6 สิงหาคม 2551 16:14 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ฉากที่ 4 ชะตากรรมตามท้องถนน
พระอินทร์องค์ทรงเห็นวิถีชีวิต
ทีละนิดทีละนิดไกลสุขสันต์
หน้าเครียดเคร่งเส็งเคร็งห่างไกวัล
นี่ฤาฝันเฟื่องฟ้าเมืองอมร
ลมแว่วมาสำเนียงเสียงเคยคุ้น
แจ้วละมุ่นอุ่นใจคราครั้งก่อน
แต่ครั้งนี้เสียงนั้นมาแรมรอน
เป็นทุกข์ร้อนอย่างไรในเมืองกรุง
ตามเสียงมาเป็นว่ายายคำสี
ดูฉวีอับหมองจากฟ้าสูง
หวังจากนาเพื่อหาทางจรุง
ใยมิรุ่งจรุงเรืองเมืองมายา
ไต่ถามสารพัดเด่นชัดถ้วน
ชีวิตล้วนขื่นขมระทมหนา
ชีวิตไม้ใกล้ฝั่งยามชรา
จากท้องนามาเป็นคนขอทาน
พระอินทร์จำแลง
อย่าห่วงเลยแม่คุณเราจะช่วย
ตาคำสอนแกป่วยจะสมาน
พิษในกายรุมเร้ามาช้านาน
ปุ๋ยเคมีที่หว่านซาตานจำแลง
ด้วยอำนาจเราดลบันดาลให้
เหล่าผองภัยในกายที่แสลง
จากความดีเพียรทำจงสำแดง
ให้พิษแฝงในกายสลายไป!
เหมือนฝันร้ายจางหายมลายสิ้น
ตาคำสอนแว่วยินจิตผ่องใส
กายาพื้นตื่นมาฟ้าอำไพ
กำลังใจเปี่ยมล้นบนทางเทียว
พินิจทั่วตัวตนความเป็นอยู่
ด้วยอดสูผองภัยอันหวาดเสียว
ปล่อยให้แม่มุเดินทางคนเดียว
พ่อนี้เจียวไม่น่าจากนาเลย
ยายคำสี
คุณการุณย์หนุนนำแห่งอินทร์องค์
จักธำรงในใจไขเฉลย
ตราบชีพสั้นแม้นทุกข์ฤาเสบย
จะเอื้อยเอ๋ยลำนำคำวลี
ขอสรรเสริญฟ้าบนคนสัญจร
ฟ้าอมรอัมพรแดนสุขี
หวังมนุษย์ตั้งมั่นคุณความดี
เพื่อหลีกหนีอเวจีถ้วนทั่วกัน
แคนลำนำคำขับสดับโสต
ต่างจันโจษเล่าลือในเมืองฝัน
สองชราเล่าขานเพลงชีวัน
เพื่อสังคมอยู่กันอย่างไมตรี
4 สิงหาคม 2551 19:54 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ฉากที่ 3 ชรางานในบ้านเช่า
เมื่อชาวนาจากนามาย่ำกรุง
ลมชายทุ่งเคยพัดก็เลยผ่าน
กรรมกรห้ามแบกแอกแรงงาน
เพราะไม่ผ่านการศึกษาปัจจุบัน
จะบวกเลขลบหารการเสมือน
คงนับดาวล้านดวงในห้วงฝัน
รู้ทั้งรู้ว่าตัวไม่มีวัน
ก็ไม่รั้นไม่ดื้ออือออตาม
สีผมดอกเลาเล่าเรื่องราว
เป็นเรื่องยาวชาวนาที่ฝ่าข้าม
จากท้องทุ่งมุ่งสู่เมืองงดงาม
เพราะคนทรามทำร้ายไม่ใยดี
จึงจากจรดอนดงพงพนา
สู่เมืองฟ้าว่าหวังวันสดศรี
ใช้ชีวิตที่เหลือพนาลี
เมืองคอนกรีตแห่งนี้จะเยียวยา
ร่างชรากรำงานชั่วชีวิต
เจือสารพิษทั่วร่างไม่รักษา
เนินนานวันพิษร้ายกำเริบมา
ร่างชราจึงล้ากว่าควรเป็น
ตาคำสอนนอนซมในห้องอับ
ไม่อาจจับสิ่งของที่ตนเห็น
ยายคำสีจึงต้องคอยบำเพ็ญ
ซับน้ำเย็นคลายร้อนผ่อนบรรเทา
ยายคำสี
นอนพักเหนื่อยเถิดหนาพ่อเอ๋ย
ใจเสบยคืนวันอย่าอับเฉา
ฉันนี่แหละจะเลี้ยงซึ่งสองเรา
พ่อจงเบาวางใจอย่ากังวล
เมื่อไม่อาจทำงานประจำได้
นายจ้างไล่เฒ่าสองให้ออกพ้น
ยายคำสีต้องสู้ลำบากทน
เลี้ยงสองคนทนทุกข์เวทนา
เริ่มร้องเพลงมรดกถิ่นอีสาน
บรรเลงตามถิ่นร้านย่านการค้า
ขายเสียงเพลงเพื่อแลกกับเงินตรา
ในนานว่าวนิพกพเนจร
ใช่ขอทานแต่คือศิลปะ
เป็นมรดกตกทอดอนุสรณ์
ร่ายบรรเลงมนต์เพลงหมอลำกลอน
เซิ้งรำฟ้อนลีลาให้คนชม
ขอเพียงเงินสักบาทหยิบยื่นให้
เป็นแรงใจนำพาให้สุขสม
ขอชีวิตข้างหน้าคลายระทม
ไม่ร้องอินทร์ร้องพรหมให้ระคาย
สะสมเงินทุกบาทจากหยาดเหงื่อ
เก็บไว้เพื่อรักษาพ่อให้หาย
แล้วมุ่งหน้ากลับคอนก่อนตนตาย
ลมสบายบ้านนาอ้อนรับขวัญ
4 สิงหาคม 2551 19:48 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
พักตรงนี้ดีกว่ายามอ่อนล้า
อหังการ์ก้าวเดินบนทางฝัน
พักตรงนี้เพื่อฟื้นคืนชีวัน
ที่ตรงนั้นนิรันดร์สุขทุกชาติไป
ที่ตรงนี้มีรักอันอบอุ่น
นุ่มละมุนหนุนนอนยามหลังไหล
ร่างเจ้าล้าเกินกว่าจะก้าวไป
ลมละไมจากใจจะกล่อมนอน
จากตรงนี้ร่มเงายังคงอยู่
จงรับรู้คราวเจ้ามีทุกข์ร้อน
ที่ตรงนี้ยังรอเจ้ากลับคอน
ตะวันรอนเพื่อว่าอาทิตย์อุทัยฯ
3 สิงหาคม 2551 00:28 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ฉากที่ 2 ถนนคนเดินทาง
ภาพผู้คนล้นหลามไปตามตรอก
น้ำกระฉอกจากล้อรถคันนั้น
ภาพผู้คนก้มปัดพัลวัน
ภาพเย้ยหยันจากรถเลยผ่านไป
ทั้งกระบุงตระกล้าก็เปรอะเปื้อน
เสื้อผ้าเกลื่อนยายลื่นเซไถล
ชายชราจับคว้าระวิงระไว
จึงเหงื่อไคลอาบร่างทางน้ำตา
ตาคำสอน
ไม่เป็นไรหรอกยายลุกขึ้นเถิด
เรื่องที่เกิดอย่าเก็บมาถือสา
ทางต่อไปยิ่งร้ายเกินจินตนา
เราจึงกล้าเพื่อจะก้าวตามทางเทียว
ทางโหดร้ายเปล่าดายจะรู้สึก
เสียงสะอึกรังแต่ให้ใจเปลี่ยว
ก็วันพระมีฤาแค่วันเดียว
เพียงเศษเสี้ยวของวันที่ผ่านลา
ยายคำสี
ไม่รู้เราคิดถูกหรือคิดผิด
ที่ปองจิตมุ่งสู่เขตเมืองฟ้า
แต่เหตุการณ์ที่พบประจักษ์ตา
สำนึกว่าเมืองฟ้าฤาซาตาน
จึงน้อยเนื้อต่ำใจวาสนา
มีเงินตราตราตีมหาศาล
ผู้ยากไร้เทียบค่าทาสแรงงาน
ส่วนเจ้านายเบิกบานทั่งวานวงศ์
สองตายายหายลับในเมืองกรุง
คงเรืองรุ่งตามวาดสมประสงค์
จงเรี่ยวแรงแข็งขันและมั่นคง
อย่างอาจองชื่อว่าชาวนาไทย
ด้านท้องนาร้อนผ่าวระเริงแดด
ฟางกรอบแสดเก่าหมองระยิบไหว
ฝนลืมตกพระอินทร์มัวทำไร
หรือเป็นใจให้ฟ้ามาลงทัณฑ์
ธรรมชาติไม่อาจเอาชนะ
ดังคำพระข้อนี้ก็น่าขัน
ล้วนประชาทุกข์ยากที่จาบัลย์
คนสุขสันต์ก็ล้วนผู้ทำลาย
คนจนด้อยค่าราคาชีพ
ถูกแตะถีบเคราะห์กรรมอันโหดร้าย
คนมั่งมีมากเครื่องอำนวยกาย
สะดวกสบายในทิพย์วิมารตน
วิบัติภัยเพื่อใครช่วยตอบที
ผลาญชีวีบริสุทธิ์ฤาสับสน
ถึงชาวนาได้ชื่อว่าอดทน
ก็เป็นคนเลือดเนื้อและวิญญาณ
3 สิงหาคม 2551 00:22 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
สีน้ำหมึกขีดเขียนเติมสีสัน
หลอมชีวันแต้มโลกให้เฉิดฉาย
จารจารึกผลึกค่าพรรณราย
ประดับไว้เคียงกายเราทุกคน
แม่ของเราเช่นค่าว่าน้ำหมึก
อันตกผลึกชี้ทางมิสับสน
ด้วยอาทรพร่ำสอนดวงกมล
แม้นทุกข์ทนไม่พ้นภาระงาน
แต่คราวนี้น้ำหมึกเหมือนไร้สี
ถ้อยวจีไร้ค่ากว่ากล่าวขาน
ควรแล้วหรือคุณแม่นับประการ
เหล่าลูกหลานอาจหาญไม่ใยดี