 น. - comment id 1197939
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555สะใจ
7 มิถุนายน 2554 01:07 น. - comment id 1197943
รักก็เหี้ยเกลียดก็ด่าว่าเหี้ยอีก เกินจะหลีกเลี่ยงคำที่เรียกขาน อ่านทีละบทมาเรื่อยๆ พอถึงบทนี้มันกลั้นไม่ได้จิงๆ (ขออภัย มิได้หมิ่นคำเขียน แต่ อ่านแล้วขำตามความรู้สึกและเข้าใจที่เขียนจริงๆ) ยังไงๆ อย่าให้รวมพลบุกสภาได้นะ ขอร้อง..
7 มิถุนายน 2554 19:10 น. - comment id 1197993
อันคำว่า "เหี้ย" "ตะกรวด" นี่มีมาตั้งเนิ่น นานแล้วครับ ตระกูลเดียวกับพวกจรเข้คน แตกต่างกันที่ลายในตัวมันครับขนาด ตัวเหี้ยจะใหญ่กว่าพวกตะกรวด โบราณ เราเอามาตั้งให้แก่คนไว้ในคนสองประเภท และจำพวกขนมอีกประเภทหนึ่งไว้ครับ จึงทำให้เขาเกลียดจะได้ยินคำๆนี้ครับ ด้วย นิสัยสัตว์พวกนี้มันชอบ ขโมยกิน เช่นจำพวก ไก่ เปิด ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ อาหารสดๆที่ คนโบราณมักจะทำกับอาหารคาวเช่นเนื้อ เป็นต้นแถวริมคลองบ้าง ที่ใกล้ๆน้ำบ้าง แล้วลืมไป สัตว์พวกนี้จะเข้ามาลักขโมยกิน จึงทำให้เป็นที่เกลียดชังของคนมากๆ ชื่อนี้เกิดจากคนๆหนึ่ง ด่ามันขึ้นหลังจากที่ได้ฆ่ามันตายแล้วด้วย การจัดกำลังล้อมยิงมันได้ คนๆหนึ่งตะโกน ว่า " ไอ้ตัวเหี้ยนี้ชอบขโมยกินไก่อาหารดีนัก" จึงเป็นคำกล่าวต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน นี้ หมายถึงคนที่นิสัยไม่ดี มักจะเรียกว่า คำว่า "ไอ้เหี้ย ไอ้ตะกรวด" หมายถึง พวกประพฤติตนไม่ดี อีกอย่างหนึ่งที่เรา กินกัน ที่เรียกว่า "ไข่หงส์" เป็นขนมชนิด หนึ่งที่ใช้แป้งข้าวเหนียวผสมกับแป้งข้าว จ้าวมานวดกันจนได้ทีใส่ถั่วเขียวที่ปลอก เปลือกขนออกสีเหลืองๆแล้วมาตำบด ให้ละเอียดผัดในกะทะกับพริกไทยจน ได้ที แล้วเย็นลงค่อยมาปั้นเป็นไส้ใส่ไว้ ในแป้ง นำไปทอดในกะทะที่ใส่น้ำมัน แต่ด้วยยังไม่มีชื่อเรียกขนมชนิดสมัยก่อน เมื่อนำลงไปทอดแล้ว เวลามันพองมัน จะดีดกันทำให้น้ำมันกระเด็นมาถูกคน ทอดแป้งที่ปั้นเป็นลูกกลมๆคล้ายไข่ จึง ถูกขนานนามว่า "ขนมไข่เหี้ย" เรื่อยๆมา จนถึงสมัยรัฐบาลหนึ่งหากจำไม่ผิดคงเป็น สมัยจอมพล ป. ให้เปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า เป็นขนมไข่หงส์ไป ความหมายของคำว่าเหี้ยจึงมีความหมาย ในทางไม่ดี หากเป็นคนจะประพฤติตนไม่ ดีเช่นลักเล็กขโมยน้อย หรือขโมยชิ้นใหญ่ๆ เช่นพวก ผู้แทนทั้งหลาย จะถูกขนานนาม ว่าพวกเหี้ย ขนมก็เรียกว่าขนมไข่เหี้ย เป็นต้นมาครับ อิอิ....เอาสิ่งหลอกลวงมาเผยไว้ครับ ฉนั้นหากรัฐบาลใดมีตัวเหี้ยที่เลี้ยงมาก ในสวนสัตว์ฺดุสิตหลุดเข้ามาในสภาผู้แทน มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางร้ายๆทั้งนั้น แต่ก็แปลกอย่าง สวนดุสิตกลับไม่ถูก วิจารณ์คงกลัว........กระมังฮ่าๆๆๆๆ แม้แต่หนังสือพิมพ์บางฉบับชอบประโคม ข่าวนี้นัก จึงถูกเรียกเหมือนๆกันครับท่าน ต่อมาหนังของสัตว์สองประเภทนี้ทำราย ได้ให้แก่ประเทศมากจึงมีฟาร์มเลี้ยงไว้ เอาหนังมาขาย เนื้อทานได้ครับคล้ายเนื้อ จรเข้ จะออกสีขาวๆครับ เขาว่ากินอร่อยดี ส่วนหนังแลแล้วทำให้แห้งโดยวิธีทางเคมี นำส่งไปต่างประเทศเช่นทำกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ ราคาแพงๆมากๆครับ เท่านี้ก่อนนะครับเดี๋ยวคนที่เป็นจะมา เรียกผมว่า "ไอ้เหี้ยรู้เรื่องดีนัก" ฮ่าๆๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
7 มิถุนายน 2554 20:20 น. - comment id 1198015
SIBAID
7 มิถุนายน 2554 21:52 น. - comment id 1198039
8 มิถุนายน 2554 11:13 น. - comment id 1198086
ถูกตราสัตว์นรกหัวอกหมอง เป็นสิ่งลองผิดลองถูกจ้องด่า ผีนรกสภาเมืองต่ำช้า น่าเปรียบสารเลวกว่าสัตว์ใด
8 มิถุนายน 2554 12:26 น. - comment id 1198111
............. ขอบคุณคุณแทนฯ ที่นำบทกลอนเก่ามาให้อ่าน (เข้าสมัยพอดี) อ่านงานของท่านอดุล จันทรศักดิ์ มาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน ชอบทุกนามปากกาของท่าน ตั้งแต่อัคนี หฤทัย, ธารี และถ้าจำไม่ผิด สมัยท่านเป็นนิสิตจุฬา บทกวีหลายๆชิ้นของท่านนั้น ท่านใช้ชื่อสกุลจริง ...............
9 มิถุนายน 2554 08:07 น. - comment id 1198217
มาขำฟามเหง ๑๑.. .ฮ่า...ยาเอ๊ย...ไม่เข็ดๆ
12 มิถุนายน 2554 09:30 น. - comment id 1198597
ขอบคุณที่นำงานดีๆแบบนี้มาให้อ่านค่ะ ติดใจจนต้องอ่านซ้ำอยู่หลายรอบ ^^