25 มกราคม 2553 18:40 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ตะวันพลบจบแสงสุรีย์สาด
ดวงจันทร์พาดดาดสีรุจีสรวง
คลื่นชลไหววับวาวสกาวดวง
ลมหนาวลวงเพ้อถึงเจ้ามิรู้วาย
ดังตะวันมิอาจเคียงจันทร์คู่
เฝ้าแลดูรู้มีแล้วหนีหาย
ดังสินธุ์ชลหมุนเชี่ยวเป็นเกลียวไป
มีไฉนวกกลับมาคงเดิม
คือรักยิ่งหญิงเดียวปรารถนา
แต่เวราอาถรรพ์มันหาญเหิม
จึงเจ็บยิ่งสิ่งเธอคอยซ้ำเติม
แต่รักเริ่มยังแย้มเต็มในทรวง
ว่าความรักยากนักจะบังเกิด
ทั้งเศร้าครองรองเพริศบันเจิดสรวง
ว่าความรักง่ายนักคนใจลวง
รักทิ้งขว้างเหมือนทิ้งผ้าอาบอาจม
แว่วเสียงหวานหว่านคมภิรมย์รื่น
พอหยิบยื่นไมตรีสุขีสม
ชั่วเกลียวชลวนปลุกสุขระดม
จึงสาดโถมทุกข์เท่าพันทวี
คืนเหน็บหนาวไร้เจ้ามาเคียงครอง
ให้กลัดหนองโศกแสนแดนภูตผี
คืนที่ผ่านใช่คืนจะฟื้นมี
แต่ราตรีไร้เจ้าไยเท่าเดิม
กฤตศิลป์ ชินบุตร
25 มกราคม 2553
บรรณาศรม
22 มกราคม 2553 10:16 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ดินเจ้าสูงสุดสอยคนต้อยต่ำ
เพียงทนช้ำคำเธอละเมอหลง
จะเอื้อมดินกินดาวอัสดง
อีกกัลป์คงป่ายถึงเพื่อซึ้งพาน
ด้วยยังเข็ญเวรกรรมผูกจำจอง
เสียงกรีดร้องเวทนามหาศาล
กี่ตายฟื้นวัฏจักรทรมาน
อินทรีย์ญาณยังกล้าจะเพียงดิน
ร้อนและรุ่มรุมเร้าดังเผาจิต
ซากชีวิตเศษผีให้ติฉิน
ยิ่งรุกไล่ยิ่งไกลธรณิน
หากหมายบินคงสิ้นทั้งวิญญาณ์
ขอทนทุกข์ในนรกอเวจี
เพื่อหลีกหนีทุกข์ร้ายสิเน่หา
ขอจำจดรสร้ายกัลปา
เพื่อชินชาหากว่าจะเอื้อมดาว
จะกินดินปีนป่ายขึ้นไปฟ้า
เพื่อรินหลั่งน้ำตามาจากหาว
อรุณเก็จเพชรมณีที่วับวาว
ถึงฝนร้าวข่าวเศร้าให้เจ้ามอง
จะเอื้อมดินกินดาวที่พราวฟ้า
เพื่อรุกไล่เทวาอย่างจองหอง
จึงค้นหากามเทพมาคุมครอง
แล้วโก่งศรปักน้องให้ต้องใจ
แต่เอื้อมดินดินสูงมิอาจคว้า
จะเอื้อมฟ้ากินดาวได้ไฉน
ขอทนทุกข์เมืองนรกอีกต่อไป
อย่าหมายได้ในฝันอันไม่มี...
กฤตศิลป์ ชินบุตร
22 มกราคม 53
บรรณาศรม
5 มกราคม 2553 02:47 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
สวะชนจะทนสู้
เอาร่างปูสะพานฝัน
น้อยหนึ่งให้ชีวัน
ทาเลือดฉานสร้างแผ่นดิน
แห้งโหยโดยกาฝาก
เหลือเศษซากกลางผาหิน
แร้งสาปยังเริงบิน
หมายกำซาบรสโอชา
ลมลาญผลาญไม้ใบ
เงาพฤกษ์ไหวปลิดว่อนฟ้า
ซากไม้เวทนา
ยังหนอนด้วงมิปล่อยวาง
ลาญป่ามาลาญเมือง
ฉากโครงเรื่องยังเวิ้งว้าง
ศพซากทบท่าวทาง
จนท่วมท้นเป็นเนินภู
ปีนป่ายจากกองกูณฑ์
ไม่ดับสูญเพียงหยัดสู้
ต่อร่างเทียมศัตรู
ให้รู้หวาดรู้หวั่นเกรง
คงคนด้วยรู้ค่า
ใช่เทวาจะข่มเหง
ย่ำย่างทางเราเอง
และเพื่อนพ้องผู้ติดตาม
สวะชนจะมองฟ้า
ต่างเทวาใดกล่าวถาม
ตีนมือหรือผ้างาม
ที่สวมผ่องเป็นยองใย
สวะชนจงลุกสู้
ต่อศัตรูอย่าหวั่นไหว
เลือดฉานนองดินไทย
ล้างสังคมอันโสมม
กฤตศิลป์ ชินบุตร
บรรณาศรม
5 มกราคม 53