31 มีนาคม 2546 09:14 น.
***กฤษณะ***
***มนุษย์เรา แต่โบราณ ทุกวารวัน
จะวาดฝัน ถึงความมืด อย่างหวั่นไหว
เปรียบความเศร้า ความทุกข์ และเภทภัย
อุปสรรค์ ใดใด คือมืดมนต์.....ฯ
...จงเข้าใจ ความมืด คือธรรมชาติ
ไยต้องขลาด คิดตรอง ด้วยเหตุผล
ทุกอย่างขึ้น อยู่ที่ กำหนดตน
เกิดเป็นคน อุปสรรค์ หักด้วยใจ
...ประกายแสง ระยิบพราย ในเวหา
จะงามตา ต้องยิ่งมืด ยิ่งสุกใส
แม้เป็นแสง หิ่งห้อย ที่อยู่ไกล
ขอส่งไป ส่องสว่าง กลางกมล.....ฯ
..............แสงของหิ่งห้อย ในเวลากลางวัน จะมีความหมายใด....?
แต่ในความมืด ที่ยิ่งมืด....แสงหิ่งห้อย ยิ่งงดงาม.....จงแสวงหา..
ความงดงามในความมืด ของตัวท่านเองให้เจอนะครับ......รัก.
24 มีนาคม 2546 18:44 น.
***กฤษณะ***
^J^ ...............
***บ้างยากจน บ้างร่ำรวย บ้างสวยใส
บ้างช้ำใจ บ้างเจ็บปวด บ้างสุขสันต์
บ้างหิวโซ บ้างอิ่มหมี บ้างพีมัน
บ้างจาบัลย์ บ้างสุดเหงา บ้างสิ้นแรง
...ไม่ว่าท่าน เป็นเช่นไร ในใต้หล้า
จงเงยหน้า มองหาดาว ที่พราวแสง
เพื่อจะพบ ดาวแห่งหวัง อันร้อนแรง
ที่แอบแฝง ในมวล หมู่เมฆา
...หากไม่ท้อ อธิษฐาน ด้วยตั้งมั่น
มีสักวัน ต้องพบดาว ที่ฝันหา
ถึงวันนั้น จะลอยเด่น กลางนภา
เพื่อจะมา ดลให้ท่าน ฝันเป็นจริง
14 มีนาคม 2546 09:01 น.
***กฤษณะ***
ธาตุที่ 1 ดิน...
***ดินรองรับ สรรพสิ่ง ในใต้หล้า
ไม่เลือกว่า ดีเลว สักปานไหน
ดินอยู่นิ่ง ไม่ให้ร้าย ทำลายใคร
อุทิศตน เพื่อให้ ผู้อื่นคง
...รักแบบดิน คือการให้ จุดกำเนิด
รักบรรเจิด หรือมลาย กลายเป็นผง
อยู่ที่เจ้า ปลูกกอรัก ด้วยบรรจง
รักก็คง หยั่งรากไว้ ในผืนดิน....ฯ
ธาตุที่ 2 น้ำ...
***หล่นจากฟ้า เพื่อพร่างพรม พื้นดินชุ่ม
พันธุ์ชอุ่ม ซอกซอนไป ในทุกหน
นบนอบ มอบไมตรี ต่อทุกคน
แล้วหมุนวน เป็นเมฆา ดั่งท้าทาย.....ฯ
...รักแบบน้ำ ซ่านทรวงไป ในทุกที่
มอบไมตรี ดับรุ่มร้อน ผ่อนกระหาย
หมดหน้าที่ กลั่นตัวเอง ให้มลาย
แล้วกลับกลาย เป็นฝน หล่นอีกครา....ฯ
ธาตุที่ 3 ลม...
***ลมละมุน โลมไล้ ไปทุกหน
หากว่าคน ขาดอากาศ ชีพตักษัย
ยามเกรี้ยวกราด ลมเพชรหึง พาถึงตาย
บัดเดี๋ยวดี บัดเดี๋ยวร้าย ไปตามรมณ์
...รักแบบลม ยามโลมไล้ ให้ชื่นจิต
ยิ่งแนบชิด ชื่นอุรา พาสุขสม
หากห่างหาย หลายเวลา พาอกตรม
เปลี่ยนเป็นลม พายุร้าย ทำลายกัน....ฯ
ธาตุที่ 4 ไฟ...
***เปลวแห่งไฟ ให้ความอุ่น ในยามหนาว
ส่องสกาว ในความมืด ให้ความหวัง
ยามโชติช่วง เร่าร้อน เปี่ยมพลัง
สุดเหนี่ยวรั้ง พระเพลิงโหม โถมดวงใจ
...ไฟแห่งรัก ระอุอุ่น ในดวงจิต
ยามใกล้ชิด เร่าร้อน ผ่อนไม่ไหว
ไฟสวาท โหมกระหน่ำ หว่างฤทัย
ต้องปล่อยไป ตามพลัง แห่งพระเพลิง...ฯ
(รวมธาตุทั้ง 4)
***ธรรมชาติ สร้างสรรค์ ธาตุทั้งสี่
ซึ่งต่างมี คุณสมบัติ อันหลากหลาย
ขาดธาตุหนึ่ง ธาตุใด เราวางวาย
รักก็คล้าย ธาตุทั้งสี่ นี้เช่นกัน....
...รักแบบดิน คือการให้ ด้วยใจซื่อ
แบบน้ำหรือ คือชุ่มฉ่ำ ไม่แปรผัน
รักแบบลม ฝากอุ่นไอ ให้ทุกวัน
ใกล้ชิดกัน ถ่ายทอดปราณ อันร้อนแรง
...ต้องสมดุลย์ ธาตุทั้งสี่ ที่มีอยู่
ลองคิดดู โต้แย้งได้ ไม่หน่ายแหนง
ครบสี่ธาตุ เกิดสมดุลย์ รักมาแรง
คิดจะแซง ได้อย่างใจ ไปโลดเลย...ฯ
12 มีนาคม 2546 08:47 น.
***กฤษณะ***
ธาตุที่ 4 ไฟ...
***เปลวแห่งไฟ ให้ความอุ่น ในยามหนาว
ส่องสกาว ในความมืด ให้ความหวัง
ยามโชติช่วง เร่าร้อน เปี่ยมพลัง
สุดเหนี่ยวรั้ง พระเพลิงโหม โถมดวงใจ
...ไฟแห่งรัก ระอุอุ่น ในดวงจิต
ยามใกล้ชิด เร่าร้อน ผ่อนไม่ไหว
ไฟสวาท โหมกระหน่ำ หว่างฤทัย
ต้องปล่อยไป ตามพลัง แห่งพระเพลิง...ฯ
11 มีนาคม 2546 16:00 น.
***กฤษณะ***
***ลมละมุน โลมไล้ ไปทุกหน
หากว่าคน ขาดอากาศ ชีพตักษัย
ยามเกรี้ยวกราด ลมเพชรหึง พาถึงตาย
บัดเดี๋ยวดี บัดเดี๋ยวร้าย ไปตามรมณ์
...รักแบบลม ยามโลมไล้ ให้ชื่นจิต
ยิ่งแนบชิด ชื่นอุรา พาสุขสม
หากห่างหาย หลายเวลา พาอกตรม
เปลี่ยนเป็นลม พายุร้าย ทำลายกัน....ฯ