เพลงเดือนห้า

ตราชู

เพลงเดือนห้า
	นี่ก็สิ้นเดือนสี่แล้วซีหวา
มาร่ำเพลงเดือนห้าระดมโห่
ลมร้อนล่องหล้าเหมือนพาโล
แกล้งเราเซาโซจนซูบเซียว
	อัปรีย์ปรี่ป้ายกระจายเปรอะ
เมืองเขรอะมากคาวด้วยเมือกเขียว
ชอกช้ำชัดชี้เช่นนี้เชียว
ราษฎรโดดเดี่ยวในดวงแด
	รีรีข้าวสาร.......
สองทะนานข้าวเปลือกไม่เคยแปล้
ยุ้งฉางร้างไร้มีใครแล?
เช้าค่ำย่ำแย่ถูกย่ำยี
	อุทกภัยปีกลายเลวร้ายก่อ
ใครหนอใช้ชดช่วยปลดหนี้?
ใครไร้กรุณาไม่ปรานี?
ใครหนีเมินหน้าไม่มาอินัง
	แม่งูเอ๋ย...กินน้ำบ่อไหน
กินน้ำบ่อไทยที่ท้นถั่ง
กินน้ำเลือดน้ำแรงที่แห้งกรัง
มันคับคั่งแค้นขุกจนจุกคอ
	กี่ปีกี่ปีก็เปิดปาก
สำรากน้ำลายเรี่ยรายล่อ
วันแล้ว วันเล่า เฝ้ารอ
เห็นแต่พวกหัวหมอมันเสกมนต์
	โยกเอยโยกเยก......
น้ำตาท่วมเมฆทะมึนหม่น
โยกขวัญหวั่นผวาวิญญาณ์คน
โยกเยกจนย่นจนเยินยับ
	ภาคเหนือพูนพอกพิษหมอกไข้
สามจังหวัดภาคใต้ตายเป็นตับ
อีสานแล้งแห้งหลายน้ำหายลับ
ภาคกลางก็กลับมาเกรียมกรม
	จับปูดำขยำปูนา......
คนไร้ค่าแค่นขืนความขื่นขม
ถูกกร้อน ถูกกรีดด้วยมีดคม
รีดเลือดปูจนล้มไม่มีแรง
	ความสุขแสนไกลเกินไขว่คว้า
หลายหนเหลียวหาก็แลแห้ง
น้ำใจจืดจางร้างแล้ง
มีแต่แกล้งขี่กดกันหมดกรุง
	หันหวนซวนเซเมื่อเมษา
น้ำท่าถอยพร่องจากท้องทุ่ง
บ้านใหญ่ เมืองใหญ่ มีใครพยุง
ขาดคนปรนปรุงให้เปรมปรีดิ์
	ร้องเพลงเดือนห้าดวงหน้าละห้อย
หวังเลือนเลื่อนลอยอยู่ริบหรี่
ยิ่งร้อง ยิ่งล้า ทุกนาที
เอ๊ะ! จะมีใครมั่งมาฟังเพลง
(เขียนจบลงในวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐)				
comments powered by Disqus
  • นายธนา

    4 เมษายน 2550 08:13 น. - comment id 679920

    เพลงเดือนห้า
    ไพเราะดีครับ
    
    46.gif46.gif46.gif
  • 4 เมษายน 2550 15:20 น. - comment id 680052

    แวะมาชมคนคอเดียวกันค่ะ36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gifเพลงเพราะนะคะ
  • ลำน้ำน่าน

    7 เมษายน 2550 01:27 น. - comment id 681050

    เวลาฤดูร้อนผ่านมาเยือนปีใด
    หัวใจก็บรรเจิดทุกคราวครับ ยิ่งได้ฟังเพลงเดือนห้านี้แล้ว ก็ยิ่งบรรเจิดเป็นทบทวี
    
    ขอแจมด้วยเพลงลำนำราชพฤกษาลาลานนะครับ
    
    เพลงลำนำราชพฤกษลาลาน
    
    ปรารถนาบุปผารัตนโกสินทร์
    ยามหอมรินมนต์กวีศรีอีสาน
    เหลืองละมุนอุ่นรวีดอกคลี่บาน
    แต่งแต้มลานลาแล้งระแหงดิน
    
    เกสรร่วงกาลล่วงห้วงสำนึก
    ราชพฤกษ์ดอกไม้สร้อยทองศิลป์
    เคยคล้องคอหน่อข้าวเหนียวเสี่ยวชาวดิน
    บอกพื้นเพ...วศินถิ่นบ้านนา
    
    ลมเดือนห้าแล้งลาที่ราบสูง
    ดอกยางยูงร่วงลิ่วทิวไผ่หนา
    เมื่อวันพรุ่งจะโบกไหวใบหล่นลา
    แหล่ะกลีบคูนตะแบกป่าจะล้าโรย
    
    ฤาเสียงแคนแผ่นดินสิ้นมนต์ขลัง
    เมื่อนกป่านิราศรังทั้งหิวโหย
    จากเสี่ยวกินเสี่ยวตายอ้ายโอดโอย
    เมื่อลมร้อนอีสานโบยโชยอัตคัด
    
    ลานสวรรค์ลานนาดูว้าเหว่
    เรือนซังเซทุกข์ร้อนหนี้ผ่อนผัด
    ดอกคูนหนุ่มไปรุ่งเรืองเมืองวิวัฒน์
    ควายกำดัดมัดขวิดลมอยู่ซมเซา
    
    บักเสี่ยวเอ๋ยเอ็งก็รู้ว่าปู่ย่า
    แก่ชราป่วยไข้ใจหงอยเหงา
    อีกหยูกยารักษาไปไม่บรรเทา
    โรครุมเร้าเศร้าซึมคิดถึงเอ็ง
    
    ทั้งโหวดหวิวพิณเดี่ยวเสี่ยวเคยเล่น
    ต้องลำเค็ญอ้างว้างร้างเสียงเปล่ง
    เคียวเหน็บเสาสนิทหนาวร้าวเส็งเคร็ง
    ยิ่งเร้าเร็งความหมายที่ตายแล้ว
    
    แล้งปีนี้หนักหนาฟ้าขมุกขมัว
    ด้วยฝุ่นดินเปื้อนทั่วทุกทิวแถว
    ลอยไปเปื้อนขอบฟ้าท้องนาแนว
    วัวควายเอ็งไม่แคล้วต้องล้มตาย
    
    ปิดตำนานลูกข้าวเหนียวบักเสี่ยวเอ๋ย
    วันเวลาล่วงเลยไร้ความหมาย
    เอ็งอยากมีเงินทองกองมากมาย
    จุดสุดท้ายสูญเสียจิตวิญญาณ
    
    คูนบ้านนาบานสะพรั่งพร่ำมนตรา
    เถิดคืนมากล่อมบรรเลงเพลงอีสาน
    รับมาลัยคล้องร้อยสร้อยดอกจาน
    แหล่ขับเพลงพื้นบ้านของแผ่นดิน
    
    เหลืองรวีฝนสีทองผองบักเสี่ยว
    เจือดอกเสี้ยวบุปผารัตนโกสินทร์
    คือมนต์ขลังทุ่งนาแห่งวารินฯ
    สาดสายศิลป์ทิพย์เกสรสู่ม่อนเมือง
    
    ลำนำเศร้าราชพฤกษ์ยามดึกนี้
    ธารน้ำตายังไหลปรี่ตราบฟ้าเหลือง
    บักเสี่ยวเอ๋ยหากอยู่ไหนไม่รุ่งเรือง
    หยุดฝันเฟื่องกลับมา ณ บ้านเรา
    
    ฝันสีทองคูนเหลืองแม้เรืองหล้า
    แม้แต่ฟ้าขลิบทองก็หมองเหงา
    สิ้นบักเสี่ยวเปลี่ยวใจไม่เห็นเงา
    ปลาร้าเน่าปลาแดกหอมก็ตรอมแล้ว!
    
    ----------------------------------
    เมื่อลมแล้งมาเยือน...ดอกไม้แห่งอีสานบ้านนาก็บานไสว
    ดอกไม้หน้าแล้งมีความหมายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
    ทำให้ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงดอกคูน หรือ *ราชพฤกษ์*
    ดอกไม้ประจำชาติสยาม สีเหลืองทอง ผลิดอกคลุมต้นในฤดูคิมหันต์
    ราวสายฝนสีทองในหน้าแล้ง ดูอัศจรรย์ที่ฝนสีทองไม่ทำให้น้ำเจิ่งนอง
    
    เขียนบทกวีแทนใจมิ่งมิตรอีสาน ในนามบักเสี่ยวแห่งทุ่งนาและลอมฟาง
    บอกเล่าเรื่องราวแห่งความประทับใจและความเศร้าในยามนี้
    ลำนำราชพฤกษ์ลาลานจึงมุ่งให้มิ่งมิตรชาวอีสานผู้ทิ้งถิ่น
    ได้กลับไปเยือนผืนแผ่นดินมาตุภูมิในยามสงกรานต์เทศกาล
    กลับไปรับฟังปัญหาและความทุกข์ยากของผองมิตรบนที่ราบสูง
    ที่บางคราวอาจจะถูกทิ้งและหลงลืมไปกับกาลเวลา
    กลับไปซับน้ำตาบรรพบุรุษ และสืบทอดประเพณีอันดีงาม
    เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความหมายแห่งวัฒนธรรมแผ่นดิน
    ไม่เป็นคนหลงลืมรากเหง้าปู่ย่าตายาย อยู่สุดหรูอยู่ในเมืองวิวัฒน์
    บทกวียังมุ่งให้เห็นคุณค่าของบักเสี่ยวและญาติสนิทมิตรสหาย
    
    ตราบใดที่ดอกคูนสีทองยังบานแต่งท้องทุ่งอยู่ทุกคิมหันตฤดู
    ตราบนั้นจงเชื่อมั่นว่ายังไม่อับจนหนทาง....
    
    แด่ *บักเสี่ยว บักสิเด๋อ* แห่งสำโรงบ้านนา อุบลราชธานี
    หากมีโอกาสจักกลับไปชื่นชมดอกคูนโปงลางและเสียงแคนอีกครั้ง 
    *หมายมั่นสัญญา*

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน