ถึง.....คนที่ไม่รู้จัก.....กระจัดกระจาย ยินเสียงในวัยฝัน.....ละล่ำละลัก แจ้งประจักษ์หวนถึง.....กระหวนกระหาย รำพึงรักผ่อนตาม.....กระวนกระวาย อยากจะหมายครองเธอ.....ทะเยอทะยาน ยามเคยหวงห่วงใย.....ละมุนละม่อม ยามเคยกล่อมนิทรา.....ประสาประสาน เมื่อจากไปใจนี้.....ตะลีตะลาน ให้ร้าวรานปานจะขาด.....ระหวาดระแวง คิดถึงครั้งชอกช้ำ.....สะอึกสะอื้น ค่ำดึกดื่นเศร้าหมอง.....ระหองระแหง ปลอบประโลมป้องปัด.....ทะมัดทะแมง ใยจึงแกล้งให้รัก.....สะบักสะบอม เคยพูดพร่ำร่ำหา.....กระยิ้มกระย่อง สุขใจปองเคียงหมอน.....ตะลอนตะล่อม นั่งพูดจาพาที.....ประนีประนอม มาบัดนี้ขอจำยอม.....อะลุ่มอะลวย แม้นความรักแอบอุ่น.....ละมุนละไม ยินเสียงใจแผ่วนุ่ม.....กระชุ่มกระชวย จากเพื่อเจอพบพักตร์.....ระเริงระรวย ไม่ฉาบฉวยรักสะบัด.....ประหัตประหาร< แด่...คนช้ำรัก ....สะบัก สะบอม จาก...คนเคยช้ำ...ระส่ำ ระส่าย
9 มิถุนายน 2552 20:45 น. - comment id 997334
เมื่อมีรักมักจะระริกระรี้ เมื่อรักหนีมักจะระส่ำระสาย น้ำตารินร่วงหล่นกระวนกระวาย ซึ้งความหมายเมื่อรักสะบักสะบอม ........................................
9 มิถุนายน 2552 21:02 น. - comment id 997341
เขียนกลอนรักไม่คล่องกระพร่องกระแพร่ง ยากจะแต่งเคล้าคลุกตะกุกตะกัก ว่ากันตามใจนึกกระยึกกระยัก ขอหยุดพักไปคิดกระมิดกระเมี้ยน.. :) กว่าจะลากจบ..เกือบสนุ๊กตัวเอง...อิอิ
9 มิถุนายน 2552 21:31 น. - comment id 997346
เพราะ...อกหักรักช้ำ...ระส่ำระสาย รัก....กลับกลายให้นึก...กระอึกกระอัก ต้อง...ผิดหวังเพราะคำ...ละล่ำละลัก ช้ำ....ยิ่งนักจำทน...กระวนกระวาย
9 มิถุนายน 2552 21:45 น. - comment id 997357
สวัสดีค่ะ สะบัด สะบิ้งไม่ไหว แรงไม่พอ (แรงปัญญา) คำในคลังน้อย...
9 มิถุนายน 2552 22:27 น. - comment id 997370
อยากจะเป็นดวงดาว...ประดับประดา เด่นสง่ากลางนภา...กระฉับกระเฉง ส่องสว่างกลางใจ....ละลิบละเลง ก่อนบรรเลงไร้แสง....ขมุกขมัว ขอบคุณที่ร่วมแจมนะคะ ^^^^^เสียงหัวเราะ^^^^^
9 มิถุนายน 2552 22:36 น. - comment id 997375
รักละมุน อุ่นละไม หมายมอบรักอบอุ่นละมุนละไม หวังหัวใจใกล้ชิดสนิทสนม แต่เธอกลับเชิดหน้าผะอืดผะอม จึงจ่อมจมสลดระทดระทวย ท่วมท้นทุกข์อกหักสะบักสะบอม เกินจะกล่อมวจนะสละสลวย เพื่อปลอบปลุกใจหนุ่มกระชุ่มกระชวย คงมอดม้วยแม้นคิดสะอิดสะเอียน ได้โปรดเถิดจงละกระบิดกระบวน ขอเชิญชวนด้วยจิตสถิตเสถียร แม้นระกำลำบากจะพากจะเพียร จะวนเวียนเนิ่นนานจะทานจะทน รอแสงดาวพราวพริบระยิบระยับ แม้นดาวดับขอเลือกกระเสือกกระสน แม้นทดท้อเหนื่อยหน่ายกระวายกระวน จะรอจนเธอเพรียกตะเกียกตะกาย ได้โปรดเถิดอย่าคิดตะขิดตะขวง เล่ห์กลลวงอำพรางจะห่างจะหาย เถิดเมตตาให้พ้นทุรนทุราย ก่อนวางวายโปรดมีประนีประนอม หากคนดีรับรักสลักเสลา จะคอยเฝ้าเคล้านวลทะนุถนอม จะมิให้ขื่นขมทุกข์ตรมทุกข์ตรอม จะเห่กล่อมรักอุ่นละมุนละไม เอารักละมุนอุ่นละไม ที่แต่งไว้มาแจมด้วยครับ
9 มิถุนายน 2552 22:57 น. - comment id 997382
มนุษย์ต่างแก่งแย่ง....กระทบกระแทก ต่างผิดแปลกให้ขำ...กระดำกระด่าง มีกังฉินตงฉิน....ระแวดระวาง ใจที่ต่างร้องเรียก....ตะเกียกตะกาย @@กลอนอย่างนี้เอาให้หนำใจเลย@@ เสียงหัวเราะ
10 มิถุนายน 2552 10:19 น. - comment id 997508
สวัสดีค่ะ อ่านแล้วยิ้มได้เลยค่ะ
10 มิถุนายน 2552 14:54 น. - comment id 997700
+++ ช่วยเขียนกลอนให้ผมหน่อยครับ +++ ๏ ข้าเคยเรียนเขียนกลอนกระท่อนกระแท่น กระทั่งแม้นจนคำถลำถลา จึงมุ่งมั่นสรรศัพท์ประดับประดา และศึกษาสางกลประพนธ์ประพันธ์ ไม่เคยตริพิลึกมิฝึกมิฝน ไม่เคยฉลฉลาดขยาดขยัน ไม่ย่อท้อต่องานจะพานจะพัน ฝึกทุกวันว่าเดี๋ยวก็เชี่ยวก็ชาญ อนุชนคนไทยไฉนฉะนี้ สุ จิ มีเหมือนหล่นสถลสถาน ปุ ลิ เลือนเหมือนขาดกระดาษกระดาน วิชาการกลายสิ้นมลินมลาย จงพากเพียรเขียนกลอนกระท่อนกระแท่น กระทั่งแม้นมากศัพท์ขยับขยาย แก้อักษรกลอนกลระคนระคาย สมเชื้อสายชาติกลอนสะท้อนสะเทือน ๚ะ๛ เอากลอนเก่ามาร่วมรายการครับ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem37709.html