19 กุมภาพันธ์ 2552 22:33 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ดอกไม้ใช่แล้งน้ำ
วสันต์พรำฉ่ำสายสินธุ์
กำซาบอาบพื้นดิน
ธรณินงามอุดม
ซากแห้งแล้งคอยรอ
อุษาทอก่อผสม
มณีวิถีชม
น้ำค้างพรมรวีทอง
แสงไขไสวชีวิต
พันธุ์ไม้นิดตอบสนอง
ยอดทอต่อลำพอง
เฉกครรลองวิถีชน
คลี่บานสะเทื้อนเมฆ
แผ่นดินเสกยิ่งงามสม
กลบหายคลายอาจม
สราญรมย์ทิพย์พิมาน
ดอกไม้แห่งความรัก
บานประจักษ์ทุรลาญ
วายุสิทนหาญ
ดอกรักบานนิรมล
17 กุมภาพันธ์ 2552 15:47 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ถนนสายนี้
เขียวขจีด้วยตองแห้งฤดูหนาว
กับซากเน่าหยาดเพชรมณีพราว
และเรื่องราวจองจำผู้ลิงโลด
ถนนสายนี้
เปี่ยมฤดีหรรษาหฤโหด
ปุถุชนดุ่มเดินนับแสนโยชน์
เปล่าประโยชน์ด้วยเท้ายังย่ำเดิน
ถนนสายนี้
คาวโลกีย์ยกย่องสรรเสริญ
รูปกลิ่นเสียงนรกานต์อันจำเริญ
กล่อมเพลิดเพลินว่าเลิศกว่าคนธรรพ์
ถนนสายนี้
นองเลือดสีชมพูดูงามขำ
ต่างชายหญิงยื้อแย่งละเลงทำ
ประติมากรรมสืบศิลป์แผ่นดินทอง
ถนนสายนี้
ล้วนย่ำยีชีวีจนผุดผ่อง
กลายเศษหินดินหญ้ากำซาบทอง
บรรพตกองอาจมไว้บูชา
ถนนสายนี้
อีกมากมีบรรยายให้ล่มหลง
ไร้ตรรกะไร้หลักการไร้ธำรง
ไร้เที่ยงตรงถนนสายมายา
16 กุมภาพันธ์ 2552 01:23 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
พ้นราตรีแสงสีศศิธร
ตะวันจรย้อนทิวาทาบทาสวรรค์
รังสีแสงแปลงศิลป์กลบเพ็ญจันทร์
ณ อีกวันนกขมิ้นจะแรมรอน
ขยับบินพื้นดินขยับห่าง
นภากว้างเวิ้งว้างอุทาหรณ์
ฉากชีวิตกำกับเป็นละคร
ผู้วนว่ายสีทันดรมหาชล
เห็นมากมายไพรีชี้ลวงล่อ
เห็นงูเงี้ยวเขี้ยวขอแสวงผล
เห็นดำขาวเร้นเงาเมฆาบน
เห็นธราดลพ้นวิสัยธรรมดา
ยิ่งปีกบินต้านวายุทะลุร่าง
ยิ่งสว่างแนวทางเพียรศึกษา
ยิ่งปกครึ้มอนธการม่านเมฆา
ยิ่งประจักษ์อุราความเป็นไป
จึงรู้แจ้งรู้สว่างกระจ่างรู้
ดังเช้าตรู่อุษาวางแสงไข
บังอบายเบิกธรรมนำจิตใจ
ผู้เวียนว่ายในดินอันอาจม
15 กุมภาพันธ์ 2552 01:35 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ประวัติศาสตร์อำนาจผู้ชำนะ
ลิขิตละกาลีอัปรีย์แสน
นรกานต์บันดาลพิมานแดน
อนุชนแห่แหนธรรมดา
ด้วยมิรู้เท็จจริงสิ่งไหนแน่
อันเทียมแท้แค่มือเก็บรักษา
ร้องเรียงพจน์สุนทรกาญจนา
ฝากศรัทธามหาประชาชน
ดังผ้าขาวจุดดำมีตำหนิ
ย่อมยลผิวะดำกระทำผล
ดำกำซาบอาบร่างทั่งสกล
ย่อมมณฑลยลนิลสิ้นความดี
มองผ้าขาวเข้าใจนำเสนอ
จุดดำเจอเพียงเสี้ยวของเศษสี
เห็นรสธรรมล้ำกว่ามารไพรี
คำกาลีฤามีจำนรรจา
15 กุมภาพันธ์ 2552 01:30 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
รู้ว่ารักเมื่อพรากจากคนรัก
รู้ว่าหนักคนทักบ่าแบกหาม
รู้ว่าชอบระบอบนิยมตาม
รู้ว่างามทรามชั่วก็ตัวเอง
รู้เป็นไทยเมื่อสิ้นแผ่นดินชาติ
รู้เอกราชเมื่ออำนาจมันข่มเหง
รู้สุนทรีย์เมื่อสิ้นซึ่งบทเพลง
รู้หวั่นเกรงเมื่อเลือดละเลงไทย
จึงสำนึกผนึกกำลังมั่น
จึงผจัญมารยาสาไถย
จึงหาญห้าวหวังดาวเพียงรำไร
จึงหัวใจไฟฝันอันทวี
แล้วบุปผาแย้มบานละลานน้ำค้าง
อุษาสางรุ่งรางประกายสี
วิรังรองม่านกรองหยาดมณี
ฉายรัศมีชี้ชมรมยา