2 กุมภาพันธ์ 2553 04:01 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๑
เมื่อโลกร้างว่างเปล่ามวลชีวิต
ไร้อิทธิฤทธิ์เสกสร้างปาฏิหาริย์
เพียงศพซากกากเน่าปนดินดาน
แลปราการซากเมืองป่นธุลี
มรสุมคาวเลือดยังเน่ากลิ่น
ธรณินข้นเหลวระเริงสี
นัยหมายท้ายโลกโลกีย์
ก็ย่อมมีอนิยตธรรมดา
๒
วาดซากศพฟื้นตื่นคืนชีวิต
นิรมิตเมืองสร้างปรารถนา
บรรจงเส้นทีละสายปลายปากกา
ชุบดินฟ้าดาราดวงตะวัน
ให้น้ำฝนหล่นหลั่งล้างเลือดพิษ
ชโลมจิตโสฬสแลสวรรค์
นรชาติดาษดื่นรู้ตื่นธรรม์
ตฤณชาติไพรวันรมณีย์
อสุราปรากฏเป็นพรตป่า
โภชนาเปรตร้ายได้สุขี
ติรัจฉานขานธรรมรสพจนีย์
อเวจีสมาธิปณิธาน
มีมนุษย์พุทธวัตรจรัสเลิศ
บังอบายบรรเจิดสุรีย์ฉาน
อริยโกสุมปทุมยาน
กิเลสมารกลิ้งหลุนชลธี
เทวารัณย์งามผ่องรองรัตน์
พิมานมาศประภัสร์รัศมี
เทวธรรมล้ำยิ่งพรหมจารี
อันสุขารมณีย์เป็นนิรันดร์
พรหมบถรสธรรมเลิศล้ำค่า
มวลนรกชาวฟ้ามาเสพสันต์
ทวีสุขพรหมจักรอัศจรรย์
สัมปรายพรหมพันธุ์สุนทรีย์
อรหัตวิโมกขธรรมสุข
อริยยุคธรรมกายไร้สุขี
คือความว่างสุญตาความไม่มี
พ้นโลกีย์สู่โลกุตรธรรม
๓
คว้าปากกากลิ้งหล่นบนพื้นแข็ง
ลืมผ่อนแรงเก้าอี้เอียงถลำ
มือรีบคว้าน้ำหมึกเปรอะเปื้อนดำ
รูปเจ้ากรรมเปื้อนด่างเป็นทางลวง
ภาพเลือนรางใต้หมึกสีดำหก
เพ่งสะทกอกสะท้านนั่นสุดหวง
ภาพสวรรค์นรกอื่นทั้งปวง
น้ำตาร่วงทรวงฝืนทรมาน์
ปาดน้ำหมึกเท่ามีขยี้ภาพ
ยิ่งดำอาบฉาบสีปริศนา
ได้น้ำหมึกคืนกลับจินตนา
ทว่าภาพไร้ค่าราคามี
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓