อนาคตยากกำหนดบทบาทไหน ยากคว้าไขว่สมหวังดั่งปรารถนา เพราะมิทราบบาปลิขิตขีดชะตา กรรมปัญหาพาว่ายวนจนวุ่นวาย เพราะกิเลสละโมบโลภโกรธหลง ยากปลดปลงละแสวงหรือแหนงหน่าย คิดครอบครองปองทุกสิ่งทั้งหญิงชาย วันสุดท้ายก็ยังอยากยากละวาง เป็นมนุษย์สุดยอดกอดกิเลส ทุกเสี้ยวเศษอารมณ์ถมสรรค์สร้าง ร้อนเย็นหนาวร้าวขมห่มห่อนจาง มืดสว่างบ้างไหมในพระธรรม บอกอยู่เย็นเป็นพระจะมาโปรด แต่กล่าวโทษทุกคนจนน่าขำ แล้วเมื่อไรใจสงบจบวงกรรม จิตสูงล้ำล้อมเมตตาบารมี.
7 พฤษภาคม 2551 19:50 น. - comment id 847334
ถ้งแม้เราไม่สามารถทำลายมันได้โดยสิ้นเชิง แต่เราก็อาจทำให้มันเบาบางได้.....เพราะชีวิตเราไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยกิเลสตลอดเวลา....
7 พฤษภาคม 2551 20:55 น. - comment id 847357
ดีจ้า...........นางฟ้าน้อย ลืมๆเสียบ้างบางทีอาจจะไม่มีบาปนะ อิอิ
7 พฤษภาคม 2551 23:43 น. - comment id 847406
ดีจ้าหนูนางฟ้า ถ้าหยั่งรู้แล้วทำให้เกิดทุกข์ จะรู้ทำไมล่ะเนาะ อิอิ
8 พฤษภาคม 2551 00:35 น. - comment id 847421
สวัสดีค่ะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ ปล่อยวาง...
8 พฤษภาคม 2551 07:12 น. - comment id 847492
กองกิเลสเศษเสี้ยวของอารมณ์ ค่อยสั่งสมบ่มเพาะเพราะความอยาก ค่อยค่อยก้าวที่ละก้าวสู่ความยาก ดั่งรอน้ำท่วมปากสำลักเอง
8 พฤษภาคม 2551 08:12 น. - comment id 847517
คนเราปลงตกเมื่อไหร่แล้วมีความสุขครับ สบายดีนะครับคุณน้อง
8 พฤษภาคม 2551 08:59 น. - comment id 847529
สร้างผลบุญต่อทุนให้อนาคตค่ะ
8 พฤษภาคม 2551 13:05 น. - comment id 847615
อนาคตเป็นอย่างไรเราไม่รู้ แต่วันนี้ขอทำดีที่สุดในความคิดก็พอแล้วค่ะ....
9 พฤษภาคม 2551 12:12 น. - comment id 847879
ตราบเมื่อใดไร้สิ้นปวงกิเลส ความอาเพศในนิสัยก็สิ้นสูญ พระธรรมนั้นประเสริฐควรเทิดทูน อย่าสิ้นสูญศรัทธาเพราะบุคคล สวัสดีค่ะ
10 พฤษภาคม 2551 00:19 น. - comment id 848164
เรื่องของกิเลศ อยู่ในใจของมนุษย์ทุกรูปนาม ไม่มีทางจะมองเห็น แต่สามารถวัดได้ดังเรื่องเล่า ในวงสุรา เฮฮาปาตี้ อิอิ ณ. วัดสำคัญวัดหนึ่งเจ้าอาวาสได้มรณภาพลง เสร็จพิธีปลงสังขารแล้วก็ได้เริ่มขบวนการสรรค์หาเจ้าอาวาสรูปใหม่ บรรดาคณะกรรมการทั้งฝ่าสงฆ์และฆารวาสประชุมกันหลายรอบลงมติกันว่า ต้องเอาพระสังฆาธิการอาวุสโท้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ ข้อสำคัญต้องมีกิเลศ น้อยที่สุด ก็เลยเกิดปัญหาว่า จะทราบกันได้อย่างไร ว่าองค์ไหนมีกิเลศน้อยที่สุด เพราะกิเลศอยู่ในใจ ยากที่จะแสดงออกมาให้เห็นเพื่อคัดเลือกได้ ก็มีมัคทายกคนหนึ่งเสนอความคิดจัดการวัดกิเลศพระที่อยู่ในข่ายคัดเลือกประมาณเจ็ดแปดรูปล้วนแต่มีคุณวุฒิเปรียญ และวัยวุฒิ ทั้งแต่ละองค์ยังมีมวลชนคนละหลายหมู่บ้านสนุนสนุน วัดคัดเลือกผู้คนมาล้นศาลาการเปรียญมีกลองยาวฉื่งฉาบมาเชียร์เป็นกลุ่ม ๆ เขาจัดแจงเอาพระสังฆาธิการที่เข้าคัดเลือกทั้งแปดรูปมายืนเข้าแถวเปลื้องจีวรสบงออกแล้วเอากลองเล็ก ๆ ที่เจ๊กย้อมผ้าชอบใช้ มาแขวนปิดไว้ที่ด้านหน้าทุกองค์ แล้วให้ สาวสวยลูกชาวบ้านอาษาสมัครออกมาร่ายรำยั่วยวน ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นยังอยู่ในขันติทุกองค์ กรรมการจึงบอกให้ผู้ร่ายรำถอดเสื้อออกแล้วร่ายรำต่อ ปรากฏว่า มีเสียงกลองดัง ตุ๊ง ๆ ขึ้นบ้างจากพระบางองค์แสดงว่ามีกิเลศจึงถูกคัดออกไปเหลือสักห้าองค์ กรรมการจึงให้ผู้ร่ายรำเปลื้องผ้าออกจนหมดแล้วร่ายรำยั่วต่อไปอีกเท่านั้นแหละเสียงกลองดังระงมตุ๊ง ๆ ๆ ๆบางองค์ยังกับปืนกล มีเพียงองค์เดียวที่ดังตุ๊ง เดียว เงียบเลย กรรมการจึงตัดสินว่า มีกิเลศน้อยที่สุด ให้เป็นเจ้าอาวาสไปเลย แต่พอเอากลองมาดูปรากฏว่ากลองไปนั้นแตกหนังกลองทะลุจึงมีเสียงได้เพียงตุ๊งเดียว แต่ก็ได้ตัดสินไปแล้ว อิอิ นิทานวงเหล้าอย่าคิดมาก อิอิ อ่านสนุก ๆ อิอิ