เมืองอมรนอนคว่ำหงายใต้ฟ้าหม่น นครคนล้นเมืองเรื่องหลากหลาย แดดก็บ่นฝนก็ท่วมอ่วมอรทัย เช้าค่ำสายบ่ายเย็นย่ำยินร่ำลือ เช้ากี่หนคนตื่นหมดรถตื่นติด ถามชีวิตคิดแข่งไปที่ไหนหรือ ค่อยๆ ก้าวสาวช้าไว้มิได้ฤา จะยึดถือมือแบกบ่าภาระใด คนก็กดรถก็เบ่งตะเบ็งแข่ง กระชากแรงแกร่งกว่าเขาเข้าวินไหน ช้าหลบซ้ายเร็วป่ายขวาปาดหน้าไป เสียงร้องไล่ตะเข้น้อยลอยเต็มเมือง สองประตูสิบหน้าต่างยังว่างอยู่ ลองยืนดูสู้เบียดนิดหน้าซีดเหลือง ใครบ่นแจมพี่แถมป้ายอย่าได้เคือง เขื่องเจอเขื่องเรื่องไม่จบนับศพรอ
19 สิงหาคม 2550 01:10 น. - comment id 740204
เอ สองประตู สิบหน้าต่าง นี่คืออะไรหรือนายรักษื กลอนแต่งได้เห็นภาพมากๆ นึกถึงตอนเดินที่อนุสาวรีย์ชัยทันที โดยเฉพาะตอนประมาณ ทุ่มสองทุ่มน่ะ
19 สิงหาคม 2550 08:03 น. - comment id 740245
สวัสดีค่ะ นั่นซิ ชีวิตเร่งรีบมาก เกิดความเครียด กดดันสูง คนระบายอารมณ์ใส่กันมอง แต่มุมกรุงเทพ เมืองฟ้า กลอนให้ภาพพจน์ดีค่ะ
19 สิงหาคม 2550 08:31 น. - comment id 740254
คือว่า.. ความจริงรถเมล์ก็มีหลายประตูหลายสิบหน้าต่างน่ะครับ มันหาที่ลงยาก ข้อมูลก็เลยเพี้ยนไปหน่อย ไม่ว่ากันนะครับ
19 สิงหาคม 2550 08:44 น. - comment id 740264
ให้นึกถึงเพลงอย่าไปเล้ย.......บางกอก จะบอกให้ พี่เคยไปมาแล้วน้องแก้วเอ๋ย สังคมเมือง ทุนนิยม เสรีนิยม เครียดมากๆ กลับบ้านเรารักรออยู่
19 สิงหาคม 2550 13:42 น. - comment id 740483
แวะมาชื่นชมผลงานค่ะ..