ปรัศนีย์จากนักศึกษา ท่านครับ.... โปรดสดับคำถามความกังขา ผมเฉลยเอ่ยถามตามสงกา ปริญญานั้นเขาขายได้หรือไร? ก็ท่านนักการเมืองผู้เปรื่องโปร่ง ทางเขาโล่งสะดวกหลามไร้หนามไหน่ ธนบัตรปัดปลิวพลิ้วพลิ้วใบ เขาก็ได้ปริญญาเข้ามาครอง จะเรียนตรีต่อโทตราบถึงเอก มีเงินเสกทุ่มใส่ก็ได้คล่อง เตรียมหรูเลิศเฉิดล้ำเที่ยวลำพอง คนยกย่องเยินยออวยออเออ ท่านครับ ศักดิ์ศรีมีหรือไม่? โปรดช่วยไขคำขานสื่อสารเสนอ คุณธรรมกับความจริงที่พบเจอ ชั่งเพ้อเจ้อคนละข้อไม่ต่อความ คนที่นำปริญญามาซื้อขาย เขาอับอายบ้างไหมขอไถ่ถาม? หรือเขาเคยลักษณะตะกระตะกราม ไม่เกรงขามครหาวาจาใคร? หากผมนำหนังสือเข้าห้องสอบ โปรดช่วยตอบผมสักนิด ผมผิดไหม? ถ้าผมผิด ผิดเพราะกฎกำหนดใด? หรือญาติผมมิยิ่งใหญ่ให้คนยก? การศึกษาแยกคนแยกชนชั้น พวกหนึ่งอยู่สู่สวรรค์ชั้นที่หก พวกหนึ่งอยู่อเวจีผีนรก มันแปรผกเปลี่ยนผันแผกกันลิบ อยู่สวรรค์สรรสาวสอยดาวสูง ก็สอยจูงลงมาถือในมือหยิบ อยู่นรกอกหนาวมองดาวระยิบ มันพริบพริบพร่างพร่างอยู่ห่างมือ คนที่ขายความรู้เป็นสินค้า ไยผู้คนถ้วนหน้ายังนับถือ? คนที่ได้ปริญญาโดยหาซื้อ ควรขึ้นชื่อว่า ไอ้. อะไรดี? (เขียนเมื่อปี พ.ศ. 2545) ข้อชี้แจง . ผมเขียนงานดังกล่าวขึ้น ขณะยังเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัย รามคำแหง ครับ กลอนบทนี้ มิได้มีเจตนาดูถูกคุณค่าของ ปริญญา เลยแม้แต่น้อย จุดบันดาลใจสำคัญของการเขียนก็คือ ในระยะนั้น มีข่าวประโคมเกรียวกราวว่า ข้อสอบวิชารัฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงรั่วไหลออกไป และผู้ทุจริตในการสอบครั้งนั้น ก็คือลูกชายนักการเมืองผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ผมฟังแล้วหดหู่เหลือเกินครับ ประกอบกันกับ เสียงลือเสียงเล่าอ้าง เรื่องนักการเมืองใช้เงินซื้อปริญญา ก็มีให้ได้ยินหนาหู ผมจึงขออนุญาต (ในฐานะนักศึกษาคนหนึ่ง) ตั้งคำถามถึงความเป็นไปทั้งปวง เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ก็เท่านั้นเองครับ
14 พฤษภาคม 2550 16:03 น. - comment id 623620
สวัสดีครับทุกท่าน ผมปรับแก้กลอนเสียใหม่แล้วครับ กะจะลงเรื่องเดียวแท้ๆ แต่ตอนก็อปงานเก่ามา ผิดพลาดทางกรรมวิธีนิดหน่อย จึงมีงานพ่วงมาเป็นแพหลายชิ้นเลยครับ ต้องกราบขออภัยทุกท่านด้วยครับผม
14 พฤษภาคม 2550 11:40 น. - comment id 695347
พระปฐมสมโพธิกถา เรื่องนี้ผมมีอยู่ในมือ แต่ไม่มีเวลาจะอ่านได้ซะที เอามาจากบ้านเมื่อสงกรานต์ครับ บทที่เห็นส่วนใหญ่ได้อ่านแล้ว และได้รับรู้ถึงพัฒนาการของพี่ชูเป็นอย่างดี ถ้านึกถึงปี 45 น้องยังแต่งกลอนไม่เป็นเลย กลอนเปล่ายังคิดเป็นวัน ประสบการณ์ยังอ่อนนัก ตอนนี้ได้ข่าวคุณ วรภ วรภา ส่งหนังสือมาให้ เห็นท่านเขียนไว้ในบล็อกท่านสดายุแล้ว ดีใจบอกไม่ถูก รู้สึกว่ามีอาจารย์หลายๆท่านคอยอุปถัมภ์ อนาคตยังไงต้องสดใสแน่นอน เอ้อ ใช่ว่าจะไม่อ่อนหวาน ที่นี่ไม่มีเลยครับ แต่ผมเห็นในวิเคราะห์วรรณกรรม ฯ ของอ.คมทวน น่ะ ในความคิดตัวเอง คิดว่าบทที่แสบที่สุด คือ บ่นบ้าประสาใบ้ อ่านแล้วขนลุก ขำไม่ออก เป็นโคลงสี่สุภาพ ความยาว 13 หน้ากระดาษ เยอะมาก ไว้วันหลังจะพิมพ์มาให้อ่านนะครับ ช่วงนี้ละเมอถึงธรรมชาติบ่อยๆ ไปหาประสบการณ์เพิ่มดีกว่า
14 พฤษภาคม 2550 14:20 น. - comment id 695458
อ่านจบแต่เรื่องแรกเรื่องอื่นยังไม่ได้อ่านเลย ไงเดี๋ยวค่อยแวะมาอีกทีนะค่ะ แต่ขอบอก ผลงานคุณโดนใจมากเลย เพราะคนที่คุณแต่งถึงเรารู้เลยว่าเป็นใคร แล้วตอนนั้น ความรู้สึกก็เหมือนกลอนบทนี้ที่คุณเขียนด้วยซิค่ะ (ชื่นชมในผลงานนะค่ะ)
15 พฤษภาคม 2550 11:23 น. - comment id 695894
พี่ชูครับ ผมเห็นหัวข้อการประกวดโคลง ชื่อว่า "ตากรุ้งเรืองโพยม" แล้วสะกิดใจ คือตีความหมายของหัวข้อไม่ออกครับ รบกวนพี่ตราชู ช่วยอธิบายความหมายในความเข้าใจของพี่ให้หน่อยได้มั้ยครับ ยังบอกอีกด้วยว่า (หัวข้อการประกวดเป็นการกำหนดกรอบกว้าง ๆ เพื่อสะดวกในการตัดสินในแต่ละเดือนทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งชื่อผลงานที่ส่งเข้าประกวด เป็นชื่อเดียวกับหัวข้อการประกวด) รบกวนช่วยตอบหน่อยนะครับ เดี๋ยวเอกจะกลับมาดูอีกรอบ ที่กระทู้นี้นี่แหละ
16 พฤษภาคม 2550 10:33 น. - comment id 696514
เมื่อให้พี่ตอบในกระทู้นี้ก็ขอตอบตรงความคิดเห็นนี่แหละนะครับ ตากรุ้งเรืองโพยม เป็นวรรคหนึ่งในโคลง จากลิลิตเตลงพ่าย พระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสครับ นาคีภุชแผ่เกล้า เกลือกเศียร คลี่อาตมะออกเวียน หัตถ์ไท้ นพรัตน์เรียบรายเฉวียน ฉวัดวิ่ง แสงนา เถือกเถกิงกลไต้ ตากรุ้งเรืองโพยม ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ท่านเคยอธิบายไว้ว่า คำว่าตาก คือแผ่ออก ฉะนั้น ตากรุ้งเรืองโพยม ก็คือ แสงรุ้งแผ่กระจายออกสว่างเจิดจ้าไปทั้งฟ้า พี่คงตอบได้เท่านี้ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยด้วยครับ