21 มีนาคม 2552 23:21 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
จักจั่นร้องดัง ณ ร่มไม้
ที่มิใช่มากหลายเป็นหมื่นแสน
หรือสังคีตดีดสีในเมืองแมน
แต่คือแก่นธรรมชาติปรัชญา
คือหนึ่งเสียงประสานกังวานก้อง
คือเสียงพร้องสดับรับพฤกษา
คือดำเนินมั่นใจในมรรคา
คือสูงค่าสามัญแด่มวลชน
ดูหนึ่งหินน้อยนิดกับวงน้ำ
เทียบเคียงยามพระพิรุณสั่งเม็ดฝน
แต่หนึ่งหินมหึมาเกินท้าทน
ย่อมเกิดผลดลคลื่นไม่เว้นวาย
นี้คือคนด้นเดินบนทางฝัน
โน่นนี่นั่นสาระพันสูญสลาย
ด้วยไม่รู้หนึ่งมณีมีข้างกาย
จึงสุดท้ายได้ซึ่งความไม่มี
จงตั่งมั่นในฝันเป็นเริ่มต้น
จักเห็นผลอนธการผสานสี
ดังรุ่งรางสางแสงอุษารวี
ย่อมวันมีซึ่งฝันวันแห่งชัย
จักจั่นร้องดัง ณ จินต์เจ้า
ผสานเข้าหนึ่งฝันมิสงสัย
แล้วมรรคาเบื้องหน้าอันแสนไกล
จะไสวใกล้มือให้ยื้อชม
ปากกาดิน กฤตศิลป์ ชินบุตร
เสาร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๒
11 มีนาคม 2552 15:22 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
อัน.เรื่องราวมากมายในอดีต
อัน.ความผิดพลั้งพลาดแต่ปางหลัง
อัน.มิตรภาพคำเพื่อนจักคงยัง
อัน.รองรังหนทางยังอีกไกล
ว่า.เคยผิดสำนึกตรึกตรองถ้วน
ว่า.เคยกวนยวนยีเถลไถล
ว่า.เคยหวังมรรคามิควรไป
ว่า.เคยไร้ปัญญาทั้งด้านทน
เพื่อน.สำนึกความผิดกระทำสิ้น
เพื่อน.รู้จินต์มิควรแสวงผล
เพื่อน.รวดร้าวมิตรสะบั้นตรึงกมล
เพื่อน.ทั้งคนโปรดได้อภัยที
มิ.ร้องเรียกสิ่งใดเกินคำเพื่อน
มิ.บิดเบือนพจนาสารฤๅษี
มิ.ตลบตะแลงคำกาลี
มิ.ป้ายสีดีชั่วตัวรับเอง
เลือน.ร้างห่างตาปีมิอาจพบ
เลือน.ลางลบไม่ดีที่ข่มเหง
เลือน.แล้วแจ้งวันใหม่ให้ครื้นเครง
เลือน.กลัวเกรงเพื่อนพ้นนิรันดร
ลืม.เสียเถอะไม่ดีที่ผิดพลั้ง
ลืม.เสียเถอะความหลังอุทาหรณ์
ลืม.เสียเถอะในนามดัสกร
ลืม.ภาพก่อนคงเพื่อนนิรันดร์ไป
4 มีนาคม 2552 13:40 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ดวงดอกไม้ชายหญิงชูกิ่งก้าน
ลมสะท้านผ่านสะเทื้อนความเคลื่อนไหว
เป็นความงดความงามท่ามผองภัย
กลางผืนป่ายิ่งใหญ่เกินพรรณนา
ก่อนดอกไม้ผลิใบผ่านชั้นหิน
ย่อมมลทินดินอาบกำซาบหนา
ชั่วชีวิตดอกไม้สุดท้ายเวลา
จึงเต็มค่าพฤกษาพนาไพร
ดวงมาลายุคนี้คล้ายเริ่มต้น
ลมแดนฝนอนธการผ่านสมัย
เพื่อพานพบบรรจบแห่งแสงชัย
ณ หัวใจปุบผาแห่งมวลชน
อีกไม่นานดอกไม้จักชูก้าน
งามตระการลานถิ่นสิ้นลมฝน
ภมรภู่ชู้เจ้าเคล้าสุคนธ์
นฤมลบนลานประเทศไทย
4 มีนาคม 2552 13:39 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
เราไม่ใช่เด็กหวงลูกอมหวาน
เราไม่ใช่แพ้พาลปัญญาเขลา
เราไม่ใช่โลภะสักจะเอา
เราไม่ใช่งี่เง่าเอาใจตัว
เราไม่ใช่ไม่รู้ทิศทางลม
แต่ไม่ยอมขื่นขมให้ก้มหัว
เราไม่ใช่ลากจูงดังควายวัว
เพราะเรามีดีชั่วประจำใจ
เราเห็นกว่าพวกท่านผู้ผ่านโลก
เยาวชนเผชิญโชคมิสงสัย
ครูชี้นำชี้ทางประเทศไทย
มือชี้ได้เป็นตายมหาชน
จึงเป็นครูใช่ง่ายเพียงภูมิรู้
แต่เป็นครูวิญญาณบันดาลผล
สักเป็นครูเพียงเงินตรานำกมล
แล้วอนุชนทั่วหล้าบูชาใคร
จรรยาบรรณคำนั้นชั้นสูงส่ง
ดาวล่วงลงนภาอย่าสงสัย
จรรยาบรรณเปลี่ยนมาว่าจัญไร
ทูลเทิดไว้เถิดไทยให้เจริญ
4 มีนาคม 2552 13:38 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
น้อยใจพ่อท้อที่สู้ชูคนอื่น
ผ่านวันคืนดื่นดาษความขื่นขม
สู้ปั้นดินเป็นดาวสกาวชม
ท้ายทับถมลูกรักไม่ใยดี
ผ้าผืนใหม่นั้นงามน่าจับต้อง
เมื่อพิศตรองผืนเก่าไม่สดศรี
ผ้าผืนใหม่อย่างไรไม่รู้ที
ผืนเก่านี้กายีเราค้นเคย
ลูกคนอื่นชื่นชมภิรมย์จิต
คอยเพ่งพิศแนบสนิทอย่างเปิดเผย
ลูกตัวเองสิ่งใดไม่ชมเชย
คือละเลยหน้าที่ของบิดา
ยกสมบัติทั้งหมดให้คนอื่น
ลูกกล่ำกลืนสะอื้นไห้ในวาสนา
ลูกคนอื่นพ่อชูไว้บูชา
ส่วนลูกยาพ่อฆ่าอย่างเลือดเย็น
ลูกน้อยใจคุณพ่อที่เคารพ
องคาพยพทั้งหลายล้วนลูกเห็น
มีเนื้อเลือดวิญญาณคือคนเป็น
แต่กำลังถูกเซ่นบูชามาร