อุดมการณ์แห่งกองไฟ(แด่ใบไม้ร่วง)
เฮาชาวดอย
ยังทอแสงริบรี่ ณ ที่เก่า
พอแสงเงาลางๆอยู่บางแห่ง
หวังวันหนึ่งว่าสีที่กล่ำแดง
จักโชนแสงสัจธรรมฉายนำพา
ข้างกองไฟกองเก่าผู้เฒ่าก่อ
สว่างพอเห็นทางอยู่ข้างหน้า
ยังเห็นความก้าวไกลในแววตา
มีความกล้าเยือกเย็นเช่นนที
เจ้าจักหาอะไรในผู้แพ้
ข้าก็แค่เชลยเคยหลบหนี
ข้าเคยสู้เคยแพ้ก็แค่นี้
แต่ข้ามีฟ้ารุ่งเมื่อพรุ่งวัน
เราต่อสู้เพื่อตายสหายเอ๋ย
ซากศพเกยวิปโยคความโศกศัลย์
ใบไม้ร่วงฤดูหนาวเมื่อคราวนั้น
เพื่อแตกใบยามคิมหันต์อันอำไพ
คืนนี้แสนเหน็บหนาวดาวยังสั่น
หนาวกายนั้นแม้เหน็บหาเจ็บไม่
แต่ศักดิ์ศรีผู้จำนนนี้จนใจ
เจ็บปวดใดไหนเล่าจะเท่านี้
ทนอ่อนแอทำไมให้เขาย่ำ
ใต้ตีนต่ำ ฤ ยอมเล่าเขากดขี่
จักรอวันแสงทองส่องปฐพี
รอเป็นผีอย่างนั้น ฤ ฉันใด
แล้วสายลมเยือกเย็นก็เผ่นพัด
ไฟแดงจัดสุมพลังความหวังใหม่
แตกประกายย้อมป่าด้วยห่าไฟ
หนาวก็คลายหายไปในบัดดล
จากริบหรี่ขี้เถ้าไร้เงาแสง
ก็ฝังแฝงแกร่งกร้าวพราวอีกหน
แต่หัวใจชาวนาผู้ทุกข์ทน
จักยินยอมจำนนก็จนใจ
ชื่อมนุษย์ต้องรักในศักดิ์ศรี
และต้องมีรุ่งวันที่ฝันใฝ่
อย่าจมปรักดักดานนานเกินไป
เฮือกหายใจสู้เถิดเกิดเป็นคน